กรุงเทพฯ->โจฮันเนสเบิร์ก->เครป ทาวน์->กรุงเทพฯ
ตอนที่1 โจฮันเนสเบิร์ก - เอนทาเบนี(ซาฟารี) - ตามล่า Big Five
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิพ ทุกคนนะคะ
วันที่ 7-14 พฤษภาคม56 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวเชิงสัมนากับบริษัทที่ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเวลา 7วัน 6คืน เป็นทริปที่เหนือจินตนาการ เกินความคาดหมาย ประทับใจ และอยากกลับไปอีกครั้ง
ขอใช้โอกาสนี้ในการแบ่งปันรูปภาพและกิจกรรมต่างๆตลอด7วัน มาฝากเพื่อนๆ พร้อมกับรีวิวโรงแรมที่ได้ไปพักมาทั้งหมด4แห่ง เผื่อมีประโยชน์กับใครก็ตามที่กำลังจะไปเยือนประเทศแอฟริกาใต้ หรือกำลังมองทริปท่องเที่ยวเพื่อเป็นของขวัญสักชิ้นให้กับตัวเอง
ทริปครั้งนี้เป็นทริปExclusive ทั้งอาหารการกิน ที่พัก หรือกิจกรรมที่ได้ทำ (ปกติเราไม่ได้ติดหรู อยู่สบาย แต่บังเอิญครั้งนี้ได้ไปฟรีกับบริษัท) ราคาทริปจึงค่อนข้างสูง คุยกับบริษัททัวร์เค้าบอกว่า ถ้าทริปนี้ไปกัน2คน จะตกอยู่ที่คนละ250,000บาทเป็นขั้นต่ำ แต่ถ้าไปหลายคนราคาจะลดลงอีกเยอะค่ะ (บริษัทเราไปกันเป็นร้อยคน ตกคนละแสนต้นๆ) สำหรับเรา ทริปนี้สนุกตรงกิจกรรมต่างๆที่ได้ทำนี่แหละค่ะ ซึ่งความจริงเพื่อนๆที่ได้ไปมาแล้วอาจได้ทำกิจกรรมคล้ายกัน แต่เราเคยครั้งแรก เลยตื่นเต้นและรู้สึกพิเศษมากกก ใครที่ดูเสร็จแล้วอยากมีประสบการณ์แบบเดียวกัน ลองเอาตารางเที่ยวไปให้บริษัททัวร์จัดทริปให้ได้นะคะ
ขออนุญาติแบ่งเป็น4ตอน เพื่อให้ติดตามง่ายขึ้นค่ะ
ตอนที่1 โจฮันเนสเบิร์ก - เอนทาเบนี(ซาฟารี) - ตามล่า Big Five
ตอนที่2 เอนทาเบนี(ซาฟารี) - ซันซิตี้ The Palace of the lost city - โจฮันเนสเบิร์ก(เหมืองทอง)
http://ppantip.com/topic/30854772
ตอนที่3 เคปทาว์น เมืองในฝัน ติดตาตรึงใจ และอยากกลับไปอีกครั้ง
http://ppantip.com/topic/30872627
ตอนที่4 เคป ทาวน์ - V&A Waterfront - แหลมกู๊ดโฮป - Moyo African Style - กรุงเทพฯ
http://ppantip.com/topic/30889222
อ่ออ.. นี่เป็นประทู้แรกที่โพส คือสมัครพันทิปเพื่อแบ่งปันจริงๆ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง ขออย่าถือกันเลยนะค้า ^^
มาเริ่มกันเลยค่ะ..
ออกเดินทางสู่ โจฮันเนสเบิร์กด้วยสารการบินไทย เที่ยวบินที่ TG991 เครื่องออกตอนตีหนึ่งกว่าๆ
นั่งเครื่องยาวๆมาถึงแอฟริกาใต้ประมาณเกือบ7โมงเช้าของที่แอฟริกาใต้ หรือเวลาไทยประมาณเที่ยง เพราะที่นี่เวลาช้ากว่าไทย5ชั่วโมงค่ะ
ลงเครื่องมา จะเจอทางเข้าสนามบินที่ปูกระเบื้องด้วยสีประจำชาติ ดูสวยไปอีกแบบค่ะ
แม้แต่พนังก็เป็นสีสัน สวยงามทีเดียว
ดูแอร์ที่นี่เค้าแต่งตัวกัน ดูหนาวมากเลย..
