+ + + รู้สึกว่าอาชีพนักออกแบบไม่มั่นคงและก้าวหน้าในระยะยาว ควรทำอย่างไรดีครับ + + +

ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆครับ
ที่แสดงมุมมองแนวคิดในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี ทำให้เป็นกระทู้นี้กลายกระทู้ที่สามารถเป็นแนวทางให้กับท่านอื่นๆที่อยู่ในวงการหรือจะมาอยู่ในวงการนี้ได้เป็นอย่างดี

ตอนนี้จขกท. ก็มีปัญหารุมเร้าด้านอื่นๆให้คิดให้ปวดหัวเพิ่มเติมครับ แต่ยังไงก็จะพยายามต่อไป ยังไม่ทิ้งงานในวงการนี้ไปหรอกครับ
ผมยอมรับว่ายังมีปสก.ที่น้อย และฝีมือก็ยังไม่ถึงขั้น ทำให้ความคิดอาจจะดูไม่ถูกใจหรือไม่ถูกต้องไปบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ครับ
อย่างไรก็ขอบคุณทุกๆ คนมากๆครับผม

------------------------------------------
ตอนนี้ผมทำงานเกี่ยวกับออกแบบกราฟิกอยู่ครับ ประสบการณ์ทำงานยังน้อยครับ แต่ว่าผมพอสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้บ้าง
เลยทำให้เงินเดือนเริ่มต้นสูงกว่ามาตรฐานทั่วๆไป ครับ
แต่ก็หายากมากๆเลยครับ บ.ที่ต้องการนักออกแบบที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้
และบางทีก็เป็นงานเน้นปริมาณ เอาไปเป็นพอร์ตก็ไม่สวยงามนัก หรือไม่ก็ใช้ให้ทำหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการออกแบบซะงั้น  

คือผมมองว่าอาชีพนักออกแบบในไทย เป็นอาชีพที่ตันเร็วมากๆครับ ไม่อย่างนั้นก็ต้องออกมาเปิดบ.เป็นของตัวเอง
แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องการตัดราคา คู่แข่งขันเยอะ ต้องตามเทคโนโลยี เรียนรู้ใหม่ตั้งแต่เริ่มตลอดเวลา
ตอนนี้ก็เลยมองๆหา งานสายอาชีพอื่นดูครับ ส่วนออกแบบก็อาจจะรับเป็นฟรีแลนซ์ หรืองานอดิเรก ทำด้วยความรักความสบายใจ
แต่ก็ยังไม่รู้จะทำอะไรดีครับ ที่มองอยู่ตอนนี้ก็เป็นเซลส์บ.ญีปุ่น แต่อาจจะเป็นแบบไม่ได้เน้นทำยอดเอาค่าคอมครับ ผมไม่มีรถ
ซึ่งยังไงก็เป็นงานที่ต่างจากที่เคยทำมาเหลือเกิน เลยรู้สึกงงๆในชีวิตครับ -"-

เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ รบกวนด้วยคร๊าบบบบ เครี๊ยดเครียด
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เคยเห็นเพื่อนหลายคนที่เรียนสายดีไซน์มา บ่นเป็นแนวเดียวกันหมด ต้องไปเรียนโทบริหารบ้าง การตลาดบ้าง จะได้มีโอกาสเติบโตเป็นระดับหัวหน้า มีโอกาสได้เงินเดือนสูงๆ ไม่งั้นก็ออกมาเปิดบริษัทเอง เจ๊งบ้าง รวยบ้าง ทำอะไรเองกันไปตามเรื่องตามราว หลายๆคนก็โทษว่าบ้านเราชอบกดราคามั่ง ไม่สนับสนุนงานศิลปะมั่ง โทษสารพัดแต่ไม่ยักโทษตัวเองว่าเก่งไม่พอเอง

