ประวัติศาสตร์อิสราเอลโบราณ (ตอนที่2):อพยพ

ต่อจากตอนที่ 1(http://ppantip.com/topic/30850930)
(tag คัมภีร์ไบเบิล เนื่องจากมีบางตอนใช้ข้อมูลจากคัมภีร์ไบเบิล)
1)การอพยพ
             เรื่องการอพยพ เป็นอีกเรียกหนึ่งที่เต็มไปด้วยปัญหาและคำถามคล้ายกับการปกครองโดยผู้อาวุโส
             หลังจากซาราห์ตาย เมื่ออายุ 127 ปี อับราฮัมแต่งงานและมีลูกหลานจากภรรยาคนที่สองและภรรยาอีกหลายคน. คนเหล่านี้กลายเป็นบรรพบุรษของชนอาหรับหลายเผ่า. ก่อนตาย อับราฮัมเลือกภรรยาให้อิสอัคจากเครือญาติหลายคนของเขา อิสอัคแต่งงานกับรีเบคคาและตั้งถิ่นฐานใกล้เบียชีบา,ดินแดนตอนใต้ของอาณาเขต,อิสอัคและ   รีเบคคา กำเนิดลูกแฝด ๒ คน เอซาวและยาโคบ.
              2) ออกจากอียิปต์
              เอซาว เป็นบรรพบุรุษของชาวเอโมน   ขณะที่ยาโคบ เป็นบิดาของบุตรชายสิบสองคน จากภรรยาชาวอารามและภรรยาลำดับรองลงมา  และบุตรชาย ๑๒ คนนี้เป็นบรรพบุรุษของชนเผ่า สิบสองเผ่าของอิสราเอล
บุตรคนหนึ่งของยาโคบ , ชื่อโยเซพ ถูกขายเป็นทาสโดยพี่น้องของเขา  และถูกพาเข้าไปในอียิปต์อีกครั้ง  ขณะที่เขาถูกจองจำ โยเซฟ แสดงความสามารถของเขา โดยตีความฝัน, จนได้รับอิสรภาพ
              ต่อมากลายเป็นข้าราชการปกครองอียิปต์ เป็นรองเฉพาะฟาโรห์  ขณะที่เกิดการกันดารอาหารในคานาอัน ทำให้ยาโคป  และครอบครัวของเขาอพยพเข้าไปในอียิปต์ เพื่อหาอาหาร  โยเซฟ หาที่อยู่ให้แก่พวกเขาอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า โกเชน
     ในอียิปต์ ครอบครัวของพี่น้องสิบสองคน มีจำนวนเพิ่มทวีมากขึ้น เป็นชนเผ่าสิบสองเผ่า.เวลาต่อมา ฟาโรห์ที่มีอำนาจไม่รู้จักโยเซฟ  และบังคับคนฮีบรูให้เป็นทาส  พระเจ้าบัญชาโมเสส  (ที่แม้จะเป็นชาวฮีบรู เติบโตในวังของฟาโรห์ หลังจากได้รับการช่วยชีวิตจากแม่น้ำไนท์)  เพื่อนำประชาชนออกจากอียิปต์และกลับไปยังแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญากับอับราฮัม.  การหนีออกจากอียิปต์ นำโดยโมเสส   ชาวฮีบรู  พบความอัศจรรย์ต่างๆ  รวมทั้งภัยภิบัติ สิบประการ ที่พระเจ้าส่งลงมายังอียิปต์ ,หลังจากเกิดภัยภิบัติ   ฟาโรห์ยอมให้ชาวฮีบรูออกไป แต่ฟาโรห์เปลี่ยนใจ  พระเจ้าส่งภัยพิบัติอีกอย่างหนึ่งลงมาที่แผ่นดินของเขา.  ประกอบด้วย เลือด,ฝูงกบ ริ้น ,เหลือบ, แมลง , แผล,ลูกเห็บ, ตั๊กแตน,ความมืด,และการสังหารบุตรคนหัวปี
              พระธรรมอพยพได้บรรยายถึงภัยพิบัติทั้ง 10 ประการไว้ว่า ในเวลานั้นแม่น้ำไนล์ที่หล่อเลี้ยงชาวอียิปต์ได้กลายเป็นสีเลือด เกิดการแพร่ระบาดของกบ  ริ้น เหลือบและตั๊กแตน  ฝูงสัตว์ล้มตายโดยไร้สาเหตุ เกิดฝีพุพองขึ้นบนตัวคน เรื่อยไปจนถึงพายุลูกเห็บที่มาสร้างความหายนะ และความมืดสามวันสุดท้าย เมื่อฟาโรห์ยังขัดขืนความต้องการของพระเจ้า
     ภัยพิบัติข้อสุดท้ายคือสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดใน 10 ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น เพราะพระเจ้าประหารชีวิตบุตรชายหัวปีของทุกครอบครัวในอียิปต์ ชาวฮีบรูได้รับการอนุญาตให้ออกจากอียิปต์   ฟาโรห์  มีใจแข็งกระด้างขึ้นอีกครั้ง  รวบรวมกองทัพ และไล่ประชาชนไปไกลจนถึงทะเลแดง พระเจ้าแยกแผ่นน้ำ และยอมให้ชาวฮีบรูข้ามบนดินแห้ง  แต่เมื่อฟาโรห์ และกองทัพของเขาไล่ตาม  พระเจ้าทำให้น้ำไหลกลับ และทำลายกองทัพอียิปต์    เรื่องในใบเบิลฮีบรู  บอกเล่าในแบบที่เหมือนกับมีการนำแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน ปัจจุบันนักวิชาการ  มาหยุดที่คัมภีร์ฮีบรู  
              3)  40 ปีแรกในทะเลทราย
                ชาวฮีบรูเข้าไปในคานาอัน เป็นขั้นเป็นตอน  พระเจ้าตั้งเสาเมฆตอนกลางวันและเสาไฟตอนกลางคืนเพื่อบอกว่า ชาวฮีบรู ควรย้ายค่ายพักแรมไปทางไหน และควรตั้งค่ายพักแรมที่ไหนตลอดทาง  ระหว่างทางพระองค์เลี้ยงดูด้วยนกคุ่มและมานา
         เดินทางมาได้สามเดือน  มาถึงภูเขาแห่งหนึ่งในถิ่นทุรกันดารไซนาย. ชาวฮีบรู ยังตั้งค่ายที่เชิงเขา ขณะที่โมเสส ขึ้นไปบนภูเขาหลายครั้งและพูดกับพระเจ้าโดยตรง  ตอนขึ้นไป เขาเห็นเปลวไฟที่พุ่มไม้ และได้รับพระบัญญัติ คำแนะนำด้านพิธีการ และระเบียบปฏิบัติต่างๆ.พระบัญญัติเหล่านี้ คำแนะนำ และระเบียบ ถูกนำมาปฏิบัติด้วยความเข้าใจว่า นับจากนี้ผู้คนต้องนำไปยึดถือต่อไป.   
