Happy Friday (สุขสันต์วันศุกร์)
EP1: Welcome Party (1)
ดวงไฟนับหมื่นนับแสนดวงเปล่งประกายระเรียงเคียงข้างถนน ตลอดเป็นอาณาบริเวณกว้างขวาง เปรียบประหนึ่งว่าดาวบนฟากฟ้าได้คล้อยต่ำลงมาสู่ผืนดิน หากเพียงแต่ว่าแสงที่เห็นนี้ มิใช่แสงดาวอันสุขสงบ แต่เป็นแสงของหลอดไฟหลากหลายชนิดของโรงกลั่น ที่แข่งกันเปล่งสีต่างๆ ทั้ง ขาว เหลือง ส้ม บ้างก็มีสีแดงประปราย แสงเหล่านี้ที่ช่วยนำทางให้คนทำงานในโรงกลั่นสามารถทำงานได้ตลอดคืน แสงไฟที่ทำให้โรงงานสามารถเดินเครื่องได้ต่อเนื่อง 7,920ชั่วโมง หรือ 330วันในหนึ่งปีโดยมิต้องหยุดพัก มันเป็นแสงที่หลายๆคนมองข้ามความสวยงาม และเป็นแสงที่เหล่านักอนุรักษณ์ต่อต้านเพราะหมายถึงการมาของโรงงานขนาดใหญ่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ก็แสงนี่แหละที่สะท้อนเทคโนโลยี เสริมสร้างศักยภาพให้เมืองไทย สร้างเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ หล่อเลี้ยงคนระยอง และคนทั้งประเทศ
จังหวัดระยอง คือจังหวัดที่มีเศรษฐกิจเติบโตที่สุดในประเทศ เพราะเป็นแหล่งที่มีนิคมอุสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่หลายแห่ง จึงเป็นแหล่งรวมแรงงานตั้งแต่ลูกจ้างรายวันวันละสามร้อยบาท จนถึงระดับผู้บริหารเงินเดือนหลักแสนหลักล้าน ไม่น่าแปลกใจอะไร ที่คนทำงานต่างหลั่งไหลเข้ามาทำงานที่ระยอง รวมไปถึงเมธาวี วิศวกรสาวจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ
เมธาวีสาวสวยร่างเล็กผู้มีอุดมการณ์มุ่งมั่นที่จะเป็นวิศวกรผู้ชำนาญการและมีความรู้กว้างขวงเพื่อพัฒนาประเทศ ดังนั้นหลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาโท และมีผู้ชักชวนมาทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เธอจึงไม่ลังเลใจที่จะละทิ้งกรุงเทพไว้เบื้องหลัง แล้วมุ่งมั่นมาตามหาความฝัน ณ ที่แห่งนี้
หัวค่ำของคืนวันศุกร์ แม้ว่าเมธาวีจะยังมีงานค้างอยู่มาก แต่เธอก็มิได้มีกระจิตกระใจจะทำงานมากมายนัก อย่างที่รู้กันว่าวันศุกร์แห่งชาติเช่นนี้ต่างคนต่างก็ต้องมีกิจกรรมพิเศษๆที่ต้องทำเป็นธรรมดา
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดัง ‘ตะดึ่ง’
เมธาวีละสายตาจากแผนภาพแสดงอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต (Process and Instruments diagram: P&ID) บนจอ LED ขนาด 20 นิ้ว ที่ต่อเชื่อมกับโน๊ตบุ๊ค เพื่อมองดูข้อความที่เข้ามา จากแอพพลิเคชั่นไลน์
‘พร้อมยังแว้...’ เมื่อเพื่อนที่นัดไว้ส่งข้อความมาเตือน
‘ยังวะ ขอตรวจแบบนิดนึง’
‘แกจะกินพรุ่งนี้หร๋า...รีบออกมาเลย’
‘เอ่อๆ รู้แหละ ไม่เกินชั่วโมง...’ เมธาวีรีบพิมพ์ ก่อนหันกลับมาตรวจงานต่อ
แม้จะเหลือแบบและเอกสารที่ต้องตรวจอีกมาก แต่ในเมื่อใจไม่อยู่กับงานแล้ว เมธาวีจึงรีบตรวจแบบแผ่นสุดท้ายให้เสร็จแล้วปิดคอม เก็บโต๊ะ ก่อนปิดแอร์ ปิดไฟ และเดินออกจากออฟฟิต
เมธาวีเดินมาขึ้นรถ พร้อมดูแสงไฟระยิบระยับที่ติดอยู่ตามโรงงาน และหอกลั่น รอบๆบริษัท
‘มาบตพุดในเวลานี้ช่างเงียบเสียจริง อากาศเย็นๆ ในเวลาเลิกงานเยี่ยงนี้ มันน่าสูดหายใจให้เต็มปอดยิ่งนัก’
‘ฮืมมมม....’
