หวัดดีครับ มีเรื่องเล่าส่วนตัวเอามาเล่าสู่กันฟังและอยากจะได้ความคิดเห็นนะครับ เดี๋ยวจะฝากคำถามเอาไว้หลังเล่าจบ ต้องออกตัวก่อนเราชอบผู้ชายนะครับและเรื่องที่จะเล่ามันก็เกี่ยวกับเพื่อนของเราคนนึงนั่นเอง ขอเรียกชื่อเพื่อนคนนี้แทนด้วยตัว "A" นะครับ เรื่องมีอยู่ว่า..
ผมกับ A รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม และเขาเป็นคนที่ friendly กับคนง่ายและขี้เกรงใจ ใครขอให้ช่วยหรือทำอะไรเขาก็จะช่วยเหลือ แบบออกแนวปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น แต่ A ก็หน้าตาดีครับช่วงที่เรียนใกล้สอบผมก็เตรียมการสอนไปสอนเขาถึงที่บ้านนะครับ เวลาเรียนก็ช่วยๆกันครับ กับ
เพื่อนๆคนอื่นๆ บางทีเล่นกันก็มีจับมือถือแขนกันบ้าง แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆถึงเกิดความรู้สึกว่าเราชอบเขามากอ่ะครับ ฮ่าๆ บางทีก็จะแอบงอนเรื่องนิดๆหน่อยๆบ้าง ก็ง้อกันล่ะครับ พอจบมัธยมผมก็เข้ามหาลัยครับ แต่ A ไปเรียนเมืองนอกครับ ก่อนที่จะไปผมก็ ไปสารภาพบอกชอบเขาครับ แต่...
นั่นล่ะครับ เขาคิดกับผมแค่เพื่อนนะครับ เศร้าไปเลย ร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจซ้ำซ้อนไปเดือนกว่าสองเดือน ก็เริ่มทำใจลืมได้ครับ ณ ตอนนั้นคิดว่า ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้วว้อย เสียใจเป็นเพื่อนไม่ได้ก็อย่าได้มาเจอกันอีกเลยเว้ยเฮ้ยยย ก็จัดการลบเบอร์โทรไปเลยครับ ฮ่าๆ สะใจ
ประมาณปีกว่าๆสองปีหลังจากนั้น A ก็กลับมาครับโทรนัดเพื่อนๆมัธยมรวมรุ่นกันมาเจอกัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ ก็ไปเจอกันแต่ว่า ไม่ได้คุยไรกันมาก ทักทายกัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มีของฝากมาให้ผมเป็นหมวกใบนึงครับ (ตอนนี้ซีดมากสีอ่อนจางสุดๆ) เขาส่งเมลลืมาคุยกับผม
ผมก็ส่งตอบกลับไปบ้างครับ และนั่นล่ะครับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่า เอ๊ะทำไมมันถึงติดต่อกลับมาหรือว่า A มันอาจจะคิดอะไรอยู่บางอย่าง อาจจะแค่คิดกับเราเป็นเพื่อนหรือว่าอะไร ตอนนั้นเราก็ปลงล่ะครับว่า ก็เป็นเพื่อนก็ได้วะ
ช่วงปีสามปีสี่ ที่เรียนมหาลัยก็นัดเจอกับมันอีกครั้งหนึ่งครับ พร้อมกลุ่มเพื่อนๆเหมือนเดิม แต่ผมกับมันเราไปนัดเจอกันก่อนเวลาครับ ก็พูดคุยกันถึงว่าชีวิตเรียนมหาลัยของเราอ่ะครับ (ตอนนั้น A ยังเรียนเมืองนอกอยุ่นะครับแค่แวะมาไทย)
