http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000098319
พังงา - ชาวโรฮิงญา 261 คน พยายามพังห้องขังด่านตรวจคนเข้าเมืองพังงา อ้างขอออกมาละหมาดวันฮารีรายอเดือนรอมฎอนนอกห้องขัง ด้านเจ้าหน้าที่ไม่ยอม ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ควบคุมสถานการณ์ เบื้องต้นเหตุการณ์ยังไม่สงบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (8 ส.ค.) ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองพังงา เกิดเหตุชาวโรฮิงญา จำนวน 261 คน ได้ลุกขึ้นประท้วงพร้อมทำลายห้องขังจนสามารถพังประตูห้องควบคุมของแต่ละห้องได้ และมีการรวมกลุ่มกันเพื่อออกมานอกอาคารควบคุม โดยเรียกร้องให้ปล่อยตัวเพื่อทำการละหมาดเนื่องในวันออกบวชตามประเพณีศาสนาอิสลาม จนกระทั่งเหตุการณ์บานปลายจนทำให้ทาง พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จว.พังงา ซึ่งภายหลังได้รับรายงาน จึงเดินทางพร้อมกับกำลังตำรวจ นปพ. กำลังตำรวจชุดปราบปรามการจลาจล เจ้าหน้าฝ่ายป้องกันจังหวัด ฝ่ายปกครองอำเภอ สนธิกำลังจำนวนกว่า 100 นาย นอกจากนี้ ยังมีการประสานเจ้าหน้าที่ รพ.พังงา หน่วยกู้ภัยพังงา และหน่วยงานต่างๆ
ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณ หมู่ที่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา พบชาวโรฮิงญา จำนวน 261 คน ได้พังห้องขังจำนวนกว่า 3 ห้อง แล้วออกยืนรอที่หน้าประตูทางออกจนเกือบจะพังประตูได้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้ง ตม.พังงา ตำรวจ ได้เตรียมพร้อม และพยายามให้ชาวโรฮิงญาทั้งหมดพยายามสงบสติอารมณ์ พร้อมกับต่อรองว่าขอให้ออกมาทำพิธีชุดละ 5 คน ซึ่งจะง่ายต่อการควบคุม แต่ทางชาวโรฮิงญาไม่ยินยอม และยังตะโกนโวยวายพยายามที่จะพังประตูรั้วเหล็กกั้นออกมา จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้กระบอง และอุปกรณ์ในการสลายฝูงชนตามขั้นตอน
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงา เดินทางมา และเข้าเกลี้ยกล่อมจนทางชาวโรฮิงญาได้สงบนิ่งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีที่สงบลง หลังจากกรรมการอิสลามจังหวัดพังงาได้ขอพรตามพิธีกรรมทางศาสนาเสร็จสิ้น ชาวโรฮิงญาดังกล่าวได้ลุกฮือขึ้นเพื่อจะพังประตูอีกครั้ง จนทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้แผงเหล็กกั้นประตูรั้วเหล็กอีกชั้น พร้อมวางแผนเพื่อให้เหตุการณ์สงบลง โดยขั้นแรกใช้วิธีตรึงกำลัง แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับรั้วเหล็กกั้นประตูหน้านั้นไม่ทนทาน และมีท่าทีว่าจะพังออกมาได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำเข้าไปสลายกลุ่มประท้วงของชาวโรฮิงญา แต่ก็ไร้ผลเนื่องจากบริเวณหน้าประตูดังกล่าวแน่นไปด้วยชาวโรฮิงญา จำนวนกว่า 200 คน และมีท่าทีรุนแรงขึ้นทุกขณะ จึงได้เตรียมกำลังตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดนของฝ่ายปกครองสนธิกำลังเข้าตรึงแผงเหล็กรั้วประตูไว้ ไม่ให้ชาวโรฮิงญาออกมา พร้อมกับสลับสับเปลี่ยนเวรกันประจำ และรอให้กลุ่มชาวโรฮิงญาเหนื่อยแล้วจึงเข้าไปควบคุมตัว และแยกหาตัวแกนนำในการประท้วงครั้งนี้ออกมา จากนั้นจึงควบคุมต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรต่างๆ ในจังหวัดพังงา
