เหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมห้องราชดำเนิน เสื้อแดงเยอะ

กระทู้คำถาม
เหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมห้องราชดำเนิน เสื้อแดงเยอะ

ลองสังเกตุดูห้องต่างๆในพันทิพย์ดูครับ  

ห้อง MBK คนสนใจมือถือ รู้เรื่องมือถือก็ไปรวมตัวกันเยอะ  พวกนี้รู้เรื่องมือถือเยอะ ละเอียด
ห้อง เฉลิมไทย คนสนใจความบันเทิง ดูหนัง ดูละคร ไปอยู่กันเยอะ พวกนี้รู้เรื่องหนังละคร ดาราเยอะ ถามไรเกี่ยวกับดาราตอบได้ละเอียด

จะเห็นได้ว่า ห้องไหน เกี่ยวกับอะไร คนสนใจ หรือมีความรู้ในเรื่องนั้น ก็ไปรวมตัวกันเยอะ

ดังนั้น ห้องราชดำเนิน ก็เป็นสังคมของพวกที่สนใจการเมืองมาก รู้เรื่องการเมืองมาก

การจะรู้เรื่องการเมืองให้เข้าใจได้ ก็ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ พอศึกษาประวัติศาสตร์ ก็จะวิเคราะห์การเมืองได้เอง  พอแยกตัวละครทางการเมืองได้ ว่าตัวหมากไหนอยู่ฝ่ายไหน ก็อ่านเกมส์ออกว่าแต่ละฝ่ายเดินหมากอย่างไรกัน

ทีนี้ พอศึกษาเรื่องพวกนี้ มากๆเขัา  ก็จะเริ่มเห็นว่า  ไม่มีใครเป็นกลางหรอก และไม่มีใครเลวสุดๆ หรือดีสุดๆ จริงๆหรอก  แต่เราจะเลือกพวกที่เลวน้อยสักหน่อย แล้วทำงานพัฒนาประเทศเราให้ได้มากสักหน่อย

และที่สำคัญที่สุดคือ  ฝ่ายนั้น ต้องทำประโยชน์ให้เรา  และเป็นฝ่ายที่ทำให้เราได้มีสิทธืมีเสียงทางการเมืองในประเทศนี้

ซึ่งแนวคิดแบบนี้  สุดท้าย ก็จะไปจบที่เลือกฝ่ายที่อิงประชาธิปไตย และได้อำนาจรัฐ จากกระบวนการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่มาจากวิธีการอันประหลาดพิกล นอกเหนือจากวิถีทางแห่งประชาธิปไตย  เช่น เอาทหารออกมาทำรัฐประหาร  ออกกฎประหลาดๆ ให้สส ย้ายข้างได้ (ทั้งๆที่ สส party list น่ะ เขาเลือกตามพรรค)  

ซึ่งการเมืองไทยตอนนี้ ฝ่ายที่ได้อำนาจรัฐจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นเสียงข้างมากจริงๆ ก็เป็น พรรคเพื่อไทย ที่พวกเสื้อแดงหนุนอยู่นี่ไงครับ

ก็อย่าสงสัยว่า ทำไมห้องนี้ แดงเยอะ

คำตอบง่ายๆ ก็คือ พวกเขารู้เรื่องการเมืองเยอะไงครับ เขาถึงเลือกยืนอยู่ข้างแดง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 37
จริงครับ....ผมเห็นด้วย

ผมเองก็เป็นแดง
ที่ไม่ได้สนใจเลยว่าพรรคเพื่อไทยจะมีใครเป็นหัวหน้าพรรค
ตราบใดที่นโยบายของเพื่อไทยมันถูกจริตผม และ นโยบายของคู่แข่งไม่ได้ดูดีกว่า

และที่สำคัญ.....ตราบเท่าที่เพื่อไทยไม่อิงแอบเผด็จการ ผมก็พร้อมจะเลือกพรรคนี้ทุกครั้ง