จนกระทั่งเริ่มทำงานเข้าปีที่สอง (ปัจจุบันละครับ) ก็มีโทรศัพท์เข้ามาโดยบังเอิญ เป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้เมมชื่อไว้ ปรากฏว่าคือนาย A อีกแล้วครับทีนี้ เรานัดเจอกันสองต่อสอง ซึ่งเป็นช่วงใกล้วันเกิดผมพอดี เราไปเที่ยวกันครับ แล้วก็นั่งกินข้าวคุยกัน ผมโคตรมีความสุขเลย เดินคุยเดินเล่นกัน
รู้สึกเหมือนว่ามันคงยังไม่มีแฟนแหละ แล้วตอนจะแยกกัน ผมเดินไปส่งมันที่บ้าน แล้วเราก็ขึ้นไปนั่งคุยกันพักนึง เสร็จมันก็เดินมาส่งผมที่บีทีเอส พอเราแยกกัน ผมเดินขึ้นบันได ก็หันหลังกลับไปมอง (โดยไม่ตั้งใจ) นาย A ก็หันมามองพอดีเหมือนกันครับ โอย รู้สึกดีใจปนมีความสุข เดินขึ้นไป
ถึงชานชลาก็เลยส่งข้อความไปบอกว่า ขอบคุนมากเลยที่มาฉลองวันเกิดล่วงหน้าของเรา ประมาณนี้ แล้วเขาก็ตอบกลับมาทันทีทันใดครับ เพราะเขาก็ว่าจำวันเกิดเราไม่ได้ (นี่เราก็แอบเซ็ง มันไม่เคยจำได้เลย) วันรุ่งขึ้น เขาจะกลับไปเรียนต่อครับ แล้วเราก็บอกพิมพ์ข้อความหาเขาว่า เราชอบ
A นะและเราก็รอ A ได้คือ เหมือนกับเราก็ไม่ยอมแพ้นะครับ ฮ่าๆ ขอลองดูอีกรอบ ... และแน่นอนครับ เขาพิมพ์ตอบกลับมาว่า เฮ้ยเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอไรงี้ ผมก็นั่งร้องไห้ครับ อยู่ที่บริษัทเลย ผมก็เอาวะยังไงซะก็ต้องตัดใจจากมันให้ได้ เฮ้อออ เอาอีกละครับ ลบเบอร์ลบรูปลบทุกสิ่งอัน ยกเว้น
facebook (ไหนบอกลบหมด)
หลังจากช่วงเวลางี่เง่าเศร้าๆพวกนั้น 6-7 เดือน เขาก็โทรหาผมอีกครั้งครับ ซึ่งผมจำเบอร์เขาไม่ได้แล้ว แต่จำเสียงเขาได้ เขาก็บอกผมว่าถ้าผมว่างวันไหนก็บบอกเขาด้วยจะได้เอาของฝากมาให้แล้วก็ไปนั่งคุยกันกินข้าวไรงี้ (เฮ้ออออออ) เราก็นัดกันวันรุ่งขึ้นล่ะครับ ผมก็สู้ครับไปรอมันถึงหน้า
บ้านเลย เราก็ไปเดินห้างกัน ซื้อของด้วยกันพอดี A กำลังเคลียร์บ้านเพราะไม่ได้กลับมาอยู่นาน ผมก็ช่วยเลือกของใช้นิดๆหน่อยในห้างไป ตอนนั่งกินข้าวในร้านอาหารผมรู้สึกดีนะครับ เราก็นั่งหันหน้าหากัน กินไปคุยไป ผมก็เลือกร้านอาหารที่เขาชอบครับ อาหารที่เขาอยากทานก็บอกให้เขา
