ขอเท้าความนิดนึง (อาจจะยาวเล็กน้อย) นะครับ
เมื่อช่วงเดือนเมษาที่ผ่านมามีเพื่อนมันไปสมัครงานกับกรุงไทย-แอลซ่าประกันชีวิต แล้วยังไม่มีใบอนุญาตเลย
ชวนผมให้ไปสอบใบอนุญาตประกันชีวิต ซึ่งมันให้เหตุผลว่าไม่มีใครที่รู้จักไปสอบ มันกลัวเหงา แต่ในใจผมรู้อยู่แล้วว่ามันต้องกาให้ผมติวให้มัน เพราะว่าไอ้หมอนี่หัวมันช้า (จบมหาลัยได้เพราะว่าผมช่วยติวให้มันนี่ละ ถึงเวลาก็เป็นไปตามคาดมันขอให้ผมติวให้มันจริงๆ ผมก็เลยไปเพราะว่าไม่ได้คิดอะไรมากเพราะว่าเป็นเพื่อนกัน)
พอถึงวันประกาศผลมันโทมาบอกว่าผมกับมันสอบผ่าน แล้วชวนผมมาทำงานที่กรุงไทย-แอลซ่าด้วยกัน ซึ่งผมปฏิเสธไปเพราะว่าสาขานั้นใกล้บ้านมัน แต่ไกลจากบ้านผม (ขี้เกียจเดินทางไกลๆ) ที่สำคัญยังไม่มีความสนใจในงานขายประกัน แต่ก็เข้าใจว่าประกันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังไม่มีความพร้อมที่จะทำ (ไม่มีตังค์)
วันเวลาผ่านไปจนถึงเดือน พ.ค.น้องเขยคิดจะเปิดร้านอาหารบนที่ดินที่ไม่ได้ให้ประโยชน์ อันนี้ก็งานเข้าเลยเพราะว่ามาตามเราไปช่วยเพราะว่าเขาหาคนไม่ได้ (ที่สำคัญน้องสาวมีหุ้นใหญ่อยู่ และขอให้เรามาช่วยด้วย) เลยตอบตกลงมาช่วยงาน โดยตอนแกบอกให้ช่วยแบบเต็มวัน วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ช่วยประมาณครึ่งวัน แต่พอถึงเวลาจริงนี่วันพุธแทบไม่ต้องช่วยงาน วันเสาร์อาทิตย์นี่ดูบ้างไม่ดูบ้างก็ได้ แต่วันจันทร์กับศุกร์นี่ต้องอยู่เต็มวัน
จึงเป็นที่มาของการหารายได้เสริม (ช่วงเดือนมิ.ย.) เพราะว่าปกติก็ใช้ชนเดือนอยู่แล้ว เลยนึกได้ว่าน่าจะขายประกันชีวิตเพราะว่ามีใบอนุญาตแล้ว เลยโทรไปหาเพื่อนที่ไปสอบด้วยกันถามว่ารายได้ดีไหม มันก็บอกว่าได้ตอนนี้เดือนละประมาณ 4 หมื่น จากการไปออกตลาดกับสำนักงาน ได้ฟังก็เกิดอาการฮึดอยากลองดูบ้าง เลยลองถามทางบ้านแบบเกริ่นๆ ว่าถ้าจะขายประกันชีวิตนี่จะเป็นไหม พ่อกับแม่ก็บอกว่าได้ ถ้าอยากทำก็ทำไปเลย พอได้ไฟเขียวแบบนี้เลยไปที่คปภ. เพื่อให้เขาออกใบให้ แต่เขาบอกว่าผมยังไม่มีสังกัดกับบริษัทประกันชีวิตเลยออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ต้องไปสมัครงานกับบริษัทประกันชีวิตต้นสังกัดและเขาจะทำเองมาที่คปภ. ได้ฟังแบบนี้เลยกลับมาถามทางบ้านก่อนว่ามีบริษัทไหนแนะนำไหม (ความจริงทำกับบริษัทไหนก็ได้ เพราะแต่ละบริษัทก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย) พ่อ (เป็นข้าราชการ) ก็บอกว่าให้ทำกับบริษัทไทยประกันชีวิต เพราะว่ามีตราคุฑและในหลวงถือหุ้นอยู่ ก็เลยตามใจพ่อเข้าไปที่หน้าเวปของบริษัทไทยประกันชีวิต แล้วกรอกใบสมัครว่าเราต้องการสมัครเป็นตัวแทนขายประกันชีวิต จากนั้นไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าเราสังกัดกับคนชื่อคุณ....นะแล้วเดี๋ยวเขาจะโทรเขามาหาแล้ววันนั้นประมาณ 1 ทุ่มแกก็โทรมาหานัดผมวันรุ่งขึ้นคุยกันตอนบ่ายสองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ถ้าจะลาออกจากบริษัทไทยประกันชีวิตต้องทำอย่างไงบ้างครับ