ผมไม่สนว่า ธิดา ,ขวัญชัย, เหวง,จตุพร, ณัฐวุฒิ จะทะเลาะกันแค่ไหน
ต่อให้มันทะเลาะกันจนแตกหัก ผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะมันก็แค่กะพี้

แต่ "แก่น" ของความเป็นแดงต่างหาก ที่สำคัญ
"แก่น" ของผมคือการเมืองตามปกติในระบอบประชาธิปไตย
ที่มีการเลือกตั้ง มีรัฐบาล มีฝ่ายค้าน มีการตรวจสอบ มีการคานอำนาจทั้งจากฝ่ายนิติบัญญัติ และ ตุลาการ

ไม่ใช่การเมืองแบบปลุกม๊อบ
ไม่ใช่การเมืองแบบเอารถถังออกมายึดอำนาจ
ไม่ใช่การเมืองแบบประกาศบอยคอตต์การเลือกตั้ง
ไม่ใช่การเมืองแบบที่ไม่พอใจนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วใช้วิธีจะไปขอพระราชทานนายกฯมาตรา 7

ผมไม่ได้ยึดติดที่ตัว "แม้ว"
เพราะตอนที่เลือกแม้วในปี 44
ผมก็เลือกเพราะ "นโยบาย" ที่แม้วมันคิดออกมา
เนื่องจากก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปตั้งแต่ยุคหลัง รสช.พรรคการเมืองทุกพรรคมันมีแต่ "สำนวนโวหาร"

โดยที่ไม่ได้มีการทำการบ้านเพื่อเสนอ "นโยบาย" กันแบบเป็นเรื่องเป็นราว

พอแม้วมันมาในรูปแบบสากล
ที่มีการทำโพลเพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชน
มีการทำ SWOT ทางการเมืองในแบบที่อารยะประเทศเขาทำกัน
และนำมาสรุปเพื่อหาผลลัพธ์ว่าคนส่วนใหญ่ต้องการอะไรจากนักการเมือง
ก่อนที่จะเขียนออกมาเป็นนโยบาย เพื่อนำมาใช้เป็นจุดขาย ในแบบที่พรรคการเมืองยุคเก่าๆไม่ทำกันนั้น

ซึ่งมันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพรรคการเมืองไทย
เพราะพรรคที่ทำงานแบบข้าราชการประจำ พรรคที่ตกยุคตกสมัย พรรคที่เป็นไดโนเสาร์ ก็จะไม่มีที่ยืน

พรรคการเมืองต่างๆต้อง "ปรับตัว" กันขนานใหญ่
เพราะมันหมดยุคที่จะใช้สำนวนโวหารหากิน หมดยุคที่เปิดเวทีปราศัยแบบ "เอาฮา"
แต่มันคือการเข้าสู่ยุคที่พรรคการเมืองต้องสู้กันด้วยนโยบาย และ ต้องทำงานแบบเอกชนที่เป็นมืออาขีพมากขึ้น

เมื่อผมเลือกแม้ว
ผมก็ย่อมอยากให้แม้วมันทำงานตามนโยบายที่ "ขาย" เอาไว้

และเมื่อเกิดการยึดอำนาจ
แน่นอนว่าผมย่อมต้องตัดสินใจเป็นแดงแน่ๆ
เพราะผมต่อต้านการยึดอำนาจ ต่อต้านการมาลิดรอนสิทธิ๋ในการเลือกตั้งของผมที่กาบัตรเลือกแม้วมาทำงาน

หากแม้วมันโกง ก็ใช้กลไกรัฐจัดการมันซะ
ไม่ใช่มายึดอำนาจ โดยบอกว่าแม้วโกง แท้วทุจริต

แต่ผ่านมาจนทุกวันนี้นอกจากคดีที่ดินรัชดาแล้ว (ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการโกงเลย)
ผมยังไม่เห็นคดีไหนอีกเลย ที่ว่าด้วยแม้วโกงและถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ก่อนที่ผมจะออกไปใช้สิทธิ์ในคูหา
ผมไตร่ตรองแล้วเป็นอย่างดีครับ
กับนโยบายระหว่างแม้ว และ มาร์ค

