ตอนนี้มีหลายความหมายไปหมดแล้วครับ

1. ในตอนแรกๆ ใช้นิยาม คนที่มองโลกในแง่ดีเกินจริง เช่น ถ้ามีโทรศัพท์จากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มาถามข้อมูลธนาคารจากคุณ แล้วให้คุณไปกดโอนเงินให้   คนโลกสวย ก็อาจจะมีความเห็นในทำนองว่า "เค้าอาจไม่ได้มาหลอกก็ได้นะคะ เค้าอาจจะละเมอแล้วโทรผิด เลยพูดอะไรแปลกๆไปก็ได้ค่ะ"

เอิ่ม คือผมก็ยกตัวอย่างเล่นๆอ่ะนะ แต่สรุปว่า โลกสวยในตอนแรกๆ ใช้กับคนที่ มองโลกในแง่สวยเกินจริง อะไรทำนองนี้

2. หลังจากนั้นคำๆนี้ เริ่มพัฒนา ไปหลากหลายความหมายมากขึ้น โดยจะมีพวกนึงที่เอามาใช้บ่อย คือ พวกที่มองโลกในแง่ของความเป็นจริง คือมองโลกว่าเทา แต่ไม่คิดจะทำให้โลกสีเทาอ่อนลง หรือดีไม่ดีอาจคิดให้โลกเป็นสีเทาเข้มขึ้น (ขอเรียกพวกนี้ว่าพวกโลกทรามแล้วกัน)   พวกนี้จะเอาคำว่าโลกสวย มาเรียกเชิงประชดกับ พวกที่มองโลกในแง่ความเป็นจริง แต่มีความคิดไม่อยากให้โลกเทาเข้มขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น หากมีกระทู้ การทำอะไรไม่ดีในสังคม

- พวกที่อยากให้สังคมดีขึ้น ก็จะบอกให้เลิกการกระทำนั้นเสีย
- พวกโลกทรามก็จะด่า พวกแรกว่า "โลกสวย" สังคมมันเทาอยู่แล้ว มันไม่ได้ขาวซะหน่อย

พูดง่ายๆคือ พวกโลกทรามที่ด่าคนอื่น"โลกสวย" ในกรณีนี้ คือพวกที่มองโลกในแง่ความเป็นจริง มองสังคมปัจจุบันว่าทรามอยู่แล้ว หากมีอะไรมาทำให้ทรามอีก ก็คงไม่เป็นไรหรอก ไอ้พวกที่คิดจะทำให้สังคมขาวบริสุทธิ์ พวกนั้นน่ะโลกสวย เพราะมันไม่มีทางขาวได้หรอก นี่คือความคิดแบบโลกทราม

โดยมันลืมนึกไปไง ว่าหากสีเทา มันเทามากขึ้น ซักวันมันก็จะดำ  แต่หากสีเทา มันสว่างขึ้น ไม่ขอให้มันถึงขนาดต้องขาวหรอก ขอแค่ให้มันเทาแบบห่างไกลจากความดำมากขึ้นอีกนิด มันก็จะดีขึ้น  

แต่ความคิดคนโลกทราม จะแบ่งโลก เป็น ขาว เทา ดำ เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงระดับของสี  พูดง่ายๆคือ ถ้ามันเทาแล้ว มันไม่ขาวแล้ว จะเทามืดไปซักเท่าไหร่ก็ช่าง เพราะมันยังเทาอยู่ดี

แต่คนที่มองโลกว่ามันเทา ในระดับ 50-60% เค้าอาจคิดว่า เออ อยากให้มันเทาน้อยลง เป็น 40% จะดีมั๊ย  คนที่คิดแบบนี้ก็จะถูกพวกโลกทรามหาว่าโลกสวยทันที