จากผลการทวิตเตอร์ของ @Malika กับ @ Taksinlive มีการอ้างอิงคำว่า"ระบอบทักษิณ" ซึ่งอดีตนายกทักษิณ โต้ว่ามันไม่มีจริงหรอก ...แต่คุณมัลลิกาบอกว่า ท่านไม่ทราบเหรอคะ ว่าแค่เปิด วีกีพีเดีย ก็เจอคำนี้แล้ว .... ก็เลยไปตามข้อมูลลองเปิด...มา ได้ข้อความดังนี้ ...
"ระบอบทักษิณ" (อังกฤษ: Thaksinocracy) เป็นคำนิยามที่นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์และนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์บางคนตั้งขึ้น เพื่อนิยามการปกครองของประเทศไทยในสมัยที่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าเป็นระบอบที่ไม่สนใจถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย ทำให้ประเทศแปรสภาพไปอยู่ในรูปแบบของเผด็จการรัฐสภา บ้างก็เรียกแบบการปกครองนี้ว่า "ทักษิณาธิปไตย" "ทรราชเสียงข้างมาก" และ "ระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์จากการเลือกตั้ง" ซึ่งทั้งหมดมาจากคำจำกัดความของระบอบทักษิณ[1] ซึ่งได้เป็นการเพิ่มความชอบธรรมให้กับการขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2548-2549 อย่างไรก็ตาม คำนิยามนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนที่ต้องการขับไล่ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น[ต้องการอ้างอิง]
อ้างอิง
[1] รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, พระผู้ทรงปกเกล้าฯ ประชาธิปไตย : ๖๐ ปีสิริราชสมบัติกับการเมืองการปกครองไทย, กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2549, หน้า 202
คำนิยาม"ระบอบทักษิณ" (อังกฤษ: Thaksinocracy)
"ระบอบทักษิณ" (อังกฤษ: Thaksinocracy) เป็นคำนิยามที่นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์และนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์บางคนตั้งขึ้น เพื่อนิยามการปกครองของประเทศไทยในสมัยที่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าเป็นระบอบที่ไม่สนใจถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย ทำให้ประเทศแปรสภาพไปอยู่ในรูปแบบของเผด็จการรัฐสภา บ้างก็เรียกแบบการปกครองนี้ว่า "ทักษิณาธิปไตย" "ทรราชเสียงข้างมาก" และ "ระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์จากการเลือกตั้ง" ซึ่งทั้งหมดมาจากคำจำกัดความของระบอบทักษิณ[1] ซึ่งได้เป็นการเพิ่มความชอบธรรมให้กับการขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2548-2549 อย่างไรก็ตาม คำนิยามนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนที่ต้องการขับไล่ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น[ต้องการอ้างอิง]
อ้างอิง
[1] รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, พระผู้ทรงปกเกล้าฯ ประชาธิปไตย : ๖๐ ปีสิริราชสมบัติกับการเมืองการปกครองไทย, กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2549, หน้า 202