ผมเคยให้โอกาสพรรคมาร์ค
ที่ตอนนั้นนำทัพโดย ชวน หลีกภัย
ทดลองทำงานรับใช้ผมมาแล้วถึง 2 ครั้ง

แต่พรรคของมาร์คทำให้ผมผิดหวังทั้ง 2 ครั้ง

ที่หนักหนาที่สุดก็คงเป็นเรื่อง สปก.4-01
ที่เอาที่ดินที่ควรให้คนจน ไปให้กับคนรวย
แถมยังมีนโยบายเศรษฐที่พิสูจน์แล้วว่าผิดพลาด
จนตอนนั้นเล่นเอามองหน้ากันแทบไม่ติดภายในพรรค

จำได้มั๊ยครับว่า "ธารินทร์" กับ "ศุภชัย" งัดกันแค่ไหน จนศุภชัยต้องล่าถอยจากพรรคไป

พอพรรคของมาร์คทำงานไม่เข้าตาผม
เมื่อผมมีทางเลือกใหม่ ที่มีนโยบายที่ (ผมว่า) เป็นรูปธรรมกว่า

ผมก็ตัดสินใจใช้สิทธิ์แห่งคะแนนเสียงของผมเลือกแม้ว
เพราะผมหวังจะให้แม้วมาทำงานรับใช้ผม...
และแน่นอนว่าต้องทำให้ดีสมราคาคุยด้วย

แม้วรับใช้ผมมาแล้ว 1 สมัย
ซึ่งผมก็รู้สึกพอใจในการทำงานของแม้ว
จวบจนสมัยที่ 2 ที่เกิดเรื่องวุ่นวาย
ที่ทำให้แม้วต้องเว้นวรรคทางการเมือง

และตามมาด้วยการปฏิวัติ 19 กย.49

ดังนั้นการที่ผมชอบพรรคแม้ว และ เป็นเสื้อแดง
ไม่ใช่เพราะตัวตนของแม้วครับ หากแต่เป็นเพราะการทำงานและนโยบาย
ที่ผม......ในฐานะหนึ่งในคนที่เลือกแม้ว ก็ย่อมต้องอยากใช้สิทธิ์ในการเลือกแม้วให้สุดทางครบ 4 ปี

เมื่อเกิดการยึดอำนาจ ผมก็ย่อมต้องเป็นเสื้อแดงไปโดยปริยาย เพราะไอ้คนที่ผมเลือกถูกกระทำโดยอำนาจนอกระบบ

มันไม่ใช่จู่ๆผมอยากจะมาเป็นเสื้อแดง
หรือเห็นแม้วเป็นพ่อแบบที่เสื้อเหลืองกระแนะกระแหน
เพราะผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับตัวตนของแม้วในสิ่งที่แม้วเป็น

เนื่องจากแม้วมันก็แค่มนุษย์ธรรมดาที่มีทั้งดีและแย่ในตัวตน

แต่ผมชอบในสิ่งที่แม้วมันทำไว้ตลอดเวลาแห่งการรับใช้ผม

ผมออกไปใช้สิทธิ์ในการไปเลือกพรรคของแม้ว
ซึ่งทำให้แม้วมันได้ "เสียงข้างมาก"กว่า 14 ล้านเสียง
ผมจึงอยากให้แม้วทำงานให้ผมจนหมดสมัย หมดอายุรัฐบาล

หากถึงตอนนั้นแล้ว แม้วทำงานแย่ลง ไม่เป็นเหมือนราคาคุย
รับรองว่าผมเปลี่ยนทางเลือกไปเลือกมาร์คแน่ๆ

