พ.ร.บ. ทวงหนี้ใหม่ ห้ามทวงหนี้เกินเวลากำหนด

ครม. ไฟเขียวร่างกฎหมายทวงถามหนี้  ให้ยกหูทวงหนี้ในวันธรรมดา 08.00-20.00 น. วันหยุดราชการไม่เกิน 18.00 น. ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้านแบงก์พาณิชย์ยันทวงหนี้ตามกฎแบงก์ชาติ...

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.56 นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การทวงถามหนี้ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ หลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจรายละเอียด พร้อมเปลี่ยนชื่อจากร่างเดิม คือ ร่าง พ.ร.บ.การติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม เพื่อให้สอดคล้องและครอบคลุมกับสาระสำคัญที่เป็นเรื่องการควบคุมและการกำกับดูแลการทวงถามหนี้

สำหรับรายละเอียดของ ร่าง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการทวงถามหนี้ ต้องจดทะเบียนบริษัทให้ถูกต้อง พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆ ที่ผู้ประกอบกิจการทวงหนี้ต้องปฏิบัติตาม รวมถึงข้อห้ามในการทวงถามหนี้  

ทั้งนี้ โดยวิธีปฏิบัติ ผู้ทวงถามหนี้จะต้องแจ้งชื่อนามสกุล หน่วยงาน และต้องแสดงหลักฐานการมอบอำนาจจากผู้ให้สินเชื่อของลูกหนี้ โดยผู้ทวงหนี้จะต้องไม่คุกคามต่อลูกหนี้ ห้ามทวงหนี้เกินกว่าเหตุ ก่อให้เกิดความรำคาญ ห้ามใช้วาจาดูหมิ่น เสียดสี ถากถาง กับผู้ที่เป็นลูกหนี้ เป็นต้น นอกจากนี้ สาระสำคัญตามรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวยังห้ามไม่ให้ทวงถามหนี้ โดยวิธีติดต่อทางไปรษณีย์ และกำหนดช่วงเวลาในการติดตามทวงถามหนี้ทางโทรศัพท์ โดยในวันธรรมดาให้ดำเนินการทวงถามได้ระหว่าง 08.00-20.00 น. และตั้งแต่ 08.00-18.00 น. สำหรับวันหยุดราชการ

อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด หรือข้อห้ามตามที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษทางอาญา  ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ

นายธีรัตถ์ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ ยังกำหนดให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ โดยมีปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และให้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการทวงถามหนี้ของผู้ทวงถามหนี้ ขณะเดียวกันได้กำหนดนิยามของผู้ทวงถามหนี้ โดยให้หมายถึง ผู้ให้สินเชื่อหรือผู้รับมอบอำนาจจากผู้ให้สินเชื่อหรือผู้รับมอบอำนาจช่วงในการทวงถามหนี้และให้รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้และผู้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบการทวงถามหนี้

ธ.พาณิชย์ยันทวงหนี้ตามกฎแบงก์ชาติ

นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารทหารไทย เปิดเผย “ไทยรัฐออนไลน์” ว่า ตามปกติการทวงหนี้ของธนาคารทั่วไปจะปฏิบัติตามกฎที่ ธปท. กำหนด แต่ร่างกฎหมายที่กำลังจะออกมานี้จะต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าต้องบังคับใช้กับใคร เพราะปัญหาการทวงหนี้โหด มักเกิดขึ้นกับธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือ Non-Bank มากกว่าธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ                                                                                                                                                                          

ด้านนายเวทย์ นุชเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจรายย่อย และเครือข่าย ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า หลักการดำเนินงานของธนาคารโดยทั่วไปนั้นต้องมีความสอดคล้องกับกฎหมายอยู่แล้ว ส่วน ร่าง พ.ร.บ.การทวงหนี้ ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่คิดว่าน่าจะใช้บังคับกับบริษัทรับจ้างทวงหนี้มากกว่า แต่สำหรับธนาคารกรุงไทย ปัจจุบันการติดตามทวงหนี้ทางธนาคารจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด

http://www.thairath.co.th/content/eco/361874

http://bit.ly/ชมรมผู้ไม่ใฝ่ใจบริโภคนิยมวัตถุนิยม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่