ติดตามอ่านกระทู้การเมืองกันเป็นประจำ แต่ไม่ค่อยจะได้โพสต์ตั้ง-ตอบกับเขา ด้วยว่าข้อมูลไม่แน่นพอ ไม่ใช่วงใน ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในเรื่องดังกล่าวอย่างถ่องแท้ ถ้าตอบไปทางไหน เดี๋ยวก็จะกลายไปเป็นเครื่องมือให้เขาไปเสียเปล่า
รัฐบาลทักษิณ ได้ชื่อว่ามีผลงานเป็นรูปเป็นธรรม จับต้องได้มากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาในประวัติศาสต์การเมืองเรา แม้ว่าในวันนี้พิษภัยการเมืองจะทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ xx ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ จากบ้านเกิดเมืองนอนไปหลายปี แต่ก็ยังมีเพื่อนสมาชิกตั้งกระทู้ถามถึงกันแทบทุกวันไม่เคยห่างหาย
สมัยเริ่มทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งหลังเรียนจบ เจ้าของกระทู้เคยนึกสงสัยว่า ทำไมเจ้าของแบงค์จึงไม่ทำอย่างแบงค์อื่นเขาบ้าง ทำไมจึงยินดีที่จะอยู่ในลำดับกลางตาราง ทำไมไม่อยากขึ้นเป็นธนาคารอันดับหนึ่งของประเทศไทย และย้อนวงเล็กลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งหน่วยงานที่เจ้าของกระทู้ทำงานอยู่ในที่สุด ก็พบว่า ในหน่วยงานแม้จะมีพนักงานที่พอจะมีฝีมือมากมาย อย่างน้า A ผู้เชี่ยวชาญงานธนาคารสาขามานับยี่สิบกว่าปี หรือจะเป็นพี่ B หนุ่มไฟแรง แอบแฝงไว้ด้วยจินตนาการอันบรรเจิด และพนักงานอื่นที่ก็มีประสบการณ์ทำงานเปี่ยมล้น แต่ละคนล้วนแต่ได้รับการเรียกตัวมาจากสาขาต่าง ๆ เป็นทีมงานที่แข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่ด้วยนโยบายระดับสูงที่ต้องมีการเวียนงานกันในระดับผู้บังคับบัญชาหน่วยงานขึ้นไป ทำให้ช่วงแรงที่เจ้าของกระทู้เริ่มงานใหม่ จึงเต็มไปด้วยปัญหาสารพัน ทั้งจากภายใน และภายนอก จนกระทั่งหน่วยงานมีการเวียนงานกันอีกรอบ มีผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการคนใหม่หน้าเดิมกลับมาทำงานเดิม งานก็เริ่มเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งพอมองย้อนหลังกลับไปในวันนั้น ผมเคยสอบถามทั้งผู้จัดการ ผู้ช่วย และบรรดาเพื่อนร่วมงานท่านอื่น ๆ ว่า การที่หน่วยงานเราในตอนนั้นทำงานได้ดี มีจำนวนพนักงานในหน่วยงานมากมายกว่าหน่วยงานอื่นในฝ่ายเดียวกัน เพราะสาเหตุใด ใช่เพราะผู้จัดการหรือไม่ หรือเป็นเพราะผู้ช่วยผู้จัดการมีฝีมือ และได้รับการตอบกลับมาต่าง ๆ กัน บ้างว่าเพราะผู้ใหญ่ระดับสูงขึ้นไป บ้างว่าเพราะผู้จัดการคนนั้นเป็นคนเก่ง เป็นมือขวาผู้อำนวยการฝ่าย บ้างว่าเป็นเพราะผู้ช่วยสามารถดูแลจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือแม้กระทั่งว่าเพราะวาสนามันดี โชคช่วย เจ้านายรัก ซึ่งก็ว่ากันไป
