คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 36
คำตอบแบบสรุป เพื่อให้เข้าใจภาพรวม / ภาพใหญ่ ของ ภาวะราคาน้ำมันหน้าปั๊มในไทย
1. จากน้ำมันดิบที่ประเทศไทยเรากลั่นอยู่ทุกวัน สมมติเป็น 100 ; ไทยมีปัญญาขุดได้เอง 15% แล้วต้องไปนำเข้าน้ำมันดิบมาจากต่างประเทศ 85%
2. น้ำมันที่กลั่นได้ จะได้หลากหลายชนิด เอาชนิดหลักๆ ก็ เบนซิน ดีเซล น้ำมันก๊าด น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา LPG ยางมะตอย
3. จากน้ำมันดิบ 100 ที่กลั่นออกมาได้เป็นน้ำมันสำเร็จรูปหลายชนิด ตามข้อ 2 แต่ละอย่าง จะขายในประเทศ กับ ส่งออกต่างประเทศ ไม่เหมือนกัน
....แต่เอาความเข้าใจง่ายๆ คือ ขายให้คนไทยใช้ 80 ส่งออก 20
4. นั่นหมายความว่า " ถ้าไม่นำเข้าเลย เอาแต่ที่ขุดได้ในประเทศ กลั่นอย่างเดียว ขุดได้แค่ 15 แต่ต้องใช้ 80 พูดง่ายๆ " ถ้าไม่นำเข้า ทุกๆ 5 วัน คนไทยจะมีน้ำมันพอใช้แค่วันเดียว "
5. มีคนสงสัยมาก เรื่อง " การตั้งราคาน้ำมัน " ตอบสั้นๆ สรุปๆ เลยว่า " ราคาน้ำมันแต่ละชนิดในไทย อิงตามราคาน้ำมันชนิดนั้นๆ ที่ตลาดสิงคโปร์ "
6. ทำไม ต้องเป็น " ตลาดสิงคโปร์ "
6.1 เพราะมันเป็นตลาดกลางของภูมิภาคเอเซีย แม้แต่ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ก็มาอิงที่นี่ เพราะ...แหล่งขุดน้ำมันดิบหลักๆ อยู่ที่ตะวันออกกลาง
แต่คนใช้ส่วนใหญ่ อยู่ทางอาเซี่ยน - เอเซียตะวันออก นึกแผนที่โลกออกมั้ย ??? ถ้านึกไม่ออก ก็ไปหามาดูซะ
6.2 เพราะ...มันแยกราคาน้ำมันสำเร็จรูปแต่ละชนิดกันชัดเจน เบนซิน / ดีเซล ฯลฯ แต่ละวัน ราคามันก็ไม่เท่ากัน
หน้าร้อน เบนซินแพง ดีเซลถูกลง LPG ถูก แต่พอหน้าหนาว เบนซินถูก ดีเซลแพง LPG แพง
6.3 คนไทยแต่ละคน ก็ต้องใช้น้ำมันแต่ละชนิด แตกต่างกันไป คนขับมอเตอร์ไซค์ ขับรถเก๋ง ก็ต้องเติมเบนซิน
คนขับรถกระบะ รถตู้ รถ 6 ล้อ รถเทรลเลอร์ ก็ต้องเติมดีเซล
>>> " การแยกราคาน้ำมันแต่ละชนิด มันไม่ยุติธรรมกับคนใช้เหรอ ??? "
7. ราคาน้ำมันที่ขายหน้าปั๊มทุกวันนี้ สมมติ 40 บาท/ลิตร หน้าโรงกลั่นน้ำมัน ที่อิงราคาสิงคโปร์ มันแค่ 24-25 บาทเท่านั้น
อีก 15-16 บาทที่แพงขึ้น มาจาก " ภาษี 3 อย่าง และ เงินกองทุน 2 กองทุน " ทั้งสิ้น
ภาษีสรรพสามิต
ภาษีเทศบาล
VAT 7%
กองทุนน้ำมัน มีทั้งชดเชย -11 บาท มีทั้งเก็บมาก +10 บาท
กองทุนอนุรักษ์พลังงาน เก็บแค่ลิตรละ 0.25 - 0.5 บาท
เอาตารางข้างล่างนี้ไปดูก็แล้วกัน " โครงสร้างราคาน้ำมันหน้าปั๊มใน กทม. วันที่ 24 มิ.ย. 56 "