ในฐานะของเราที่เคยผ่านจุดนี้มาก่อน เราอยากบอกจขกท.ว่าให้ลองมองตัวเองก่อนค่ะว่าอยากจะเติบโตไปทางไหน แล้วมุ่งไปทางนั้นเลย ถ้าจะมามัวจับฉ่าย รับงานออกแบบก็รับแต่งานจับฉ่าย มันจะไปไม่ถึงไหนสักที ถ้ารับงานทั้งที พุ่งตรงไปขายงานกับบริษัทใหญ่ๆ ของานจากครีเอทีฟดังๆไปเลย จะยิบจะย่อยเราก็ยังสามารถใช้ชื่อเหล่านั้นมาประดับพอร์ตของเราได้

สมัยเราเริ่มทำงานใหม่ๆในสายดีไซเนอร์ (ปัจจุบันเป็น lecturer) เราเริ่มจากการเป็นระดับล่างสุดๆ ประมาณเจเนอรัลเบ๊ ช่วยทำงานอีเวนต์สารพัด ตั้งแต่ขนของยันประสานงาน แต่เราใช้โอกาสนี้เข้าไปตีซี้พวกดีไซเนอร์ใหญ่ ครีเอทีฟดังๆจากเอเจนซี่ใหญ่ ของานทำกันตรงๆเลย พวกนี้อยากได้ดีไซเนอร์ช่วยอยู่แล้วเพราะรับงานฝิ่นกันอุตลุด ตัวเองล้นก็ยังแนะนำเราให้กับเพื่อนครีเอทีฟคนอื่น เราก็ได้คอนเนคชั่นไปในตัว ช่วงนี้ต้องอึดและอดทนพอสมควร เพราะทางนั้นเองก็อยากวัดฝีมือเรา แต่ประสบการณ์นี้ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก และเก่งขึ้นเร็วมากๆๆๆ งานบางงานถ้าพิชชิ่งผ่านก็ได้ใช้จริง เราก็เอามาเป็นพอร์ตได้เลย เวลาไปสัมภาษณ์งานที่ไหนเราก็พูดได้ว่า เราเคยทำงานกับใครมา ทำให้บริษัทอะไรมา โปรเจกต์ใหญ่แค่ไหนมา

ตรงนี้ทำให้เราเติบโตเร็วจริงๆ ภายในสามปีเราเปลี่ยนสภาพตัวเองจากดีไซเนอร์บ้านๆ ไปเป็นคนที่ไม่ต้องหางานเลย มีแต่บริษัทใหญ่ๆดึงตัว เรียกเงินเดือนได้ มีงานฟรีแลนซ์เข้ามาเรื่อยๆจากเส้นสายที่เราสร้างในช่วงสามปีนั้น จนกระทั่งเราเริ่มรับงานต่างประเทศ และย้ายตัวเองไปทำงานที่ต่างประเทศมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงผันตัวเองจากการเป็นดีไซเนอร์ ไปเป็นโปรเจกเมเนเจอร์ เป็นสเปเชียลลิสต์ และสุดท้ายปัจจุบัน เป็นอาจารย์และผู้บรรยายเกี่ยวกับเรื่องดีไซน์ให้สถาบันต่างๆ (และมีงานฝิ่นเป็นที่ปรึกษาด้านการดีไซน์) จะเห็นได้ว่า สายงานดีไซน์มันไม่ได้ตัน แต่มันอยู่ที่วิธีการไขว่คว้าและปรับตัวของคุณค่ะ เราทุกวันนี้ก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่เป็นมนุษย์เงินเดือนแบบเลือกได้ รายได้ดี ทำในสิ่งที่เรารักและเติบโตไปกับมันค่ะ

เรามักจะสอนลูกศิษย์ของเราเสมอว่า ช่วงจบใหม่ทำงานแรกๆคือช่วงเก็บประสบการณ์ ลุยไปให้เต็มที่ แต่ลุยให้ถูกทาง ถ้ามัวแต่วนๆ เอาแต่ฟังคนอื่น เอาแต่เพ้อ มันก็เท่ากับย่ำอยู่ตรงนั้นเสียเวลาเปล่า เหนื่อยเปล่า ลุยไปในทิศทางที่เราคิดว่าอยากจะเติบโตไปกับมันดีกว่า อยากเป็นเจ้าของบริษัท ก็เรียนรู้จากคนเป็นเจ้าของให้เต็มที่ มองตัวเอง พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเพื่อให้มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าของ ไม่ใช่นึกอยากออกมาทำก็ออกมา เราเห็นเจ๊งมานักต่อนัก หรือไม่ก็ไม่ได้สบายขึ้นจากตอนเป็นมนุษย์เงินเดือนเลย แต่จะกลับไปสมัครงานก็ไม่ทันเพราะอายุเยอะแล้ว ฯลฯ