สั่งได้เลย และนี่เป็นครั้งแรกนนะครับ ที่เขาตักอาหารให้ผม ก็รู้สึกเขินๆ นะ แต่ความรู้สึกตอนนั้น มันไม่ได้ดีซะเท่าไหร่ หลังจากที่เราแยกกัน ก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็ตามประสามารยาทว่า ถ้าว่างเราก็มาเจอกัน ช่วงนี้ A เขาก็กำลังหางานอยู่ด้วย
จากวันนั้นผมรู้สึกสงสัยพฤติกรรมของ A ครับว่าทำไมเขาถึงสามารถพูดคุยกับผมได้อย่างปกติ ไม่รู้สึกเลยว่าผมเป็นเกย์ (เพราะเขาจะไม่พูดคำหยาบกับผมเลยครับตั้งแต่ รู้จักกันมา ผมเคยถามเค้าว่าทำไมไม่พูดล่ะ เขาก็บอกว่าไม่อยากพูดครับ ... ) ผมก็พยายามคิดไปในหลายๆทางว่า
เขาอาาจะยอมรับผมได้และแคร์ความรู้สึกของผม เขาก็เลยยังคงความเป็นเพื่อนต่อไป ไม่อยากจะคิดว่าเขาจะมาชอบผู้ชายหรอกนะครับ เพราะดูๆแล้วมันไม่น่าเป็นไปได้เลย
และนั่นล่ะครับ ที่ทำให้ผมลังเลและเผลอใจไปทุกครั้งที่เขาชวนไปกินข้าวชวนคุย ไปกันสองต่อสอง ผมรู้สึกตัดใจไม่ลงซะที ถึงแม้อยากจะคิดว่าให้เป็นเพื่อนกัน แต่ผมชอบเค้าจริงๆ ไม่ได้คิดไปเรื่องลามกนะครับ แต่ว่าก็เป็นความรุ้สึกที่ดีจริงๆ ผมเลยตัดสินใจว่า ถ้าตัวเองยังคงพะว้าพะวงเรื่อง
A อยู่ มันจะทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองคิดฟุ้งซ่านตลอดเวลา อยากจะหาทางออกของเรื่องนี้ให้มันจบดีกว่า
1. ค่อยๆแยกตัวออกมาห่างๆจาก A พูดคุยเมื่อเขาทักมาก็พอ เลิกใส่ใจในความเคลื่อนไหวของเขา ก่อนหน้านี้เราเคยอยู่ได้ยังไง ก็ให้เป็นแบบนั้น คิดซะว่าเขายังอยู่เมืองนอกแล้วกัน
2. ยังคงคุยกับเขา (ไม่อยากแล้วอ่ะ ฮ่าๆ)
มีความเห็นยังไงบ้างครับ
(Y) ความรู้สึกดีๆที่มีต่อเพื่อนผู้ชายที่รู้จักกันมานานครับ
ผมกับ A รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม และเขาเป็นคนที่ friendly กับคนง่ายและขี้เกรงใจ ใครขอให้ช่วยหรือทำอะไรเขาก็จะช่วยเหลือ แบบออกแนวปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น แต่ A ก็หน้าตาดีครับช่วงที่เรียนใกล้สอบผมก็เตรียมการสอนไปสอนเขาถึงที่บ้านนะครับ เวลาเรียนก็ช่วยๆกันครับ กับ
เพื่อนๆคนอื่นๆ บางทีเล่นกันก็มีจับมือถือแขนกันบ้าง แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆถึงเกิดความรู้สึกว่าเราชอบเขามากอ่ะครับ ฮ่าๆ บางทีก็จะแอบงอนเรื่องนิดๆหน่อยๆบ้าง ก็ง้อกันล่ะครับ พอจบมัธยมผมก็เข้ามหาลัยครับ แต่ A ไปเรียนเมืองนอกครับ ก่อนที่จะไปผมก็ ไปสารภาพบอกชอบเขาครับ แต่...