เมื่อช่วงเดือนเมษาที่ผ่านมามีเพื่อนมันไปสมัครงานกับกรุงไทย-แอลซ่าประกันชีวิต แล้วยังไม่มีใบอนุญาตเลย
ชวนผมให้ไปสอบใบอนุญาตประกันชีวิต ซึ่งมันให้เหตุผลว่าไม่มีใครที่รู้จักไปสอบ มันกลัวเหงา แต่ในใจผมรู้อยู่แล้วว่ามันต้องกาให้ผมติวให้มัน เพราะว่าไอ้หมอนี่หัวมันช้า (จบมหาลัยได้เพราะว่าผมช่วยติวให้มันนี่ละ ถึงเวลาก็เป็นไปตามคาดมันขอให้ผมติวให้มันจริงๆ ผมก็เลยไปเพราะว่าไม่ได้คิดอะไรมากเพราะว่าเป็นเพื่อนกัน)
พอถึงวันประกาศผลมันโทมาบอกว่าผมกับมันสอบผ่าน แล้วชวนผมมาทำงานที่กรุงไทย-แอลซ่าด้วยกัน ซึ่งผมปฏิเสธไปเพราะว่าสาขานั้นใกล้บ้านมัน แต่ไกลจากบ้านผม (ขี้เกียจเดินทางไกลๆ) ที่สำคัญยังไม่มีความสนใจในงานขายประกัน แต่ก็เข้าใจว่าประกันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังไม่มีความพร้อมที่จะทำ (ไม่มีตังค์)
วันเวลาผ่านไปจนถึงเดือน พ.ค.น้องเขยคิดจะเปิดร้านอาหารบนที่ดินที่ไม่ได้ให้ประโยชน์ อันนี้ก็งานเข้าเลยเพราะว่ามาตามเราไปช่วยเพราะว่าเขาหาคนไม่ได้ (ที่สำคัญน้องสาวมีหุ้นใหญ่อยู่ และขอให้เรามาช่วยด้วย) เลยตอบตกลงมาช่วยงาน โดยตอนแกบอกให้ช่วยแบบเต็มวัน วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็ช่วยประมาณครึ่งวัน แต่พอถึงเวลาจริงนี่วันพุธแทบไม่ต้องช่วยงาน วันเสาร์อาทิตย์นี่ดูบ้างไม่ดูบ้างก็ได้ แต่วันจันทร์กับศุกร์นี่ต้องอยู่เต็มวัน
จึงเป็นที่มาของการหารายได้เสริม (ช่วงเดือนมิ.ย.) เพราะว่าปกติก็ใช้ชนเดือนอยู่แล้ว เลยนึกได้ว่าน่าจะขายประกันชีวิตเพราะว่ามีใบอนุญาตแล้ว เลยโทรไปหาเพื่อนที่ไปสอบด้วยกันถามว่ารายได้ดีไหม มันก็บอกว่าได้ตอนนี้เดือนละประมาณ 4 หมื่น จากการไปออกตลาดกับสำนักงาน ได้ฟังก็เกิดอาการฮึดอยากลองดูบ้าง เลยลองถามทางบ้านแบบเกริ่นๆ ว่าถ้าจะขายประกันชีวิตนี่จะเป็นไหม พ่อกับแม่ก็บอกว่าได้ ถ้าอยากทำก็ทำไปเลย พอได้ไฟเขียวแบบนี้เลยไปที่คปภ. เพื่อให้เขาออกใบให้ แต่เขาบอกว่าผมยังไม่มีสังกัดกับบริษัทประกันชีวิตเลยออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ต้องไปสมัครงานกับบริษัทประกันชีวิตต้นสังกัดและเขาจะทำเองมาที่คปภ. ได้ฟังแบบนี้เลยกลับมาถามทางบ้านก่อนว่ามีบริษัทไหนแนะนำไหม (ความจริงทำกับบริษัทไหนก็ได้ เพราะแต่ละบริษัทก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย) พ่อ (เป็นข้าราชการ) ก็บอกว่าให้ทำกับบริษัทไทยประกันชีวิต เพราะว่ามีตราคุฑและในหลวงถือหุ้นอยู่ ก็เลยตามใจพ่อเข้าไปที่หน้าเวปของบริษัทไทยประกันชีวิต แล้วกรอกใบสมัครว่าเราต้องการสมัครเป็นตัวแทนขายประกันชีวิต จากนั้นไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าเราสังกัดกับคนชื่อคุณ....นะแล้วเดี๋ยวเขาจะโทรเขามาหาแล้ววันนั้นประมาณ 1 ทุ่มแกก็โทรมาหานัดผมวันรุ่งขึ้นคุยกันตอนบ่ายสองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง