อยากสอบถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ทำงานขาย Duty free ของ king power

ผมกำลังจะเปลี่ยนงานใหม่ครับ ไปสัมภาษณ์ผ่านตอนนี้นัดเซ็นสัญญา 2 ที่ คือตำแหน่ง DFR (Duty free guy) ของ king power ส่วนอีกที่เป็นตำแหน่งเซลล์บริษัทญี่ปุ่นมีสาขาทั่วโลก แต่มีข้อแตกต่างตรงที่

เท่าที่สัมภาษณ์มาคือทั้ง 2 ที่มีดีคนละอย่าง
KPD (King power)
- ได้ยินล่ำลือกันว่าตำแหน่ง Duty free guy พนักงานขาย Duty free ได้ค่าคอมเยอะ ฐานเงินเดือน 9400+ค่าคอมฯ+ค่าภาษา รวม ๆ แล้วต่อเดือน 25,000-60,000 บาท แล้วแต่ช่วง (อยากรู้ว่าพี่เพื่อน ๆ ที่ทำอยู่ได้จริงกันไหมครับ) มันล่อตาล่อใจมาก แถมมีเทรนภาษาเบื้องต้น 4 ภาษา จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ
- เป็นงานที่ต้องเข้ากะ 3 กะ เช้า บ่าย กลางคืน ทำงาน 6 วัน ยืน 8 ชั่วโมง

ส่วนอีกที่บริษัทญีปุ่น
- เงินเดือน 17K 3 เดือนแรก ผ่านโปรปรับ 19K
- หยุดเสาร์-อาทิตย์
- ไม่มีค่าคอมฯ แต่เท่าที่สอบถามก็แว่ว ๆ มาว่าโบนัส 2 ครั้งต่อปี (โดยเฉพาะเซลล์โบนัสออกบ่อย) อันนี้ยังไม่ชัวร์น่ะครับ
- อยู่ออฟฟิศบ้าง ไปหาลูกค้าข้างนอกบ้าง

***ก็เลยสงสัยว่า duty free ของ king power ได้เงินเดือนรวม ๆ 25K-60K/เดือน อย่างที่ล่ำลือกันจริงไหมครับ? ซึ่งรายได้มันต่างเยอะพอทำให้คิดเยอะอยู่น่ะครับ เพราะอีกใจก็อยากจะทำงานกับบริษัทข้ามชาติ แต่ก็เห็นรายได้ของ King power ล่อตาล่อใจเกินนนนน

อาจจะยาวหน่อย ยังไงใครที่พอทำอยู่ที่ King power รบกวนหน่อยน่ะครับ หรือพี่ ๆ ท่านไหนมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทข้ามชาติก็แนะนำได้น่ะครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ถือว่าดีแล้วค่ะที่เลือกบริษัทญี่ปุ่น เพราะโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานมีเยอะกว่า ที่คิงพาวเวอร์โอกาสโตน้อยมาก ถ้าคุณตำแหน่ง DFR ถ้าคุณอยากโตเป็น Supervisor คุณต้องมีอายุงานอย่างน้อย 3 ปี+ทำคะแนน HR+ยอดขาย+รู้จักประจบหัวหน้าเยอะๆ

สำหรับเราเรามาเก็บเกี่ยวประสบการ์ณที่นี่ ก็ได้อะไรเยอะค่ะ ครบ 2 ปีก็ลาออก ที่นี่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าจริงๆค่ะ คนที่ทำจะรู้ ถ้ามาระยะสั้นแบบนี้จะดี เพราะสิ่งที่คุณจะได้กลับไปคือ
1.ภาษา จากเราคนไม่เป็นภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย เราก็มาได้พื้นฐานเอาที่นี้แหละ
2.ความอึด และความไว ถ้าคุณไม่อึดพอ ไม่ไวพอ คุณอยู่ที่นี่ยากค่ะ เพราะเสือ สิงห์ กระทิง แรด มีครบ ต้องไว ยอดขายไม่ใช่คอมรวมนะคะ คุณต้องแย่งชิงกันเอาเอง
3.เงินเก็บ เพราะที่นี่เยอะไม๊ เราตอบเลย เยอะค่ะ สำหรับคนเพิ่งจบป.ตรี ฐานเงินเดือนที่นี่ เริ่มที่ 9400 ก็จริง แต่ยังมีค่าคอมมิสชั่น อินเซนทีฟ ค่าภาษา (แต่คุณต้องได้คะแนนโทอิคเกิน 400 นะคะถึงจะได้ 3000 บาท ล่าสุดตอนนี้เพื่อนบอกว่าเปลี่ยนเป็น 4000 แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าต้องได้เท่าไหร่) เงินเดือนเราเคยได้มากสุดอยู่ที่ประมาณเกือบ 50000 ค่ะ พอช่วงโบนัสออกเดือนนั้นก็เหยียบแสนค่ะ แต่โบนัสนี่เค้าจะแบ่งพนักงานเป็นเกรดๆค่ะ ถ้าคุณได้เกรดเอจะอยู่ที่ 8 เดือน ส่วนน้อยสุดเคยได้อยู่ที่ประมาณ 25000 ค่ะ ได้ประมาณนี่ตลอด แต่มันขึ้นอยู่กับแผนกและร้านที่คุณอยู่ด้วยนะคะ ถ้าคุณอยู่ร้านใหญ่ก็ขายเหนื่อยหน่อย จุดคูณน้อย แต่โอกาสได้ Incentive จะสูง ร้านเล็กทาร์เกตต่ำกว่า และจุดคูณมากกว่า แต่ลูกค้าและโอกาสทำ incentive ก็น้อยลงลดหลั่นกันไป
4.วันหยุดที่คุณสามารถเลือกเองได้ (ถ้าคุณอยู่รอบเดียวกับเพื่อนร่วมงานที่คุยกันได้ + หัวหน้างานที่ไม่งี่เง่า) ที่นี่ ถ้าคุณผ่านโปรแล้วคุณสามารถเลือกวันหยุดเองได้แบบที่บอกเลยค่ะ เค้าจะให้ Holiday 14 วัน vacation ไม่แน่ใจว่า 4 หรือ 2 นะคะ ส่วนวัน day off ธรรมดาเดือนละ 5 วันค่ะวันหยุดเทศกาล ถ้าคุณอยากได้คุณต้องคุยกับเพือนร่วมงานเองนะคะ ว่าเค้าจะถอยให้คุณมั้ย ข้อดีคือคุณสามารถเลือกเอาวันหยุด
มาติดกันได้ + holiday/vacation ตามสิทธิ์ที่คุณมี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้างานด้วยค่ะ ว่าจะอนุมัติหรือไม่