                 และนับแต่นั้น  นี่เป็นพระบัญญัติที่นำมาปกครองชาวยิวตั้งแต่นั้น  และส่งผลกับคริสตศาสนาและอิสลาม ไม่เพียงเป็นที่มาของบัญญัติ ๑๐ ประการเท่านั้น ยังมีลักษณะไม่เหมือนใครในประวัติศาสตร์  แต่ในไบเบิลยังมีพระบัญญัติอีกจำนวนมากกว่า ๖๐๐ ข้อ ในคัมภีร์ฮีบรู ในจำนวนหลายข้อนั้น  บางข้อผู้คนยังคงยึดถือปฏิบัติ ในปัจจุบัน,
                ชาวฮีบรู ยังคงตั้งค่ายที่ภูเขา เมื่อเขาฉลองเทศกาลปัสกาครั้งแรก   นั่นคือการเฉลิมฉลอง ครบรอบปี ของการหนีจากอียิปต์ วันที่ 12 เดือน 2 ของปีที่2  เสาเมฆ เคลื่อนที่ไป  ถึงเวลาที่คนต้องโยกย้ายต่อไป  ชาวฮีบรูเริ่มเดินทางอีกครั้ง  และในที่สุดเดินทางมาถึง คาเดส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเนเกฟ จากตรงนี้ พวกเขาส่งคนสอดแนบ จำนวน ๑๒ คน ไปสำรวจแผ่นดินแห่งพันธสัญญา  คนสอดแนมกลับมาพร้อมกับรายงาน ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน  และผลิตผลที่ได้จากแผ่นดิน(แผ่นดินแห่งน้ำนมและน้ำผึ้ง), และยังเตือนด้วยว่า เมืองแข็งแรงเกินกว่าจะพิชิตได้ แผ่นดินนั้น ยังมีคนสูงใหญ่อาศัยอยู่.
        ขณะที่กำลังเร่ร่อนไปเรื่อยๆ  โมเสสเสียชีวิตที่ทรานจอร์แดน  อยู่ทางทิศตะวันออกของอิสราเอล, โยซูวานำผู้คนต่อ  โยซูวาเตรียมการรุกรานด้านตะวันตกของคานาอัน  การข้ามแม่น้ำจอร์แดนและการพิชิตเจอริโค เป็นเหตุการณ์ที่ประกอบกันระหว่างความอัศจรรย์กับการใช้การทหารที่ดี.
                 ต่อมาโมเสสและฮีบรู กลายเป็นคำที่ใช้เรียกชาวอิสราเอล  ที่เร่ร่อนไปแถบนั้นอีก สี่สิบปี  พวกเขาเดินทางไปทางไหน ขึ้นไปทางทิศเหนือ ,หรือไปใกล้ชายฝั่งทะเล หรือไปตามเส้นทางตอนกลางข้ามไซนาย หรือไปทางทิศใต้?
        มีความเป็นไปได้หมดทุกเส้นทาง   ที่ควรตัดออกไปเลยคือ ไปทางทิศเหนือ  เพราะคนอียิปต์ตั้งป้อมปราการตลอดเส้นทาง   ไปทางตอนคกลางก็ตัดออกไปได้อีกเช่นกัน เพราะเป็นเส้นทางเข้าไปกลางทะเลทราย
เส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือเส้นทางภาคใต้ ไปได้ถึง Sharm El Sheikh  ที่จะทำให้ชาวฮีบรูหรือชาวอิสราเอล สามารถเดินทางได้สี่สิบปี.
                 นักโบราณคดีส่วนใหญ่และนักประวัติศาสตร์หลายคนมีความเห็นว่าโมเสส และชาวฮีบรู เดินทางไปทางตอนใต้ของแหลมไซนาย เป็นเวลามากกว่า ๔๐ ปีนี้.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่