นั่นล่ะครับ เขาคิดกับผมแค่เพื่อนนะครับ เศร้าไปเลย ร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจซ้ำซ้อนไปเดือนกว่าสองเดือน ก็เริ่มทำใจลืมได้ครับ ณ ตอนนั้นคิดว่า ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้วว้อย เสียใจเป็นเพื่อนไม่ได้ก็อย่าได้มาเจอกันอีกเลยเว้ยเฮ้ยยย ก็จัดการลบเบอร์โทรไปเลยครับ ฮ่าๆ สะใจ
ประมาณปีกว่าๆสองปีหลังจากนั้น A ก็กลับมาครับโทรนัดเพื่อนๆมัธยมรวมรุ่นกันมาเจอกัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ ก็ไปเจอกันแต่ว่า ไม่ได้คุยไรกันมาก ทักทายกัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มีของฝากมาให้ผมเป็นหมวกใบนึงครับ (ตอนนี้ซีดมากสีอ่อนจางสุดๆ) เขาส่งเมลลืมาคุยกับผม
ผมก็ส่งตอบกลับไปบ้างครับ และนั่นล่ะครับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่า เอ๊ะทำไมมันถึงติดต่อกลับมาหรือว่า A มันอาจจะคิดอะไรอยู่บางอย่าง อาจจะแค่คิดกับเราเป็นเพื่อนหรือว่าอะไร ตอนนั้นเราก็ปลงล่ะครับว่า ก็เป็นเพื่อนก็ได้วะ
ช่วงปีสามปีสี่ ที่เรียนมหาลัยก็นัดเจอกับมันอีกครั้งหนึ่งครับ พร้อมกลุ่มเพื่อนๆเหมือนเดิม แต่ผมกับมันเราไปนัดเจอกันก่อนเวลาครับ ก็พูดคุยกันถึงว่าชีวิตเรียนมหาลัยของเราอ่ะครับ (ตอนนั้น A ยังเรียนเมืองนอกอยุ่นะครับแค่แวะมาไทย)
จนกระทั่งเริ่มทำงานเข้าปีที่สอง (ปัจจุบันละครับ) ก็มีโทรศัพท์เข้ามาโดยบังเอิญ เป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้เมมชื่อไว้ ปรากฏว่าคือนาย A อีกแล้วครับทีนี้ เรานัดเจอกันสองต่อสอง ซึ่งเป็นช่วงใกล้วันเกิดผมพอดี เราไปเที่ยวกันครับ แล้วก็นั่งกินข้าวคุยกัน ผมโคตรมีความสุขเลย เดินคุยเดินเล่นกัน
รู้สึกเหมือนว่ามันคงยังไม่มีแฟนแหละ แล้วตอนจะแยกกัน ผมเดินไปส่งมันที่บ้าน แล้วเราก็ขึ้นไปนั่งคุยกันพักนึง เสร็จมันก็เดินมาส่งผมที่บีทีเอส พอเราแยกกัน ผมเดินขึ้นบันได ก็หันหลังกลับไปมอง (โดยไม่ตั้งใจ) นาย A ก็หันมามองพอดีเหมือนกันครับ โอย รู้สึกดีใจปนมีความสุข เดินขึ้นไป
ถึงชานชลาก็เลยส่งข้อความไปบอกว่า ขอบคุนมากเลยที่มาฉลองวันเกิดล่วงหน้าของเรา ประมาณนี้ แล้วเขาก็ตอบกลับมาทันทีทันใดครับ เพราะเขาก็ว่าจำวันเกิดเราไม่ได้ (นี่เราก็แอบเซ็ง มันไม่เคยจำได้เลย) วันรุ่งขึ้น เขาจะกลับไปเรียนต่อครับ แล้วเราก็บอกพิมพ์ข้อความหาเขาว่า เราชอบ