แต่ประสบการณ์แย่ๆเลยก็ไม่ใช่ไม่มีนะคะ เยอะเลยค่ะ 55555555+ อันนี้จะเล่าให้ฟัง
- หากคุณเป็นพนักงานตำแหน่ง DFR ในส่วนสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง นอกจากต้องคอยเทคแคร์คุณลูกค้าแล้ว เวลาลูกค้าจ่ายเงิน คุณต้องทำหน้าที่แสกนสินค้าเข้าระบบ POS เองนะคะ ซึ่งคุณจะต้องคอยระวังเรื่อง limit brand หรือโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ ระบบตรงนี้ ถ้ามือใหม่จะพิศวง งงงวยกันทุกคน อันนี้รับรอง 55555 ตัวอย่างนะ อย่างเช่นลูกค้าซื้อน้ำหอม chanel, dior, bvlgari, kenzo ในบิลเดียวกันเงี้ย แลู้กค้าถือบัตรสมาชิก VIP ลดสูงสุด 20% แถมในมือยังมี Gift Voucher มาอีกกะตั๊กนึง คุณต้องสติครบถ้วน เนื่องจากสินค้าแต่ละแบรนด์จะมีเปอร์เซนต์ส่วนลดไม่เหมือนกัน บางยี่ห้อก็ไม่รับคูปองซะงั้นอ่ะ ถ้าคุณทำผิดขั้นตอนหรือกดส่วนลดผิด ถ้าคุณ Void บิลนั้นไม่ทัน เกิดลูกค้าแกขึ้นเครื่องไปแล้ว ทำใจเลยค่ะ เพราะตุณจะติดยอดชอตทันที ยิ่งชอตมาก ยิ่งเข้าเนื้อมากค่ะ อันนี้ต้องควักเอง ไม่มีตัวแสตนด์นะจ๊ะ
-ถ้าเกิดคุณขายเหล้า หรือขายของเหลวให้ประเทศที่ห้ามตามกฎ LAQ อาจด้วยความเอ๋อ หรือลนลาน ถ้าลูกค้าเอามาคืน สิ่งที่ทำได้คือ โดน Memo ค่ะ ไม่มีการยกเว้น ทุกคนพร้อมจะเล่นงานคุณ ผลที่ตามมาจากการสะสม Memo คือ คะแนนประเมิณที่น้อยลง และนั่นทำให้โบนัสประจำปีของคุณเหลือแค่ปลายเล็บ
-ของหายทำไงคะ? ตอบเลย คุณต้องเขียน Memo ขอดูกล้องวงจรปิดค่ะ (ถ้าคุณรู้ตัวนะ) ถ้ากล้องเห็นลูกค้าหยิบ และตอนนั้นคุณยุ่ง อันนี้เคลมค่ะ แต่ถ้ากล้องเห็น แต่ตัวคุณยืนเม้า อันนี้ไม่เคลมค่ะ คุณจ่าย แต่คุณต้องรับความจริงที่ว่าคุณไม่สนใจดูแลลูกค้าเอง ถ้ากล้องไม่เห็น อันนี้พนักงานก็จ่ายค่ะ เช็คสต๊อคแล้วรู้ว่าหายในรอบไหน พนักงานรอบนั้นรับผิดชอบ สมัยที่เรายังไม่ลาออก ค่าของหายสามารถผ่อนชำระได้ ล่าสุดเพือนบอกว่าไม่มีแล้วจ้าระบบผ่อน งดเชื่อ เบื่อทวง สมมติเดือนนั้นคุณโดนห้าพัน บริษัทจะหักรายได้คุณทันที ไม่มีข้อแม้
-ที่นี่ระบบหน้าร้านเยอะมากค่ะ ห้ามพกโทรศัพท์ ห้ามทานขนม ลูกอม หิวน้ำต้องแอบทานในที่ที่กำหนด ห้ามพกเงินเข้าสนามบินเกิน 300 ห้ามพกบัตรเอทีเอ็ม เค้าจะมี security ที่บริษัทจ้างเอาไว้ เพื่อคอยเช็คเงินเข้า เงินออก ตรวจกระเป๋าใส ตรวจตัวยิ่งกว่า ตม.ด้านนอก 5555 ถามว่าถ้าเจอแล้วทำไง ตอบ ได้ใบแดงไปนอนฝันร้ายถึงปลายปี ใบแดงนี่ผลร้ายแรงมากค่ะ คือ หักเงิน 500 และส่งผลถึงโบนัสประจำปี (อีกละ) ใครได้นี่โคตรซวย
-ถ้าคุณเจอลูกค้างี่เง่าเอาแต่ใจแล้วคุณโดนคอมเพลน อันนี้ก็ได้ใบแดงค่ะ
-ในแต่ละเดือน ทางบริษัทจะจัด training ผลิตภัณท์ให้คุณ สมมติถ้าเดือนนั้นคุณอยู่รอบบ่าย ซึ่งเข้างาน 13.30-22.30 แล้ววันนั้นคุณมีเทรน ปกติเทรนนิ่งจะเริ่มเวลา 11.00หรือ11.30 ไปสายแม้แต่นาทีเดียว อันนี้ก็โดนใบแดงค่ะ
-เรื่องกะการทำงานที่นี่จะมี 3 รอบนะคะ
รอบ A กะเช้า 06.30-15.30
รอบ B กะบ่าย 13.30-22.30
รอบ C กะดึก 21.00-07.00
ตัวคุณเองไม่สามารถเลือกกะทำงานเองได้ค่ะ หัวหน้าจะเป็นคนจัดให้คุณ และที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่ให้พนักงานทำกะเดิมตลอดค่ะ คุณต้องเปลี่ยนเวลาหลับนอนตื่นทุกๆเดือน คุณต้องทำให้ได้ ถ้าร่างกายคุณขี้โรคให้ที่นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายเลยค่ะ

สำหรับประสบการณ์ของเราก็มีเท่านี้ เพื่อนๆอ่านแล้วลองตัดสินใจกันเองเลยค่ะ ว่าเหมาะกับตัวเองหรือไม่ ยิ้มยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่