เมื่อก่อนพอพูดคำว่าแอฟริกาใต้ ปอยมักนึกถึง หนังเรื่อง'เทวดาท่าจะบ๊อง' อารมณ์ นิโกร ผิวดำ ตัวผอมแห้ง แก้ผ้ายืนตากแดด
แต่ตารางทัววร์ที่ส่งมาจากบริษัทกลับบอกว่าอากาศเย็น 9-19องศา ให้เตรียมเสื้อหนาว หมวก และแว่นกันเดดไปด้วย
ตอนนั้นคิดในใจ .. แว่นกันแดด หมวก กับเสื้อหนาว มันเข้ากันตรงไหน? แต่พอลงเครื่องเท่านั้นแหละ เข้าใจอย่างดีเลยค่ะ..
อากาศหนาวมาก ลมแรง แดดแรง แต่สวยค่ะ
จากนั้นก็ขึ้นรถบัสเพื่อไปที่ เอนทาเบนี ซึ่งเป็นเขตสงวนพันธ์สัตว์ป่าของเอกชน ใช้เดินทางทั้งหมด3ชั่วโมง
พักที่ The Legend Golf And Safari Resort ทางเข้า..
บริเวณข้างหน้ารีสอร์ท
ตอนรับเราด้วย Welcome Drink พร้อมลงทะเบียนรับกุญแจบ้านพักและรับของที่ระลึกจากทางบริษัท เป็นหมวกที่ทำด้วยวัสดุของแอฟริกาใต้
เค้าให้เราเอาแท็กห้องพักไปติดที่กระเป๋า จากนั้นทางรีสอร์ทจะนำกระเป๋าไปไว้ที่ห้องพักให้เอง ส่วนเราก็เตรียมไปทานอาหารกลางวันด้วยรถรับส่งภายใน หน้าตาแบบนี้...
นั่งรถจี๊บมาตามถนนลูกรัง ฝุ่นตลบ อารมณ์เหมือนในหนังคาวบอยเลย เพื่อมาที่โรงอาหารซึ่งจัดชุดจานชามไว้ให้ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว จานชามทำจากสังกะสี สีสันต่างๆ น่ารักมาก เหมือนชุดสำหรับเด็กประถม
อาหารเป็นสเต็กเนื้อ ไก่ ปลา บาบีคิว และสลัดผัก ชีส ขนมปังต่างๆ
จากนั้นพาเราสู่ที่พัก ที่อยู่ในเขตป่าสงวน ที่นี่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์200% เพราะนอกจากรอบๆบ้านจะเป็นเขตทุ่งหญ้าสะวันนาแล้ว ยังมีสัตว์ไม่กินเนื้อ เช่น กวาง ลิง อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เค้าเลยห้ามเอากระเป๋าหรือของมีค่าวางไว้เด็ดขาด ป้องกัน'ลิงขโมย'
รีสอร์ทแบ่งบ้านพักออกเป็นหลังๆ เพื่อความเงียบสงบ ถ้าอยู่คนละโซนจะไกลกันมาก คือเดินไปมาหากันทั้งตอนกลางวันกลางคืนไม่ได้เด็ดขาด แต่ยังดีที่หลังหนึ่งมี 2-3 ห้องติดกัน
บ้านพักของเรา อยู่โซนสุดท้าย ติดกับรั้วไฟฟ้าของเขตสัตว์กินเนื้อ จะได้ยินเสียงช้าง เสียงสิงโตคำราม เป็นปกติ
หลังบ้านพัก วิวแบบนี้
ภายในห้องนอน
มีรถจี๊บเปิดประทุนมารับออกไปตามล่าหา Big Five ได้แก่ สิงโต แรด เสือ ควายป่า ช้างป่า
บางคันมีหลังคา
รถจี๊บวิ่งลัดเลาะไปตามทาง ที่วิวสวยมากๆ จนลืมว่ามาตามล่าหา Big Five
ลูกเรืออย่างเราช่วยส่องกล้องตามหาสัตว์ต่างๆ ก่อนเข้าไปดูใกล้ๆ
ตัวแรกที่เจอ..