เป็นกำลังใจให้จขกท.นะคะ
ความคิดเห็นที่ 4
ผมคิดว่า งานดีไซน์ งานศิลปะ จะเกิดยาก และไม่เกิดในเมืองที่ประชาชนยังหิว และค่าครองชีพแพงครับ

ตราบใดที่ท้องหิว หาปัจจัยสี่ใส่ตัวไปวันๆ เงินเดือนแค่พอใช้ คนจะไม่คำนึงถึงงานดีไซน์มาก

ดูอย่างเมืองที่ศิลปะเจริญเติบโต อังกฤษ ฝรั่งเศษ ญี่ปุ่น เมืองพวนี้รายได้กับค่าใช้จ่ายจะพอให้คนหลุดจากความหิวโหย

แต่มาดูเมืองไทย ตจว ยังขุดเผือกขุดมัน วิ่งผ่อนบ้าน เติมน้ำมัน กู้กันชักหน้าไม่ถึงหลัง

คนจะสนใจศิลปะได้ไงถ้าท้องยังหิว

ซูดาน โมกดิชู  ชนวนการซา เอธิโอเปีย พม่า เขมร แอฟริกา ประเทศโลกที่สาม ยากที่คนจะสนใจศิลปและดีไซน์
ความคิดเห็นที่ 38
ขอแชร์ประสบการณ์บ้างนะครับ เผื่อจะมีบางส่วนที่ช่วยให้ จขกท มีแนวทางบางอย่างขึ้นมา

ตอนผมจบมาใหม่ๆ เจอแต่บริษัท ที่กดเงินเดือน และทำงานศิลปะเชิงพาณิชย์ทั้งนั้น สวยไม่เอา เอาแต่ปริมาณ
ภายในเวลา 2 ปี ที่กำลังตามหาบริษัทที่จะตอบโจทย์การทำงานเราได้นั้น
ผมเลยย้ายที่ทำงานเป็นว่าเล่น ทำเดือนเดียวออกบ้าง บางที่ แค่วันเดียวก็ไม่ไปทำแล้ว

จนบริษัทสุดท้ายที่ได้ไปทำ เป็นบริษัท Graphic House เล็กๆ แต่เน้นคุณภาพงานมากๆ
Design , Mood and Tone , Concept ทุกอย่างต้องไปด้วยกันหมด แม้แต่งานเล็กๆ เช่นนามบัตร

ผมเลยอยู่บริษัทนี้มานานถึง 6 ปี จนเป็น Senior ก่อนจะผันตัวเองออกมาเปิดบริษัทเอง
และดำเนินวิธีการทำงาน และแนวทาง ตามบริษัทที่ผมได้ทำล่าสุดนี้ เงินเดือนล่าสุดก่อนออกมาครึ่งแสน
ผมสามารถทำได้ทุกอย่าง เพราะผมชอบงานออกแบบ ออกแบบสิ่งพิมพ์ ออกแบบเว็บไซต์

เขียนโค้ดได้ระดับที่พอจะแก้ไข code ในหน้าเว็บนั้นๆได้ ตัด css div ได้
ออกแบบ booth ได้ ทำ 3D ได้ ตัดต่อ video ได้ เวลาว่างๆ ผมจะชอบฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ
จนทุกวันนี้ทำเป็นแทบจะทุกด้านเกี่ยวกับงานออกแบบเลย

เงินก็เป็นปัจจัยส่วนนึง ที่ทำให้ผมทำที่นี่มาได้ถึง 6 ปี แต่พอมันมาประกอบรวมกับการทำงานที่เน้น Design จริงๆ
มันเลยทำให้เวลาทำงานมีความสุขมาก คุณมีเวลาคิด คุณสามารถนอกกรอบได้ คุณเล่นกับงานได้ ถ้าคุณกล้าพอ