‘โห...ซัลเฟอร์! เผาอีกแหละ กลับบ้านดีกว่า’
เมธาวีเคยนึกเล่นๆ ในใจ ในยามที่เธอรู้สึกเครียดจากงาน แม้ว่าเธอสูบบุหรี่ไม่เป็น แต่หากเธอเดินออกมาสูดอากาศภายนอก ก็น่าจะคลายเครียดได้เหมือนกัน เพราะแฟลร์ที่อยู่แถวออฟฟิตซึ่งใช้เผาของเสียจากหอกลั่น น่าจะให้ผลเช่นเดียวกันกับการสูบบุหรี่
เป็นปกติที่ตกเย็นในเมืองระยองจะดูคึกคัก คร่าคร่ำไปด้วยคนทำงาน ที่มาหาของกิน จับจ่ายใช้สอย ยกเว้นแต่เย็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งคนจะน้อยลงบ้างเพราะคนทำงานส่วนใหญ่เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อกลับไปหาครอบครัว ยังคงมีแต่คนระยองโดยแท้ หรือคนที่ย้ายครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานที่ระยอง รวมถึงคนโสดวัยทำงานที่ไม่มีที่ให้กลับไปไหน จึงต้องหาที่สังสรรค์เพื่อปลดปล่อยความตรึงเครียดที่เผชิญทั้งอาทิตย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันตามผับ บาร์ ย่านถนนสายล่าง ซึ่งไม่ใช่ที่ที่เมธาวีจะไปอย่างแน่นอน
รถมาสด้า2 สีแดง คันงาม วิ่งเข้าซอยเล็กๆ เพื่อไปบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นัดหมายประจำทุกวันสุดสัปดาห์
บ้านสองชั้น หลังไม่ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่ว่างกว้างขวาง อันแสดงถึงฐานะที่มีอันจะกินมากกว่าเพื่อนในรุ่นราวคราวเดียวกัน แสงไฟในบ้านยังปิดอยู่นั้นแสดงว่าเจ้าของบ้านยังไม่กลับมา
“โด่ง นายยังไม่เข้าบ้านเหรอ...เรารออยู่หน้าบ้านแล้วเนี่ย” เสียงทุ่มๆ ของสาววัยทำงาน แสดงความคุ้นเคยกับปลายสาย
“เอ่อๆ ใกล้แล้ว อยู่หน้าปากซอยเนี่ย ซื้อเบียร์ให้อยู่ เอากี่ขวด จะเอาไรเพิ่มป่าววะ” เจ้าบ้านผู้อยู่ปลายสาย แสดงความคุ้นเคยไม่แพ้กัน
“6ขวด แค่นั้นแหละ รีบมาเลย”
“เฮ้ย...6ขวดเลยเหรอ เราบอกเรากินไม่เยอะ”
“เอ่อ เอามาก่อน ชั้นขี้เกียจออกไปซื้ออีก”
“เอ่อๆ โทรเรียกไอ้วุฒิด้วยนะ”
“โอเคๆ”
ผ่านไป 20 นาที รถวีออสสีบรอนซ์เงินของเจ้าของบ้านก็มาจอด พร้อมกับเปิดบ้านเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนตามที่นัดหมายกันไว้
“โหย...ไอ้วุฒิยังไม่มา แล้วไลน์มาเร่งชั้นยิกๆ”
“เมโทรบอกมันยัง”
“บอกตั้งแต่วางสายนาย...”