และสิงโต.. เจ้าป่า
ไกด์บอกว่า'แดน'นายพรานที่ขับรถนำทางคันที่ปอยนั่ง เก่งที่สุดและหล่อที่สุดด้วย.. ถึงขนาดตามแกะรอยเท้าสิงโต บอกว่า "รอยนี่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แปลว่ามันเพิ่งเดินผ่านไป" ตอนฟังตื่นเต้นมากเลย พยามช่วยกันแกะแกะรอยเท้าสิงโตไปเรื่อยๆ
แต่พอมาเจอเพื่อนที่นั่งคันอื่นๆ เค้าเจอสิงโตตัวเป็นๆกันเกือบทุกคันเลย ยกเว้นคันเราที่เจอแต่รอยเท้า55
นายพรานแดน
แต่ที่ปอยชอบมาก คือจุดแวะปิกนิกกลางทาง ที่จุดเทียนตามทางเป็นระยะๆ ให้ความรู้สึกเหมือนในหนังฝรั่งที่เคยดูสมัยเด็กๆ
จุดนี้มีเครื่องดื่ม ทั้งมีและไม่มีแอลกลอฮอร์ไว้ให้ พร้อมด้วยกับแกล้มเป็นขนมและถั่วต่างๆ ทั้งอัลมอนด์ แมคคาเดเมีย ดื่มกินได้ไม่อั้น
ตอนกลางคืนนั่งรถมาที่ทานข้าว ที่เดียวกับตอนกลางวัน แต่คนละฝั่ง เข้าใจว่าน่าจะจัดพื้นที่ตรงนี้ไว้สำหรับเป็นโซนอาหารโดยเฉพาะ มีการแสดงพื้นเมืองรอบกองไฟ และเราออกไปเต้นด้วย แต่ไม่มีรูปเพราะแบตหมดสนิทเลย!!
อากาศตอนกลางคืนหนาวมาก.. ไม่ถึงสิบองศา นั่งรถจี๊บนี่สั่นไปทั้งคัน ไม่ใช่เพราะถนนลูกรังนะคะ เพราะทุกคนหนาวมากจริงๆ
ปิดท้ายวันที่แสนประทับใจที่สุดด้วยภาพของหมู่ดาว บริเวณหน้าบ้านพัก ต่อให้อากาศหนาวแค่ไหนก็อยากตากน้ำค้างเพื่อให้ได้แหงนขึ้นมองท้องฟ้า.. พระเจ้า!!!เกิดมาไม่เคยเห็นดาวสวยแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ด้วยบรรยากาศ ฟ้ามืดในเขตป่าสงวน ทุ่งหญ้าสะวันนา เราเลยได้เห็นสวรรค์บนท้องฟ้ายามราตรี ดวงดาวนับแสนล้านดวง รวมเป็นทางช้างเผือก (ที่กว่าจะถ่ายได้เซ็ตกล้องกันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว)
Look at the stars
Look how they shine for you ***
[CR] Exclusive Trip - South Africa ดินแดนเหนือจินตนาการ 2013
ตอนที่1 โจฮันเนสเบิร์ก - เอนทาเบนี(ซาฟารี) - ตามล่า Big Five
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิพ ทุกคนนะคะ
วันที่ 7-14 พฤษภาคม56 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวเชิงสัมนากับบริษัทที่ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นเวลา 7วัน 6คืน เป็นทริปที่เหนือจินตนาการ เกินความคาดหมาย ประทับใจ และอยากกลับไปอีกครั้ง
ขอใช้โอกาสนี้ในการแบ่งปันรูปภาพและกิจกรรมต่างๆตลอด7วัน มาฝากเพื่อนๆ พร้อมกับรีวิวโรงแรมที่ได้ไปพักมาทั้งหมด4แห่ง เผื่อมีประโยชน์กับใครก็ตามที่กำลังจะไปเยือนประเทศแอฟริกาใต้ หรือกำลังมองทริปท่องเที่ยวเพื่อเป็นของขวัญสักชิ้นให้กับตัวเอง
ทริปครั้งนี้เป็นทริปExclusive ทั้งอาหารการกิน ที่พัก หรือกิจกรรมที่ได้ทำ (ปกติเราไม่ได้ติดหรู อยู่สบาย แต่บังเอิญครั้งนี้ได้ไปฟรีกับบริษัท) ราคาทริปจึงค่อนข้างสูง คุยกับบริษัททัวร์เค้าบอกว่า ถ้าทริปนี้ไปกัน2คน จะตกอยู่ที่คนละ250,000บาทเป็นขั้นต่ำ แต่ถ้าไปหลายคนราคาจะลดลงอีกเยอะค่ะ (บริษัทเราไปกันเป็นร้อยคน ตกคนละแสนต้นๆ) สำหรับเรา ทริปนี้สนุกตรงกิจกรรมต่างๆที่ได้ทำนี่แหละค่ะ ซึ่งความจริงเพื่อนๆที่ได้ไปมาแล้วอาจได้ทำกิจกรรมคล้ายกัน แต่เราเคยครั้งแรก เลยตื่นเต้นและรู้สึกพิเศษมากกก ใครที่ดูเสร็จแล้วอยากมีประสบการณ์แบบเดียวกัน ลองเอาตารางเที่ยวไปให้บริษัททัวร์จัดทริปให้ได้นะคะ
ขออนุญาติแบ่งเป็น4ตอน เพื่อให้ติดตามง่ายขึ้นค่ะ
ตอนที่1 โจฮันเนสเบิร์ก - เอนทาเบนี(ซาฟารี) - ตามล่า Big Five
ตอนที่2 เอนทาเบนี(ซาฟารี) - ซันซิตี้ The Palace of the lost city - โจฮันเนสเบิร์ก(เหมืองทอง)http://ppantip.com/topic/30854772
ตอนที่3 เคปทาว์น เมืองในฝัน ติดตาตรึงใจ และอยากกลับไปอีกครั้ง http://ppantip.com/topic/30872627
ตอนที่4 เคป ทาวน์ - V&A Waterfront - แหลมกู๊ดโฮป - Moyo African Style - กรุงเทพฯ http://ppantip.com/topic/30889222
อ่ออ.. นี่เป็นประทู้แรกที่โพส คือสมัครพันทิปเพื่อแบ่งปันจริงๆ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง ขออย่าถือกันเลยนะค้า ^^
มาเริ่มกันเลยค่ะ..