เพราะในบ้านเรามันมีแค่ 2 พรรคที่ดูดี มีราคาที่สุด

แต่ไม่ใช่เล่นวิธีใต้ดิน
ทั้งปฏิวัติ ทั้งตั้งองค์กรอิสระมาเช็คบิล
ทั้งตั้งรัฐบาลแบบพิลึกกึกกือ กอดกันกลมที่ รร.สยามซิตี้

ผมใช้สิทธิ์ในคะแนนเสียง 1 เสียงของผม
ร่วมกับคนส่วนใหญ่อีก 14 ล้านคนที่เลือกแม้ว
ด้วยการยืนเคียงข้างคนที่เราเลือกเพื่อมาทำงานรับใช้เรา

แต่ผมถูกคนบางส่วนใช้ "กฏหมู่"
ปลุกม๊อบออกมายึดโน่น ยึดนี่ และมาปล้นเอาคะแนนเสียงผมไป

แบบนี้จะมีเลือกตั้งกันไปทำไมละครับ ??

หากอยากจะเอาชนะคนที่ฝักไฝ่เพื่อไทยก็ไม่ยากนี่ครับ
คนที่ "เกลียดแม้ว" ก็แค่ไปทำอย่างไรก็ได้ ที่จะหาคนไปลงคะแนนเลือกตั้ง

จนพรรคของมาร์คได้เสียงข้างมากเป็นรัฐบาล...เท่านั้นเอง..

ผมชอบเพื่อไทย
เพราะชอบในการทำงานของปู ที่สานต่อนโยบายของแม้ว

ว่าแต่พรรคมาร์คเถอะ
มีนโยบายอะไรมาอวดมั่งละ ???????

ไม่ว่าคุณจะเป็นเหลือง เป็นแดง
เป็นฟ้า เป็นสลิ่ม เป็นไพร่ หรือ เป็นอำมาตย์
เราต่างมี 1 เสียงเท่าๆกันตามสิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญมอบให้

เราทุกคนมีอำนาจในมือครับ
หากเห็นว่านักการเมืองคนไหนมันห่วย
เราลงโทษเขาได้ในทุกๆ 4 ปี โดยที่ไม่ต้องปลุกม๊อบ หรือ เอารถถังมายึดอำนาจครับ !!!!!!!!!!!!!

ความคิดเห็นที่ 2


พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล

มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ

ทุกๆๆภาคของประเทประชาชนเค้าที่มีการศึกษาแล้วนะ  ตามจขกท มีความรู้ internet ด้วยล่ะ  

รวมถึงกทมด้วยนะ จำนวนไม่น้อยที่เลือกพรรคเพื่อไทย ถึงแม้แต่ว่าไม่ใช่ส่วนใหญ่ เพราะ เลือกตั้งผู้ว่ากทม ล่าสุด ก็คะแนนเสียงห่างกันนิดเดียว

คนที่เลือกประชาธิปัตย์ จะทำแบบแอบๆๆ คงละอายต่อใจ ที่ไม่กล้าจะมา port ในที่สาธรณะ เข้าใจว่าเป็นคนพุทธ

หลับหูหลับตากาเลือกปชป เพราะ กระแส อารมณ์ชั่ววูป การมาออกความเห็นก็จะอายแก่ใจที่เขียนข้อมูลไม่เป็นความจริง

ดังนั้นคนที่ออกความเห็นที่เป็นจริง ที่ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตยจะมีมากกว่า..........และกล้าที่จะคุยกับเพื่อนชาวต่างประเทศได้ ...นายกก็ไปต่างประเทศได้ไม่ต้องดราม่า
ความคิดเห็นที่ 13
เมื่อผมเข้ามาในห้องนี้แรก ๆ ก็ไม่มีการแบ่งฝ่ายแดงฝ่ายเหลืองหรอกมีการวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองตามเหตุการณ์แต่ละเรื่องตามช่วงเวลาและจะดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีการชุมนุมของสนธิลิ้ม และหนักขึ้นเมื่อรัฐประหารของสนธิบัง และเพิ่มความดุเดือดขึ้นเมื่อชุมนุม นปก. ตอนนี้ผู้เข้ามาในบอร์ดนี้เริ่มแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจนขึ้นแต่บอกได้เลยว่าแนวคิดอนุรักษ์นิยมมากจริง ๆ แต่การแสดงเหตุผลในที่นี้ออกจะอ่อนด้อยกว่าฝ่ายความคิดก้าวหน้า จนในที่สุดแบ่งเป็นฝ่ายแดงฝ่ายเหลืองชัดเจนขึ้นจนกระทั่งบัดนี้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ยังไม่สามารถโต้แย้งฝ่ายนิยมแดงได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลและเป็นความจริงได้

จากคนรูปร่างแข็งแรงใหญ่โตสมบูรณ์กลายเป็นคนอ่อนเปลี้ยเสียแขนเสียขาหูก็หนวกแถมตาก็บอด แต่อีกฝ่ายหนึ่งเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ สามารถตอบโต้ได้ทุกเรื่องทั้งนี้เพราะความก้าวหน้าทางการสื่อสารยุคใหม่ได้ช่วยให้เรื่องในอดีตเอาขึ้นมาใหม่ได้เพียงแค่นิ้วกดแป้นพิมพ์ การบิดเบือนไม่สามารถทำได้เหมือนในอดีต ฉะนั้นที่ยืนของฝ่ายอนุรักษ์นิยมจึงพ่ายแพ้ขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีข้ออ้างอันใดมาโต้แย้งได้หลายคนมีอาการ "เงิบ" อับอายลงรูไปก็มีจนจำไม่ได้ว่าล๊อกอินอะไรบ้าง ฝ่ายเสื้อแดงจึงได้เกิดขึ้นอย่างมากมายและมิใช่ว่าจะมากแต่ในเน็ตในป่าในเขากลางทุ่งนาตลอดจนในเมืองคนเสื้อแดงเต็มไปหมดแม้แต่ในการชุมนุมของสลิ่มเองก็ตาม
ความคิดเห็นที่ 44
ถ้าจะกล่าวอย่างรวมๆ ก็น่าจะเป็นเพราะ
ที่มาที่ไป....ก่อนที่จะมี "เสื้อแดง"...ก็มาจาก
เกิดมี กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่ใส่เสื้อเหลือง
แล้วแอบอ้างว่าเป็น "เสียงของประชาชน"

(โดยเหมาเอาว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่) กดดัน
รวมหัว ...ฯลฯ จนเกิดความ "ชอบทำ" (แต่ไม่ชอบธรรม)ให้มี
การ "รัฐประหาร"...เกิดขึ้นมาอีก....ทั้งๆที่
"ประชาชนส่วนใหญ่" ที่แท้จริง...ได้เลือก

พรรคการเมือง...ที่ตนเองชื่นชอบขึ้นมาอีกจนได้
เรื่องมันน่าจะไปได้ด้วยดี...ถ้ามีความ "ยุติธรรม"
และ "ความสงบสุข" ฯลฯ ของบ้านเมืองกลับคืน
มาสู่ "มหาประชาชน"..ทั้งประเทศ...

แต่การณ์กลับไม่เป็นดังนั้น...เพราะเริ่มมี
"ระบบสองมาตรฐาน"..ให้เห็นอยู่จนทุกวันนี้
เสื้อแดงจึงเกิดขึ้นมา....ซึ่งจริงๆแล้ว...ก็อาจจะ
บอกได้ว่า...."เสื้อแดง"...ก็เหมือนเป็น "ตัวแทน"

ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ...แม้ว่าบางคน
จะไม่อยากประกาศตนว่า "เป็นเสื้อแดง"..ก็ตาม
แต่ "อุดมการณ์" ก็ไม่ได้ต่างจากคนเสื้อแดงนัก
ก็คือ..."ความเป็นประชาธิปไตย"....

