ผมลองย้อนกลับไปดูประวัติการ เข้าซื้อกิจการของ SSC เมื่อ ปี 54 ตอนนั้น บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก จำกัด เสนอซื้อ หุ้นเสริมสุข ที่ราคา 58 บาทตามลิงค์ด้านล่าง
SSC
http://www.set.or.th/set/pdfnews.do?file=http%3A%2F%2Fwww.set.or.th%2Fdat%2Fnews%2F201109%2F11037763.pdf
หลังจากนั้น หุ้นได้ขึ้นไปที่ 200 กว่าบาท จนกระทั่ง ลงมา 11x บาท ณ ปัจจุบัน แต่อย่างน้อย ราคาหุ้นก็ไปไกลกว่า ราคาที่เขาเสนอซื้อ
PE ของ SSC ปัจจุบัน อยู่ที่ 1xx >*< ที่สำคัญ. ผลประกอบการของเสริมสุข ไม่ได้เติบโตขึ้นมาเลย
สภาพคล่องของ SSC ดูจาก % Free float ที่ 2.66% กลุ่ม ไทยเบฟ ถือหุ้นราวๆ 97.28%
MAKRO
หลังจากทำคำเสนอซื้อที่ราคา 787 ปัจจุบัน ราคา ลงมาที่ 644
PE ของ makro ปัจจุบันที่ ประมาณ 40 กว่าๆ และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ส่วน สยามแมคโค หลัง ทำคำเสนอซื้อ จะถือหุ้นทั้งหมด คิดเป็น 97.88%
สรุป ผู้ถือหุ้น CPALL ( เจ้าสัว ซีพี ) ซื้อกิจการ แพงไปเหรอ .... ? แพงกว่าที่ ไทยเบฟ (เจ้าสัวโรงเบียร์ ) ซื้อ เหรอ .... ?
ส่วนตัวผมไม่คิดว่า เจ้าสัวซีพีจะ เคยซื้ออะไรแพง และไม่คุ้มค่านะครับ ยิ่งเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาซื้อเกินกว่า 787 อีก
และระยะเวลาอันใกล้ MAKRO กำลังจะแตกพาร์แบบที่ รู้วัตถุประสงค์แน่แน่ เพราะแตกถึงพาร์ 0.5 แทนที่จะพาร์ 1 เหมือนทั่วๆไป
1. ถ้า ซีพี ออล์ คิดจะถือหุ้นใหญ่ขนาดนี้ตลอดไปแบบไม่ต้องการขาย ทำไมต้องแตกพาร์ซะยิบย่อยขนาดนี้
2. ถ้า ซีพี ออล์ จะขายหุ้นคืนตลาดหรือรายใหญ่อื่นๆ จะขายที่ราคา สูงหรือ ต่ำกว่า ราคา เทนเดอร์ล่ะ โดนมาก ผมแทบไม่เคยเห็นบริษัทไหนในโลก ขายต่ำกว่านะครับ เพราะมันแสดงถึงกึ๋นอันน้อยนิดของเจ้าของและเจ้าของมีปัญหาด้านการเงินอยู่หรือเปล่า แม้บางท่านจะบอกว่า ทุนจริงๆเขาต่ำกว่าราคา เทนเดอร์ก็เถอะ แต่ราคา tender ที่ประกาศให้โลกรับรู้ คือที่ราคา 787 บาท ต่อหุ้น หรือ 39.35 ที่พาร์ 0.50
3. ด้วย free float ที่น้อยนิดเพียง 2% กว่าๆ ง่ายมากที่คนบางคนจะลากไป ลากมา แล้วหุ้นเกิน ceiling หรือ floor อย่าง 2-3 วันที่ผ่านมา
แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาตามเพื่อเป็นประสบการณ์ของ นักลงทุนทุกคนนะครับ เคสแบบนี้ ถือเป็นเคสประวัติศาสตร์อีกเคสนึงเลย ^^
ที่ออกมาเขียน ไม่ได้ออกมาเชียร์ให้ซื้อ หรือขายนะครับ แค่ออกมาฝึกวิเคราะห์ด้วยความรู้และประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวเองเท่านั้น
ผมเองเคยซื้อ SSC ที่ 17 บาทเพราะหวังเงินปันผลที่ 2 บาทต่อหุ้น แต่ไปไปมามา โดนขึ้น SP เลยงงมาก และได้ขายวันต่อมาที่ 29 บาท ดีใจมากๆ ตอนนั้น เพราะได้กำไรมากกว่าปันผลอีก แต่สุดท้าย ผ่านไปอีกไม่กี่เดือน เขาขายกันได้ที่ 58 บาท เป็นผม ผมก็ขาย แต่ตอนนั้น หุ้นหมดมือแล้ว ได้แต่นั่งเสียดาย แต่สุดท้าย หลังจากกลุ่ม ไทยเบฟเข้ามาเทนเดอร์ ราคาไป 200 กว่าๆ ^^