1. จากน้ำมันดิบที่ประเทศไทยเรากลั่นอยู่ทุกวัน สมมติเป็น 100 ; ไทยมีปัญญาขุดได้เอง 15% แล้วต้องไปนำเข้าน้ำมันดิบมาจากต่างประเทศ 85%
2. น้ำมันที่กลั่นได้ จะได้หลากหลายชนิด เอาชนิดหลักๆ ก็ เบนซิน ดีเซล น้ำมันก๊าด น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา LPG ยางมะตอย
3. จากน้ำมันดิบ 100 ที่กลั่นออกมาได้เป็นน้ำมันสำเร็จรูปหลายชนิด ตามข้อ 2 แต่ละอย่าง จะขายในประเทศ กับ ส่งออกต่างประเทศ ไม่เหมือนกัน
....แต่เอาความเข้าใจง่ายๆ คือ ขายให้คนไทยใช้ 80 ส่งออก 20
4. นั่นหมายความว่า " ถ้าไม่นำเข้าเลย เอาแต่ที่ขุดได้ในประเทศ กลั่นอย่างเดียว ขุดได้แค่ 15 แต่ต้องใช้ 80 พูดง่ายๆ " ถ้าไม่นำเข้า ทุกๆ 5 วัน คนไทยจะมีน้ำมันพอใช้แค่วันเดียว "
5. มีคนสงสัยมาก เรื่อง " การตั้งราคาน้ำมัน " ตอบสั้นๆ สรุปๆ เลยว่า " ราคาน้ำมันแต่ละชนิดในไทย อิงตามราคาน้ำมันชนิดนั้นๆ ที่ตลาดสิงคโปร์ "
6. ทำไม ต้องเป็น " ตลาดสิงคโปร์ "
6.1 เพราะมันเป็นตลาดกลางของภูมิภาคเอเซีย แม้แต่ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ก็มาอิงที่นี่ เพราะ...แหล่งขุดน้ำมันดิบหลักๆ อยู่ที่ตะวันออกกลาง
แต่คนใช้ส่วนใหญ่ อยู่ทางอาเซี่ยน - เอเซียตะวันออก นึกแผนที่โลกออกมั้ย ??? ถ้านึกไม่ออก ก็ไปหามาดูซะ
6.2 เพราะ...มันแยกราคาน้ำมันสำเร็จรูปแต่ละชนิดกันชัดเจน เบนซิน / ดีเซล ฯลฯ แต่ละวัน ราคามันก็ไม่เท่ากัน
หน้าร้อน เบนซินแพง ดีเซลถูกลง LPG ถูก แต่พอหน้าหนาว เบนซินถูก ดีเซลแพง LPG แพง
6.3 คนไทยแต่ละคน ก็ต้องใช้น้ำมันแต่ละชนิด แตกต่างกันไป คนขับมอเตอร์ไซค์ ขับรถเก๋ง ก็ต้องเติมเบนซิน
คนขับรถกระบะ รถตู้ รถ 6 ล้อ รถเทรลเลอร์ ก็ต้องเติมดีเซล
>>> " การแยกราคาน้ำมันแต่ละชนิด มันไม่ยุติธรรมกับคนใช้เหรอ ??? "
7. ราคาน้ำมันที่ขายหน้าปั๊มทุกวันนี้ สมมติ 40 บาท/ลิตร หน้าโรงกลั่นน้ำมัน ที่อิงราคาสิงคโปร์ มันแค่ 24-25 บาทเท่านั้น
อีก 15-16 บาทที่แพงขึ้น มาจาก " ภาษี 3 อย่าง และ เงินกองทุน 2 กองทุน " ทั้งสิ้น
ภาษีสรรพสามิต
ภาษีเทศบาล
VAT 7%
กองทุนน้ำมัน มีทั้งชดเชย -11 บาท มีทั้งเก็บมาก +10 บาท
กองทุนอนุรักษ์พลังงาน เก็บแค่ลิตรละ 0.25 - 0.5 บาท
เอาตารางข้างล่างนี้ไปดูก็แล้วกัน " โครงสร้างราคาน้ำมันหน้าปั๊มใน กทม. วันที่ 24 มิ.ย. 56 "
แสดงความคิดเห็น
ทำไม ปตท.ถึงขายน้ำมันแพง??
อันนี้เป็นคลิปที่ปตท.มาขอโทษค่ะ http://www.facebook.com/photo.php?v=1387192981507405 Cr.เพจYouLike (คลิปเด็ด)
แล้วก็อันนี้เป็นส่วนนึงของคอมเม้นค่ะ มันจริงเท็จแค่ไหนสงสัยมากค่ะ