ทุกวันนี้ผมมาเปิดบริษัทเอง ผมเข้าใจเลยว่า ทำไมงานออกแบบเมืองไทยถึงได้ไม่ก้าวหน้า
ผมรับสมัครพนักงาน คนที่ส่ง portfolio มาเพื่อสมัครงาน ถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนแล้ว

100 คน ที่ส่งใบสมัครมา สามารถเรียกคนๆนั้นว่า designer ได้แค่ 1 คนเท่านั้น
อีก 99 คนที่เหลือ เรียกว่าคนใช้โปรแกรมออกแบบเป็นจะเหมาะกว่า

ผมตามหาพนักงานที่สามารถออกแบบได้ดี ได้ยากมากๆๆๆ งานที่เป็น portfolio ที่ส่งมาแต่ละคน
มันไม่สามารถเรียกว่างานออกแบบได้เลย เหมือนแค่ใช้โปรแกรมเป็นแค่นั้น

บริษัทผมตอนนี้ก็ยังเล็กๆอยู่ แต่ผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะแยกแผนก
Graphic design ที่ทำสิ่งพิมพ์ ก็จะให้ออกแบบสิ่งพิมพ์อย่างเดียว
web designer ผมก็เน้น design จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเขียน code ได้
แต่ถ้าเข้าใจ code นิดหน่อยก็จะดี เพราะจะช่วยในเรื่องการออกแบบ
ว่าออกแบบ แบบไหน สามารถทำได้ แบบไหนไม่สามารถทำได้ในทางเทคนิค

ผมเขียนมาทั้งหมด อาจจะพอเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ คนที่ทำให้งาน design ไม่ก้าวหน้า
ก็คือ คนทั่วไป หรือแม้กระทั่ง คนที่อยากจะเข้ามาอยู่ในตลาดงานออกแบบ
มักคิดว่า แค่ทำโปรแกรมเป็น ฉันก็เรียกตัวฉันเองว่า designer แล้ว

ซึ่งแท้จริงแล้ว คนใช้โปรแกรมออกแบบเป็น ไม่ได้หมายความว่าจะออกแบบเป็น หรือเป็นนักออกแบบที่ดีเลย
ความคิดเห็นที่ 10
รู้มั้ยครับผมเคยเจอ ลูกค้าถามว่า ต้องจ่ายค่าออกแบบด้วยเหรอ........
...
...
...
เราอยู่ประเทศนี้ครับ ต้องเลือกลูกค้าครับ ต้องเลือกแนวให้ถูกและต้องเป็นแนวที่ทำเงินด้วยครับ
ลูกค้าบางรายบางแนวอย่าไปเสวนาด้วยครับ เปลืองเวลา
ความคิดเห็นที่ 26
แนะนำนะครับ ผมก็อยู่ในสายงานนี้เช่นกัน
ประวัติของผม จบมา มาตั้งแต่ร้านถ่ายภาพ ไปกราฟฟิกดีไซน์สำนักพิมพ์ > Art asset บริษัทเกมส์ 2 แห่ง > อาจารย์พิเศษมหาลัยเอกชน >
> เดินทางไปออสเตรเรียเพื่อเรียนภาษาอังกฤษ ตอนนี้ละ ทั้งล้างจาน แบกอิฐ ขนปูด ล้างอิฐด้วยน้ำกรด แจกใบปลิว รับสอนพิเศษ พยายามหา
ฟรีแลนซ์กราฟฟิก ยากลำบากมากครับ แต่ทำให้ผมได้เปิดโลกกว้างขึ้น เข้มแข็งขึ้น จากนั้นโชคดีงานเข้าตา เลยไดเป็น Product Design
กับเบ๊กราฟฟิกของบริษัทผลิตเครื่องสำอางค์รายนึงที่นั่น  > กลับมาไทยก็ได้คอนเน็กชั่นที่นั่นมาครับ ทำงานออนไลน์ได้
ตอนนี้ทั้งทำงาน Admin ของเว็บด้าน iT , วาดภาพประกอบเป็น job , สอนกราฟฟิก , ทำโพรดักดีไซน์ (คือไม่ได้จบด้านนี้มานะครับมั่วเอา
เจ้านายมีไกด์ช่วย) , ซ่อมคอม (นานๆที ผมทำใบปลิวแจกเอา) , Animater (ส่วนใหญ่จะ main ที่ Flash ผสม premiere ), เก็บเงินเล่นหุ้น
ศึกษาการลงทุนเป็นงานอดิเรก