หลายคนที่เข้ามาใน "ราชดำเนิน" หลายๆคน
ก็ไม่ได้ประกาศตนว่าเป็น "เสื้อแดง"อย่างชัดเจน
แล้วก็ได้ "นำเสนอทัศนะ"...ที่"อิง" อยู่ข้าง "ประชาชน"
ที่รัก และหวงแหน "ประชาธิปไตย" อย่างแท้จริง

และเหนียวแน่น..มานานมากแล้ว...ตั้งแต่ก่อนจะมี
"เสื้อแดง"...เสียอีก..จนทุกวันนี้ คนกลุ่มนี้ ก็ยังไม่ได้
เปลี่ยน "จุดยืนของตนเอง"..แต่อย่างใด...

ดังนั้น...ต่อมา..เมื่อมีคนเข้ามาอ่าน...เข้ามา "ศึกษา"
"โต้เถียง"...ฯลฯ ก็อาจจะได้พบกับ "สัจธรรม"...จึง
เหมือนจะมี "แนวร่วม"..มากขึ้น...จน จขกท. เห็น
เช่นนั้น....ดังนั้น..ถ้าเราจะตัดคำว่า "เสื้อแดง"

ออกไป....ให้เหมือนเมื่อก่อนที่จะมีการ "แยกสีเสื้อ"
เราก็อาจจะบอกได้ว่า "แท้จริงแล้ว"...เสื้อแดง
ก็คือ..."คนส่วนใหญ่"..นั่นเอง..นี่ยังไม่รวม
คนที่ "เปลี่ยนแนวความเชื่อ แนวความคิด"

จนกลายเป็น "เสื้อแดง" ไปหมดแล้ว..นั่นเอง
แต่นี่...ก็เป็นเพียง "ความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น"
ผิดถูก....ก็ขออภัย....เพราะผมก็ไม่ได้ล่วงรู้อะไรไปทั้งหมด
และตอบแทน...ใจของทุกท่านได้ ณ ที่นี้ขอรับท่าน

ดังนั้น...นี่ก็เป็น case หนึ่ง...ที่เป็นแค่ผู้อ่าน ซะส่วนใหญ่
ที่ได้ใช้วิจารณญาณ...ในการ "วิเคราะห์" จากการที่ได้อ่าน
การ "โพส" ข้อความของแต่ละท่าน...จนกระทั่ง "ค้นพบ"
ว่า..."อะไร เป็นอะไร"...

สำหรับหลายๆท่านที่ยัง "ด่า ประจาน ใส่ร้าย โกหก บิดเบือน
ฯลฯ" ด้วยถ้อยคำหยาบคาย แถ..ฯลฯ ต่างๆนาๆ...โปรดรับรู้
ด้วยว่า....ท่านกำลัง "หลงทาง"....ไปมากแล้ว...ไม่ว่าจะเป็น
"ภาษาที่ใช้ และวิธีการนำเสนอ"......55555555
ความคิดเห็นที่ 23
กลุ่มเสื้อแดง ก่อตัวขึ้นจาก เหตุผล
กลุ่มสลิ่ม เหลือง ก่อตัวขึ้นจาก อารมณ์    

ว่ากันแบบคร่าวๆ โดยส่วนใหญ่
ความเป็นเหตุผล ทำให้การติดตาม งานการเมือง ซึ่งเป็นงานระยะยาว มีความต่อเนื่อง จึงทำให้เหมือนห้องราชดำเนินเสื้อแดงเยอะ
กลุ่มเหลือง สลิ่ม ซึ่งก็ เมื่ออารมณ์คลาย ก็จะไม่ค่อยติดตาม แต่เมื่ออารมณ์ขึ้นในบางช่วง ก็จะเข้ามากันเยอะ

ส่วนห้องเฉลิมไทย สลิ่มเยอะ อธิบายตามว่า ก็เพราะดราม่าเยอะ
สิ่งที่คล้ายกันย่อมดึงดูดกัน คอเหล้าก็วิ่งหาร้านเหล้า คนมีศีลก็มุ่งเข้าวัด ฉันใดฉันนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่