ออกเดินทางสู่ โจฮันเนสเบิร์กด้วยสารการบินไทย เที่ยวบินที่ TG991 เครื่องออกตอนตีหนึ่งกว่าๆ
นั่งเครื่องยาวๆมาถึงแอฟริกาใต้ประมาณเกือบ7โมงเช้าของที่แอฟริกาใต้ หรือเวลาไทยประมาณเที่ยง เพราะที่นี่เวลาช้ากว่าไทย5ชั่วโมงค่ะ
ลงเครื่องมา จะเจอทางเข้าสนามบินที่ปูกระเบื้องด้วยสีประจำชาติ ดูสวยไปอีกแบบค่ะ
แม้แต่พนังก็เป็นสีสัน สวยงามทีเดียว
ดูแอร์ที่นี่เค้าแต่งตัวกัน ดูหนาวมากเลย..
เมื่อก่อนพอพูดคำว่าแอฟริกาใต้ ปอยมักนึกถึง หนังเรื่อง'เทวดาท่าจะบ๊อง' อารมณ์ นิโกร ผิวดำ ตัวผอมแห้ง แก้ผ้ายืนตากแดด
แต่ตารางทัววร์ที่ส่งมาจากบริษัทกลับบอกว่าอากาศเย็น 9-19องศา ให้เตรียมเสื้อหนาว หมวก และแว่นกันเดดไปด้วย
ตอนนั้นคิดในใจ .. แว่นกันแดด หมวก กับเสื้อหนาว มันเข้ากันตรงไหน? แต่พอลงเครื่องเท่านั้นแหละ เข้าใจอย่างดีเลยค่ะ..
อากาศหนาวมาก ลมแรง แดดแรง แต่สวยค่ะ
จากนั้นก็ขึ้นรถบัสเพื่อไปที่ เอนทาเบนี ซึ่งเป็นเขตสงวนพันธ์สัตว์ป่าของเอกชน ใช้เดินทางทั้งหมด3ชั่วโมง
พักที่ The Legend Golf And Safari Resort ทางเข้า..
บริเวณข้างหน้ารีสอร์ท
ตอนรับเราด้วย Welcome Drink พร้อมลงทะเบียนรับกุญแจบ้านพักและรับของที่ระลึกจากทางบริษัท เป็นหมวกที่ทำด้วยวัสดุของแอฟริกาใต้
เค้าให้เราเอาแท็กห้องพักไปติดที่กระเป๋า จากนั้นทางรีสอร์ทจะนำกระเป๋าไปไว้ที่ห้องพักให้เอง ส่วนเราก็เตรียมไปทานอาหารกลางวันด้วยรถรับส่งภายใน หน้าตาแบบนี้...