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่กำลังคุมเข้มอยู่บริเวณหน้าห้องควบคุมอย่างเข้มงวด โดยมีกองร้อยปราบปรามฝูงชน ของ ตร.ภ.จว.พังงา และ อส.ฝ่ายความมั่นคง ของจังหวัดพังงา เข้าตรึงกำลังและดันประตูไว้เพื่อไม่ให้ทางชาวโรฮิงญาออกมาได้ โดยเกรงว่าหากมีการแหกอาคารควบคุมออกมาได้จะเป็นอันตาราย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีทั้งสำนักงานของหน่วยงานราชการจำนวนหนึ่ง และที่สำคัญมีโรงเรียนอนุบาลพังงา ซึ่งมีเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล-ป.6 ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้ล้อมปิดทางหนีเข้าออกบริเวณดังกล่าวอย่างแน่นหนา ซึ่งล่าสุด ยังคงมีการตรึงกำลังอย่างเข้มข้นระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เผชิญหน้ากับชาวโรฮิงญา จำนวนกว่า 261 คน ทั้งนี้ ยังพบว่าบางรายเรียกร้องให้ตนเองไปอยู่ประเทศที่ 3 และอาศัยช่วงจังหวะดังกล่าวกดดันเจ้าหน้าที่ขอหลบหนี หรืออาศัยจังหวะการชุลมุนหนีออกจากการควบคุม
*****************************************
ประเทศเรายังต้องทนรับภาระขยะพวกนี้อีกนานแค่ไหนกันครับ
พวกนี้รู้สถานะตัวเองไหม มีสิทธิเรียกร้องก่อความวุ่นวายด้วยหรือ???? ทำไมคนไทยต้องทน!!!!
พวกโรฮิงยามันเอาอีกแล้วก่อความวุ่นวายไม่รู้จักจบ เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ
พังงา - ชาวโรฮิงญา 261 คน พยายามพังห้องขังด่านตรวจคนเข้าเมืองพังงา อ้างขอออกมาละหมาดวันฮารีรายอเดือนรอมฎอนนอกห้องขัง ด้านเจ้าหน้าที่ไม่ยอม ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ควบคุมสถานการณ์ เบื้องต้นเหตุการณ์ยังไม่สงบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (8 ส.ค.) ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองพังงา เกิดเหตุชาวโรฮิงญา จำนวน 261 คน ได้ลุกขึ้นประท้วงพร้อมทำลายห้องขังจนสามารถพังประตูห้องควบคุมของแต่ละห้องได้ และมีการรวมกลุ่มกันเพื่อออกมานอกอาคารควบคุม โดยเรียกร้องให้ปล่อยตัวเพื่อทำการละหมาดเนื่องในวันออกบวชตามประเพณีศาสนาอิสลาม จนกระทั่งเหตุการณ์บานปลายจนทำให้ทาง พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จว.พังงา ซึ่งภายหลังได้รับรายงาน จึงเดินทางพร้อมกับกำลังตำรวจ นปพ. กำลังตำรวจชุดปราบปรามการจลาจล เจ้าหน้าฝ่ายป้องกันจังหวัด ฝ่ายปกครองอำเภอ สนธิกำลังจำนวนกว่า 100 นาย นอกจากนี้ ยังมีการประสานเจ้าหน้าที่ รพ.พังงา หน่วยกู้ภัยพังงา และหน่วยงานต่างๆ
ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณ หมู่ที่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา พบชาวโรฮิงญา จำนวน 261 คน ได้พังห้องขังจำนวนกว่า 3 ห้อง แล้วออกยืนรอที่หน้าประตูทางออกจนเกือบจะพังประตูได้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้ง ตม.พังงา ตำรวจ ได้เตรียมพร้อม และพยายามให้ชาวโรฮิงญาทั้งหมดพยายามสงบสติอารมณ์ พร้อมกับต่อรองว่าขอให้ออกมาทำพิธีชุดละ 5 คน ซึ่งจะง่ายต่อการควบคุม แต่ทางชาวโรฮิงญาไม่ยินยอม และยังตะโกนโวยวายพยายามที่จะพังประตูรั้วเหล็กกั้นออกมา จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้กระบอง และอุปกรณ์ในการสลายฝูงชนตามขั้นตอน
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงา เดินทางมา และเข้าเกลี้ยกล่อมจนทางชาวโรฮิงญาได้สงบนิ่งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีที่สงบลง หลังจากกรรมการอิสลามจังหวัดพังงาได้ขอพรตามพิธีกรรมทางศาสนาเสร็จสิ้น ชาวโรฮิงญาดังกล่าวได้ลุกฮือขึ้นเพื่อจะพังประตูอีกครั้ง จนทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้แผงเหล็กกั้นประตูรั้วเหล็กอีกชั้น พร้อมวางแผนเพื่อให้เหตุการณ์สงบลง โดยขั้นแรกใช้วิธีตรึงกำลัง แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับรั้วเหล็กกั้นประตูหน้านั้นไม่ทนทาน และมีท่าทีว่าจะพังออกมาได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำเข้าไปสลายกลุ่มประท้วงของชาวโรฮิงญา แต่ก็ไร้ผลเนื่องจากบริเวณหน้าประตูดังกล่าวแน่นไปด้วยชาวโรฮิงญา จำนวนกว่า 200 คน และมีท่าทีรุนแรงขึ้นทุกขณะ จึงได้เตรียมกำลังตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดนของฝ่ายปกครองสนธิกำลังเข้าตรึงแผงเหล็กรั้วประตูไว้ ไม่ให้ชาวโรฮิงญาออกมา พร้อมกับสลับสับเปลี่ยนเวรกันประจำ และรอให้กลุ่มชาวโรฮิงญาเหนื่อยแล้วจึงเข้าไปควบคุมตัว และแยกหาตัวแกนนำในการประท้วงครั้งนี้ออกมา จากนั้นจึงควบคุมต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรต่างๆ ในจังหวัดพังงา
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่กำลังคุมเข้มอยู่บริเวณหน้าห้องควบคุมอย่างเข้มงวด โดยมีกองร้อยปราบปรามฝูงชน ของ ตร.ภ.จว.พังงา และ อส.ฝ่ายความมั่นคง ของจังหวัดพังงา เข้าตรึงกำลังและดันประตูไว้เพื่อไม่ให้ทางชาวโรฮิงญาออกมาได้ โดยเกรงว่าหากมีการแหกอาคารควบคุมออกมาได้จะเป็นอันตาราย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีทั้งสำนักงานของหน่วยงานราชการจำนวนหนึ่ง และที่สำคัญมีโรงเรียนอนุบาลพังงา ซึ่งมีเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล-ป.6 ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้ล้อมปิดทางหนีเข้าออกบริเวณดังกล่าวอย่างแน่นหนา ซึ่งล่าสุด ยังคงมีการตรึงกำลังอย่างเข้มข้นระหว่างเจ้าหน้าที่ที่เผชิญหน้ากับชาวโรฮิงญา จำนวนกว่า 261 คน ทั้งนี้ ยังพบว่าบางรายเรียกร้องให้ตนเองไปอยู่ประเทศที่ 3 และอาศัยช่วงจังหวะดังกล่าวกดดันเจ้าหน้าที่ขอหลบหนี หรืออาศัยจังหวะการชุลมุนหนีออกจากการควบคุม
*****************************************
ประเทศเรายังต้องทนรับภาระขยะพวกนี้อีกนานแค่ไหนกันครับ
พวกนี้รู้สถานะตัวเองไหม มีสิทธิเรียกร้องก่อความวุ่นวายด้วยหรือ???? ทำไมคนไทยต้องทน!!!!