เอาล่ะ อาจจะไม่อยากอ่านแล้ว (ฮา) เข้าเรื่องนะครับ สิง่ที่ผมจะแนะนำในฐานะที่ผมจบบริหารมา
คือ เราควรมีรายได้หลายๆทางครับ และผมก็เชื่อว่าแต่ละสายก็มีจุดอิ่มตัว กับจุดฟื้นตัว และมีทั้งงานซีเรียส ไม่ซีเรียส แตกต่างกัน
และต่างช่วงเวลา เรามีความสามารถอะไร แค่ไหน? อย่ากลัวครับ ใช้มันให้หมด ถ้าไม่พอก็ไปเรียนรู้เพิ่มครับ
ยิ่งบอกว่ามีความรู้น้อย ความสามารถน้อย ก็ให้หาเพิ่มเทคโนโลยีมันไปเรื่อยๆ ก็ต้องตามถ้ายังรักในงานที่ทำ
(น่ายินดีที่ผมมีฉันทะด้านการตามข่าวเทคโนโลยีอยู่แล้ว เลยนำมาประกอบอาชีพซะเลย)  ผมยังมีอีกหลายอย่าง
ที่ทั้งทำจริง ลองทำในตอนเป็นฟรีแลนซ์ครับ สนุกมากๆ

อายุผมก็ไม่น้อยครับ ประมาณ 20 ปลายๆจะสามสิบแล้ว - -" เด็กรุ่นใหม่ตามเหยียบผมได้ทุกเวลาครับ

นอกจากหารายได้หลายๆทางแล้ว ผมชอบความเห็นของคุณ "สมาชิกหมายเลข 900094 "

"เก่ง ซื่อสัตย์ ตรงเวลา สร้างชื่อ จนลูกค้าถามหา !!
สมัยจบใหม่ ๆ  ผมออกหางาน บางงานยอมขาดทุนเพื่อสร้างชื่อ ความประทับใจ สะสมไปเรื่อย ๆ
จนตอนนี้ อยู่บ้านเฉย ๆ งานก็มาหาผมถึงหน้าประตู !! "

เพราะนี่ก็คือกุญแจสำคัญครับ สำคัญมาก มันทำให้ผมสามารถอยู่รอดได้จากการบอกต่อ เพราะ
เราทุ่มเทกับงานจริงๆ ผมเองบอกได้ครับว่าผมไม่ได้มีฝีมือทำงานได้สวยงาม Epic อะไร เพียงแต่
ผมค่อนข้างเอาใจใส่ ช่วยคิดออกความเห็น ออกแบบเยอะ ชดเชยความสามารถอันน้อยนิด
ลูกค้าหลายๆท่าน ถ้าหมดงาน ก็ยังมีบอกต่อให้คนรู้จัก แต่ผมก็ยังไม่ถึงระดับงานมาตลอดไม่ขาดมือ
ความสามารถในการบริหารเงิน การทำบัญชี การวิเคราะห์ และบริหารเวลา จึงนำมาช่วยให้อยู่รอด

คำแนะนำแรกคือการหารายได้จากหลายทาง

ส่วนคำแนะนำที่สอง ถ้ายังคิดว่าอายุน้อย อนาคตยาวไกล ลองไปหาศึกษาเพิ่มเติม หรือไปศึกษาต่อ
ในประเทศที่เราชอบ เห็นว่ามีความสามารถด้านภาษาญี่ปุ่น มันเป็นความสามารถที่น่าอิจฉามากครับ
ถ้าได้ไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ผมมั่นใจว่าคุณน่าจะได้คอนเน็กชั่นมาเป็นพรวนเลย
อันนี้แค่แนะนำเสนอแนะนะครับ ^^