นั่งรถจี๊บมาตามถนนลูกรัง ฝุ่นตลบ อารมณ์เหมือนในหนังคาวบอยเลย เพื่อมาที่โรงอาหารซึ่งจัดชุดจานชามไว้ให้ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว จานชามทำจากสังกะสี สีสันต่างๆ น่ารักมาก เหมือนชุดสำหรับเด็กประถม
อาหารเป็นสเต็กเนื้อ ไก่ ปลา บาบีคิว และสลัดผัก ชีส ขนมปังต่างๆ
จากนั้นพาเราสู่ที่พัก ที่อยู่ในเขตป่าสงวน ที่นี่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์200% เพราะนอกจากรอบๆบ้านจะเป็นเขตทุ่งหญ้าสะวันนาแล้ว ยังมีสัตว์ไม่กินเนื้อ เช่น กวาง ลิง อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เค้าเลยห้ามเอากระเป๋าหรือของมีค่าวางไว้เด็ดขาด ป้องกัน'ลิงขโมย'
รีสอร์ทแบ่งบ้านพักออกเป็นหลังๆ เพื่อความเงียบสงบ ถ้าอยู่คนละโซนจะไกลกันมาก คือเดินไปมาหากันทั้งตอนกลางวันกลางคืนไม่ได้เด็ดขาด แต่ยังดีที่หลังหนึ่งมี 2-3 ห้องติดกัน
บ้านพักของเรา อยู่โซนสุดท้าย ติดกับรั้วไฟฟ้าของเขตสัตว์กินเนื้อ จะได้ยินเสียงช้าง เสียงสิงโตคำราม เป็นปกติ
หลังบ้านพัก วิวแบบนี้
ภายในห้องนอน
มีรถจี๊บเปิดประทุนมารับออกไปตามล่าหา Big Five ได้แก่ สิงโต แรด เสือ ควายป่า ช้างป่า
บางคันมีหลังคา
รถจี๊บวิ่งลัดเลาะไปตามทาง ที่วิวสวยมากๆ จนลืมว่ามาตามล่าหา Big Five
ลูกเรืออย่างเราช่วยส่องกล้องตามหาสัตว์ต่างๆ ก่อนเข้าไปดูใกล้ๆ
ตัวแรกที่เจอ..
และสิงโต.. เจ้าป่า
ไกด์บอกว่า'แดน'นายพรานที่ขับรถนำทางคันที่ปอยนั่ง เก่งที่สุดและหล่อที่สุดด้วย.. ถึงขนาดตามแกะรอยเท้าสิงโต บอกว่า "รอยนี่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แปลว่ามันเพิ่งเดินผ่านไป" ตอนฟังตื่นเต้นมากเลย พยามช่วยกันแกะแกะรอยเท้าสิงโตไปเรื่อยๆ
แต่พอมาเจอเพื่อนที่นั่งคันอื่นๆ เค้าเจอสิงโตตัวเป็นๆกันเกือบทุกคันเลย ยกเว้นคันเราที่เจอแต่รอยเท้า55
นายพรานแดน
แต่ที่ปอยชอบมาก คือจุดแวะปิกนิกกลางทาง ที่จุดเทียนตามทางเป็นระยะๆ ให้ความรู้สึกเหมือนในหนังฝรั่งที่เคยดูสมัยเด็กๆ
จุดนี้มีเครื่องดื่ม ทั้งมีและไม่มีแอลกลอฮอร์ไว้ให้ พร้อมด้วยกับแกล้มเป็นขนมและถั่วต่างๆ ทั้งอัลมอนด์ แมคคาเดเมีย ดื่มกินได้ไม่อั้น
ตอนกลางคืนนั่งรถมาที่ทานข้าว ที่เดียวกับตอนกลางวัน แต่คนละฝั่ง เข้าใจว่าน่าจะจัดพื้นที่ตรงนี้ไว้สำหรับเป็นโซนอาหารโดยเฉพาะ มีการแสดงพื้นเมืองรอบกองไฟ และเราออกไปเต้นด้วย แต่ไม่มีรูปเพราะแบตหมดสนิทเลย!!
อากาศตอนกลางคืนหนาวมาก.. ไม่ถึงสิบองศา นั่งรถจี๊บนี่สั่นไปทั้งคัน ไม่ใช่เพราะถนนลูกรังนะคะ เพราะทุกคนหนาวมากจริงๆ
ปิดท้ายวันที่แสนประทับใจที่สุดด้วยภาพของหมู่ดาว บริเวณหน้าบ้านพัก ต่อให้อากาศหนาวแค่ไหนก็อยากตากน้ำค้างเพื่อให้ได้แหงนขึ้นมองท้องฟ้า.. พระเจ้า!!!เกิดมาไม่เคยเห็นดาวสวยแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ด้วยบรรยากาศ ฟ้ามืดในเขตป่าสงวน ทุ่งหญ้าสะวันนา เราเลยได้เห็นสวรรค์บนท้องฟ้ายามราตรี ดวงดาวนับแสนล้านดวง รวมเป็นทางช้างเผือก (ที่กว่าจะถ่ายได้เซ็ตกล้องกันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว)
Look at the stars
Look how they shine for you ***