หลัง tender หุ้น SSC @58 ไป 200 vs MAKRO @787 ไป 662
SSC
http://www.set.or.th/set/pdfnews.do?file=http%3A%2F%2Fwww.set.or.th%2Fdat%2Fnews%2F201109%2F11037763.pdf
หลังจากนั้น หุ้นได้ขึ้นไปที่ 200 กว่าบาท จนกระทั่ง ลงมา 11x บาท ณ ปัจจุบัน แต่อย่างน้อย ราคาหุ้นก็ไปไกลกว่า ราคาที่เขาเสนอซื้อ
PE ของ SSC ปัจจุบัน อยู่ที่ 1xx >*< ที่สำคัญ. ผลประกอบการของเสริมสุข ไม่ได้เติบโตขึ้นมาเลย
สภาพคล่องของ SSC ดูจาก % Free float ที่ 2.66% กลุ่ม ไทยเบฟ ถือหุ้นราวๆ 97.28%
MAKRO
หลังจากทำคำเสนอซื้อที่ราคา 787 ปัจจุบัน ราคา ลงมาที่ 644
PE ของ makro ปัจจุบันที่ ประมาณ 40 กว่าๆ และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ส่วน สยามแมคโค หลัง ทำคำเสนอซื้อ จะถือหุ้นทั้งหมด คิดเป็น 97.88%
สรุป ผู้ถือหุ้น CPALL ( เจ้าสัว ซีพี ) ซื้อกิจการ แพงไปเหรอ .... ? แพงกว่าที่ ไทยเบฟ (เจ้าสัวโรงเบียร์ ) ซื้อ เหรอ .... ?
ส่วนตัวผมไม่คิดว่า เจ้าสัวซีพีจะ เคยซื้ออะไรแพง และไม่คุ้มค่านะครับ ยิ่งเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาซื้อเกินกว่า 787 อีก
และระยะเวลาอันใกล้ MAKRO กำลังจะแตกพาร์แบบที่ รู้วัตถุประสงค์แน่แน่ เพราะแตกถึงพาร์ 0.5 แทนที่จะพาร์ 1 เหมือนทั่วๆไป
1. ถ้า ซีพี ออล์ คิดจะถือหุ้นใหญ่ขนาดนี้ตลอดไปแบบไม่ต้องการขาย ทำไมต้องแตกพาร์ซะยิบย่อยขนาดนี้
2. ถ้า ซีพี ออล์ จะขายหุ้นคืนตลาดหรือรายใหญ่อื่นๆ จะขายที่ราคา สูงหรือ ต่ำกว่า ราคา เทนเดอร์ล่ะ โดนมาก ผมแทบไม่เคยเห็นบริษัทไหนในโลก ขายต่ำกว่านะครับ เพราะมันแสดงถึงกึ๋นอันน้อยนิดของเจ้าของและเจ้าของมีปัญหาด้านการเงินอยู่หรือเปล่า แม้บางท่านจะบอกว่า ทุนจริงๆเขาต่ำกว่าราคา เทนเดอร์ก็เถอะ แต่ราคา tender ที่ประกาศให้โลกรับรู้ คือที่ราคา 787 บาท ต่อหุ้น หรือ 39.35 ที่พาร์ 0.50
3. ด้วย free float ที่น้อยนิดเพียง 2% กว่าๆ ง่ายมากที่คนบางคนจะลากไป ลากมา แล้วหุ้นเกิน ceiling หรือ floor อย่าง 2-3 วันที่ผ่านมา
แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าศึกษาตามเพื่อเป็นประสบการณ์ของ นักลงทุนทุกคนนะครับ เคสแบบนี้ ถือเป็นเคสประวัติศาสตร์อีกเคสนึงเลย ^^
ที่ออกมาเขียน ไม่ได้ออกมาเชียร์ให้ซื้อ หรือขายนะครับ แค่ออกมาฝึกวิเคราะห์ด้วยความรู้และประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวเองเท่านั้น
ผมเองเคยซื้อ SSC ที่ 17 บาทเพราะหวังเงินปันผลที่ 2 บาทต่อหุ้น แต่ไปไปมามา โดนขึ้น SP เลยงงมาก และได้ขายวันต่อมาที่ 29 บาท ดีใจมากๆ ตอนนั้น เพราะได้กำไรมากกว่าปันผลอีก แต่สุดท้าย ผ่านไปอีกไม่กี่เดือน เขาขายกันได้ที่ 58 บาท เป็นผม ผมก็ขาย แต่ตอนนั้น หุ้นหมดมือแล้ว ได้แต่นั่งเสียดาย แต่สุดท้าย หลังจากกลุ่ม ไทยเบฟเข้ามาเทนเดอร์ ราคาไป 200 กว่าๆ ^^