ตอนนี้คุณมองว่าโลกกว้าง แต่วิสัยทัศน์ยังแอบแคบนะครับ (ถ้าผมพูดแรงไปขออภัยด้วยครับ)
การเพิ่มวิสัยทัศน์ ทำได้ด้วยการเดินทางครับ คำว่าเดินทางไม่ได้หมายถึงต้องไปไกลๆ หรือไปต่างแดนเสมอไป
แต่อาจจะหมายถึงแค่การไปในสถานที่ต่างๆที่เรายังไม่เคยไป อาจจใกล้ตัวเราก็ได้ครับ
สังเกตทุกอย่างที่คิดว่าเราสามารถทำเงินกับมันได้ หรืออย่างน้อยถ้าไม่เอาซีเรียสขนาดนั้น จะหากล้องดีๆถ่ายเก็บไว้ก็ได้
ถ้าได้ทำฟรีแลนซ์จริงๆ ถ้ามีโอกาสได้คุยกับเจ้าของกิจการที่ไม่ใช่แค่คนดิลงาน พยายามถามถึงประวัติความสำเร็จ
ให้เค้าแนะนำเรา อย่างเป็นกันเองและสนใจ (ส่วนใหญ่จะเปิดเผยนะครับ แต่คงไม่ทุกเรื่อง)

เราอยากรู้มาก โลกก็กว้างขึ้นมากครับ การได้รับประสบการณ์ตรงจากคนอื่นๆมันมีค่ามากกว่าอ่านหนังสือเสียอีก

และเชื่อครับ เชื่อว่า อาชีพเรามันไม่ตันหรอก มันไม่ได้หยุดแค่นี้หรอก ให้คิดแบบนี้ว่า แนวคิดนี้คนทำเยอะแยะแล้ว
มันยังไม่โดน ให้หาแนวใหม่ ต้องแปลกออกไป ให้ตัวเองเป็นครีเอทีฟนิดๆ
ผมเคยได้ยินมีคนบอกว่า ร้านกาแฟ เปิดไปก็เจ๊ง เพราะมีคนทำเยอะ แต่คนใกล้ตัวผมก็ยังเห็นเปิดได้ รายได้ดี แถมพึ่งเปิดด้วย
ผมยังไม่รู้นะว่าเค้ามีเคล็ดลับอะไร แต่ดูไปได้สวยเชียวละ และเค้าตั้งใจอย่างมากด้วย ไม่ใช่แค่คิดว่าเปิดแล้วเจ๊ง หรือไปไม่รุ่ง
อย่าทำ (กระนั้นผมคงไม่ไปเปิดหรอกนะ เพราะผมไม่ได้ถนัด ฮาๆ)

ผมก็ยังเห็นว่า นักวาด ใส้แห้ง จน ทำไปก็ไม่มีกิน แต่ผมก็เห็นคนรู้จักผมวาดจนล่ำซำ มีเงินถึงขนาดปลดหนี้ครอบครัว
อื้มน่าคิดนะครับ กับมุมมอง

เพื่อนผมที่เค้าเล่นหุ้นจนประสบความสำเร็จท่านนึง เค้าพูดว่า "คนจนคนรวย มันต่างกันที่มุมมองความคิด" คนมันจะจนมันทำยังไง
มันก็จน เช่น ถามๆๆๆ ถามตลอดคนนั้นเล่นยังไงคนนี้ทำยังไง จนคิดเองไม่เป็น และตามกระแสตลาดมากเกินไปไม่กล้าเสี่ยง
ส่วนสิ่งที่เพื่อนผมทำคือ ศึกษาด้วยตนเองอย่างตั้งใจหลายเดือนก่อนจะเล่นซักตัว และถ้ามั่นใจจนศรัทธาแล้ว ไม่ว่าข่าวจะมาแบบไหน
ก็วิเคราะห์และเชื่อมั่นในตัวที่ลงได้ เพราะตนเองหาข้อมูลมาเอง ถามน้อย หามาก คิดสวนกระแสได้ ตามกระแสทัน

ขอโทษนะครับ พร่ามมาซะยาว ^^"
ผมเองก็คงต้องเดินต่อไปน่ะครับ จุดนี้ผมเองก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย หวังว่ารอบหน้าผมจะเห็นคุณ จขกท เติบใหญ่ จนหลายคนอิจฉา
นะครับ : D
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่