ผมคิดว่า การที่หน่วยงานใดใดจะเจริญเติบโต และนำพาองค์กรไปรอดนั้น นอกจากจะต้องมีผู้จัดการที่ทำหน้าที่นายท้ายเรือที่ดีแล้ว ยังอยู่ที่บุคลากรในหน่วยงานที่มีคุณภาพด้วยไม่ใช่ว่า พอนายดี ทีมงานแย่ พอนายแย่ ทีมงานดี กัน แต่เรื่องจริงก็คือ ของสองสิ่งนี้มักจะไม่ค่อยมาด้วยกัน เหมือนเช่นรัฐบาลทักษิณ ที่บังเอิญว่า ทีมงานรัฐบาลในตอนนั้นล้วนแล้วแต่มุ่งมั่นทำงานได้ดี จึงนำมาประเทศชาติผ่านไปได้ในระดับหนึ่งอย่างที่เห็น ๆ แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เข้าตาประชาชนนัก ยกเว้น ความเร็ว ณ วันผ่านงบประมาณ (ฮา)
กลับมาที่ประเทศชาติบ้านเมืองของเราในวันนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็มีจุดแข็งที่ทีมงานที่ดี ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นทีมงานจากพรรคเพื่อไทยเอง (ท่านจาตุรนต์และท่านอื่นอื่น) หรือจากบุคลากรที่เชื้อเชิญกันมาอย่างท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือท่านปวีณาหงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น นี่ขนาดมีทีมงานที่ดีเพียงไม่กี่ท่าน ก็ยังทำให้บ้านเมืองคงดำเนินไปได้และยังมีผลงานให้เห็นบ้าง แม้ว่าหลายคนจะเข้ามาแบบการเมือง ทำงานการเมือง แบบการเมืองไปวันวันก็ตาม
บทสรุป ณ จุดนี้ คือ รัฐบาลสมัยใดใดก็ตาม ไม่ว่าจะมาจากพรรคใดใดก็ตาม ถ้าตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ มีฝีมือ ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจริงแล้ว แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก ก็เชื่อได้ว่า ชาติบ้านเมืองของเราย่อมต้องเจริญรุดหน้าไปกว่านี้และยืนหยัดในฐานะผู้นำชาติสมาชิก AEC ได้อย่างแน่นอนสักวันหนึ่ง
ขอบ่นด้วยคน
รัฐบาลทักษิณ ได้ชื่อว่ามีผลงานเป็นรูปเป็นธรรม จับต้องได้มากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาในประวัติศาสต์การเมืองเรา แม้ว่าในวันนี้พิษภัยการเมืองจะทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ xx ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ จากบ้านเกิดเมืองนอนไปหลายปี แต่ก็ยังมีเพื่อนสมาชิกตั้งกระทู้ถามถึงกันแทบทุกวันไม่เคยห่างหาย
สมัยเริ่มทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งหลังเรียนจบ เจ้าของกระทู้เคยนึกสงสัยว่า ทำไมเจ้าของแบงค์จึงไม่ทำอย่างแบงค์อื่นเขาบ้าง ทำไมจึงยินดีที่จะอยู่ในลำดับกลางตาราง ทำไมไม่อยากขึ้นเป็นธนาคารอันดับหนึ่งของประเทศไทย และย้อนวงเล็กลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งหน่วยงานที่เจ้าของกระทู้ทำงานอยู่ในที่สุด ก็พบว่า ในหน่วยงานแม้จะมีพนักงานที่พอจะมีฝีมือมากมาย อย่างน้า A ผู้เชี่ยวชาญงานธนาคารสาขามานับยี่สิบกว่าปี หรือจะเป็นพี่ B หนุ่มไฟแรง แอบแฝงไว้ด้วยจินตนาการอันบรรเจิด และพนักงานอื่นที่ก็มีประสบการณ์ทำงานเปี่ยมล้น แต่ละคนล้วนแต่ได้รับการเรียกตัวมาจากสาขาต่าง ๆ เป็นทีมงานที่แข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่ด้วยนโยบายระดับสูงที่ต้องมีการเวียนงานกันในระดับผู้บังคับบัญชาหน่วยงานขึ้นไป ทำให้ช่วงแรงที่เจ้าของกระทู้เริ่มงานใหม่ จึงเต็มไปด้วยปัญหาสารพัน ทั้งจากภายใน และภายนอก จนกระทั่งหน่วยงานมีการเวียนงานกันอีกรอบ มีผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการคนใหม่หน้าเดิมกลับมาทำงานเดิม งานก็เริ่มเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งพอมองย้อนหลังกลับไปในวันนั้น ผมเคยสอบถามทั้งผู้จัดการ ผู้ช่วย และบรรดาเพื่อนร่วมงานท่านอื่น ๆ ว่า การที่หน่วยงานเราในตอนนั้นทำงานได้ดี มีจำนวนพนักงานในหน่วยงานมากมายกว่าหน่วยงานอื่นในฝ่ายเดียวกัน เพราะสาเหตุใด ใช่เพราะผู้จัดการหรือไม่ หรือเป็นเพราะผู้ช่วยผู้จัดการมีฝีมือ และได้รับการตอบกลับมาต่าง ๆ กัน บ้างว่าเพราะผู้ใหญ่ระดับสูงขึ้นไป บ้างว่าเพราะผู้จัดการคนนั้นเป็นคนเก่ง เป็นมือขวาผู้อำนวยการฝ่าย บ้างว่าเป็นเพราะผู้ช่วยสามารถดูแลจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือแม้กระทั่งว่าเพราะวาสนามันดี โชคช่วย เจ้านายรัก ซึ่งก็ว่ากันไป
ผมคิดว่า การที่หน่วยงานใดใดจะเจริญเติบโต และนำพาองค์กรไปรอดนั้น นอกจากจะต้องมีผู้จัดการที่ทำหน้าที่นายท้ายเรือที่ดีแล้ว ยังอยู่ที่บุคลากรในหน่วยงานที่มีคุณภาพด้วยไม่ใช่ว่า พอนายดี ทีมงานแย่ พอนายแย่ ทีมงานดี กัน แต่เรื่องจริงก็คือ ของสองสิ่งนี้มักจะไม่ค่อยมาด้วยกัน เหมือนเช่นรัฐบาลทักษิณ ที่บังเอิญว่า ทีมงานรัฐบาลในตอนนั้นล้วนแล้วแต่มุ่งมั่นทำงานได้ดี จึงนำมาประเทศชาติผ่านไปได้ในระดับหนึ่งอย่างที่เห็น ๆ แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เข้าตาประชาชนนัก ยกเว้น ความเร็ว ณ วันผ่านงบประมาณ (ฮา)
กลับมาที่ประเทศชาติบ้านเมืองของเราในวันนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็มีจุดแข็งที่ทีมงานที่ดี ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นทีมงานจากพรรคเพื่อไทยเอง (ท่านจาตุรนต์และท่านอื่นอื่น) หรือจากบุคลากรที่เชื้อเชิญกันมาอย่างท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือท่านปวีณาหงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น นี่ขนาดมีทีมงานที่ดีเพียงไม่กี่ท่าน ก็ยังทำให้บ้านเมืองคงดำเนินไปได้และยังมีผลงานให้เห็นบ้าง แม้ว่าหลายคนจะเข้ามาแบบการเมือง ทำงานการเมือง แบบการเมืองไปวันวันก็ตาม
บทสรุป ณ จุดนี้ คือ รัฐบาลสมัยใดใดก็ตาม ไม่ว่าจะมาจากพรรคใดใดก็ตาม ถ้าตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ มีฝีมือ ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจริงแล้ว แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก ก็เชื่อได้ว่า ชาติบ้านเมืองของเราย่อมต้องเจริญรุดหน้าไปกว่านี้และยืนหยัดในฐานะผู้นำชาติสมาชิก AEC ได้อย่างแน่นอนสักวันหนึ่ง