RAW คือข้อมูลของแสงทุกอณูที่ตกบอกเซนเซอร์รับภาพของกล้อง.... แต่ยังไม่ได้แปลงเป็นไฟล์ภาพ....ดังนั้นเราจึงไม่สามารถแก้ไขแล้วเซฟทับไฟล์ RAW ลงไปได้... และ RAW แปลภาษาไทยแปลว่า ดิบ นั่นก็คือ ไฟล์ดิบนั่นเองครับ.....จริงๆเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หลายๆตัวก็เก็บข้อมูลออกมาเป็นไฟล์ raw เหมือนกันนะครับ...แต่ไม่ได้เป็นรูปภาพ มันคือ "ข้อมูล" ดังนั้นการที่จะอ่าน "ข้อมูล" ที่เก็บมาได้นั้นจะต้องใช้โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาพิเศษเพื่ออ่านข้อมูลนั้นๆเท่านั้น

ดังนั้นผมจะเรียกว่า File RAW นะครับ.....เพราะมันไม่ได้เป็นรูปภาพ..และนามสกุลมันก็ไม่ได้ .raw นะครับ..แต่ละยี่ห้อก็มีนามสกุลไฟล์raw ของตัวเองไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะต้องใช้โปรแกรมของยี่ห้อกล้องตัวเองเท่านั้นถึงจะสามารถเปิดดูรูป(ตัวอย่าง)ของ Raw ได้ ยกเว้นใครมี Photoshop, Lightroom หรือ adobe camea raw ก็สามารถอ่านไฟล์ raw ของกล้องต่างๆได้ครบแต่ไม่เหมือนซะทีเดียวแค่ทำออกมาให้คล้ายที่สุดเฉยๆ เพราะ ถ้าเราใช้ picture style ของกล้องแล้วเอามาเปิด raw ใน lightroom ภาพจะไม่เหมือนในกล้อง....เพราะมันไม่สามารถอ่าน picture style ของกล้องแต่ละยี่ห้อได้(ทำให้คล้ายได้แต่ไม่เหมือนครับ)

จริงๆเราเรียกไฟล์ดิบแบบเหมารวมว่า raw นั่นเองครับ..อยากรณรงค์ให้เรียกว่า ไฟล์ดิบ หรือไม่ก็เรียกว่า ไฟล์raw จะได้ไม่สับสนว่ามันเป็นภาพ



RAW จะสามารถแปลงเป็น Tiff ได้ เป็นไฟล์ที่มีคุณภาพดีที่สุดที่กล้องจะสามารถทำได้ครับ.. (Tiff ใหญ่กว่าไฟล์RAW ประมาณ 3 เท่าได้)

และ RAW ก็สามารถแปลงเป็น Jpeg ได้เช่นกัน (Jpeg มีขนาดเล็กกว่าไฟล์ RAW ประมาณ 2-3 เท่า)

เกร็ดความรู้.....

Tiff สามารถแสดงสีได้ 16 bit
jpeg สามารถแสดงสีได้ 8 bit

ดังนั้นถ้าใครคิดจะเอารูปไปพิมพ์ภาพที่ร้านแนะนำให้เซฟเป็นไฟล์ tiff ไปภาพจะสวยเนียนกว่าเอา jpeg ไปครับ..เพราะมันมีสีให้ไล่โทนเยอะกว่ามาก แต่ต้องหาร้านที่พิมพ์ภาพโดยตรงจาก tiff นะ..ไม่ใช่ให้ tiff ไปดันเอาไปแปลงเป็น jpeg ก่อนแล้วค่อยพิมพ์...อันนี้เงิบแน่ๆ(ผมโดนมาแล้ว..แถมมันจะคิดตังค์ค่าแปลงไฟล์ tiff > jpeg อีก...เพราะแปลงรูปนี้ใช้เวลานานมาก )