A นะและเราก็รอ A ได้คือ เหมือนกับเราก็ไม่ยอมแพ้นะครับ ฮ่าๆ ขอลองดูอีกรอบ ... และแน่นอนครับ เขาพิมพ์ตอบกลับมาว่า เฮ้ยเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอไรงี้ ผมก็นั่งร้องไห้ครับ อยู่ที่บริษัทเลย ผมก็เอาวะยังไงซะก็ต้องตัดใจจากมันให้ได้ เฮ้อออ เอาอีกละครับ ลบเบอร์ลบรูปลบทุกสิ่งอัน ยกเว้น
facebook (ไหนบอกลบหมด)
หลังจากช่วงเวลางี่เง่าเศร้าๆพวกนั้น 6-7 เดือน เขาก็โทรหาผมอีกครั้งครับ ซึ่งผมจำเบอร์เขาไม่ได้แล้ว แต่จำเสียงเขาได้ เขาก็บอกผมว่าถ้าผมว่างวันไหนก็บบอกเขาด้วยจะได้เอาของฝากมาให้แล้วก็ไปนั่งคุยกันกินข้าวไรงี้ (เฮ้ออออออ) เราก็นัดกันวันรุ่งขึ้นล่ะครับ ผมก็สู้ครับไปรอมันถึงหน้า
บ้านเลย เราก็ไปเดินห้างกัน ซื้อของด้วยกันพอดี A กำลังเคลียร์บ้านเพราะไม่ได้กลับมาอยู่นาน ผมก็ช่วยเลือกของใช้นิดๆหน่อยในห้างไป ตอนนั่งกินข้าวในร้านอาหารผมรู้สึกดีนะครับ เราก็นั่งหันหน้าหากัน กินไปคุยไป ผมก็เลือกร้านอาหารที่เขาชอบครับ อาหารที่เขาอยากทานก็บอกให้เขา
สั่งได้เลย และนี่เป็นครั้งแรกนนะครับ ที่เขาตักอาหารให้ผม ก็รู้สึกเขินๆ นะ แต่ความรู้สึกตอนนั้น มันไม่ได้ดีซะเท่าไหร่ หลังจากที่เราแยกกัน ก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็ตามประสามารยาทว่า ถ้าว่างเราก็มาเจอกัน ช่วงนี้ A เขาก็กำลังหางานอยู่ด้วย
จากวันนั้นผมรู้สึกสงสัยพฤติกรรมของ A ครับว่าทำไมเขาถึงสามารถพูดคุยกับผมได้อย่างปกติ ไม่รู้สึกเลยว่าผมเป็นเกย์ (เพราะเขาจะไม่พูดคำหยาบกับผมเลยครับตั้งแต่ รู้จักกันมา ผมเคยถามเค้าว่าทำไมไม่พูดล่ะ เขาก็บอกว่าไม่อยากพูดครับ ... ) ผมก็พยายามคิดไปในหลายๆทางว่า
เขาอาาจะยอมรับผมได้และแคร์ความรู้สึกของผม เขาก็เลยยังคงความเป็นเพื่อนต่อไป ไม่อยากจะคิดว่าเขาจะมาชอบผู้ชายหรอกนะครับ เพราะดูๆแล้วมันไม่น่าเป็นไปได้เลย
และนั่นล่ะครับ ที่ทำให้ผมลังเลและเผลอใจไปทุกครั้งที่เขาชวนไปกินข้าวชวนคุย ไปกันสองต่อสอง ผมรู้สึกตัดใจไม่ลงซะที ถึงแม้อยากจะคิดว่าให้เป็นเพื่อนกัน แต่ผมชอบเค้าจริงๆ ไม่ได้คิดไปเรื่องลามกนะครับ แต่ว่าก็เป็นความรุ้สึกที่ดีจริงๆ ผมเลยตัดสินใจว่า ถ้าตัวเองยังคงพะว้าพะวงเรื่อง
A อยู่ มันจะทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองคิดฟุ้งซ่านตลอดเวลา อยากจะหาทางออกของเรื่องนี้ให้มันจบดีกว่า
1. ค่อยๆแยกตัวออกมาห่างๆจาก A พูดคุยเมื่อเขาทักมาก็พอ เลิกใส่ใจในความเคลื่อนไหวของเขา ก่อนหน้านี้เราเคยอยู่ได้ยังไง ก็ให้เป็นแบบนั้น คิดซะว่าเขายังอยู่เมืองนอกแล้วกัน
2. ยังคงคุยกับเขา (ไม่อยากแล้วอ่ะ ฮ่าๆ)
มีความเห็นยังไงบ้างครับ