พูดไม่ทันจบประโยค รถซีวิคคันงามก็จอดหน้าบ้าน พร้อมหนุ่มคนขับมาดเซอร์ร่างสูงโปร่ง หน้าเรียวยาว ไว้หนวดให้ขัดกับผิวที่ขาวใส เพราะเจ้าตัวเกรงว่าหน้าจะดูอ่อนจนไม่น่าเกรงขาม มาพร้อมกับชุดฟอร์มสียีนส์ เสริมให้วุฒิดูเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา และมีเสน่ห์ไม่น้อย
“อะ เบียร์ 6ขวด” วุฒิเดินลงจากรถ พร้อมยกถุงเบียร์ที่ซื้อมาให้ดู
“เฮ้ย! เราสั่งเบียร์6ขวด ไม่ใช่ให้พวกนายซื้อคนละ 6 ขวด...ตายหละ จะกินไงหมดเนี่ย”
“เอ่อ...รอบที่แล้วนายสองคนก็กินหมดลัง ขวดเต็มบ้านเราเลย โน่น!” โด่งช่วยเพื่อนเตือนความจำ พร้อมชี้ไปลังเบียร์ ซากจากสัปดาห์ที่แล้ว
“เอ่อๆ ไม่เป็นไร ซื้อมาแล้ว...เหลือ ก็เก็บไว้วันหลัง” เมธาวีตัดบทพร้อมยกกับแกล้มที่ตนแวะซื้อเข้าไปในบ้าน
ปาร์ตี้วันนี้ นอกจากเบียร์ 12ขวด ที่อาจจะเหลือไว้สำหรับในปาร์ตี้ครั้งหน้าแล้ว ยังมีกับแกล้มจากร้านไก่ทอดรักการดีอันเป็นที่โปรดปรานของสมาชิกในกลุ่มเป็นอันมาก โดยเฉพาะแหนมซี่โครงทอดและไก่ทอด
“เมื่อไหร่พวกนายจะไปทะเลกับเราวะ...” โด่งเริ่มทวงถามโปรแกรมเที่ยวที่เคยเกริ่นไว้
“ก็ไปอยู่ทุกวัน” เมธาวีตอบปัดๆ
“เราไม่ได้หมายถึงทะเลแถวนี้ เราอยากไปพักใจ ไปดูทะเลสวยๆ”
“ก็ทะเลระยองไง สวยจะตาย...แถมดูได้ทุกวัน ขี้เกียจขับรถไป ก็ปีนหอกลั่นไปดู ใครห้ามท่านละคร้าาา” เมธาวีเริ่มยียวน
“มันไม่เหมือนกัน...” โด่งเริ่มชี้ชวน
“ไม่เหมือนกันยังไง??” เมธาวียังไม่ลดละ
“เมก็รู้ แถวนี้ น่าเที่ยวที่ไหน ทั้งน้ำ ทั้งอากาศมีสารปนเปื้อนเต็มไปหมด มันไม่บริสุทธิ์...” โด่งเริ่มชี้แจง
“ก็บริษัทพวกท่านไม่ใช่เหรอคร้าบ ที่ทำอะ...” วุฒิซึ่งเงียบ เพราะนั่งเล่นแทปเล็ตอยู่นานเริ่มเหยาะหยั่น
“บริษัทไอ้โด่งมัน เราไม่เกี่ยว…ถึงเกี่ยว ก็เกี่ยวครึ่งเดียว” เมธาวีเริ่มบอกปัด ก่อนร่ายคำบ่นใส่โด่งอย่างต่อเนื่อง
“โด่ง นายเนี่ย นิสัยเหมือนเดิมเลยนะ...เมื่อไหร่จะเลิกตัดสินอะไรๆ จากภายนอก มองมุมเดียว มองแค่ผลสรุปสักที”
“อะไร ยังไง” โด่งเริ่มงง
“นายลองคิดดูนะ ทะเลระยองที่นายบอกไม่สวยๆเนี่ย เพราะอะไร เพราะโรงงาน โรงกลั่นที่เราทำงานกันอยู่ไม่ใช่เหรอ เรามากอบโกยประโยชน์จากผืนดิน อากาศ จากทะเลที่นี่ มาทำร้ายเค้า มาปล่อยสารเคมีใส่เค้า สุดท้ายนายก็หาว่าเค้าไม่สวย รังเกียจบ้างละ ไม่กล้าเล่นน้ำบ้างละ แล้วนายก็สะบัดก้นหนีไปเสพ ไปชื่นชมทะเลอื่นที่นายบอกว่ายังบริสุทธิ์อยู่ พวกอกตัญญู”
“....ผมแค่อยากเที่ยวทะเล ด่าผมยังกับไปโกงงบประมาณเลยนะคร้าบบบบ”
“อ่าว ก็ด่าแล้วไม่สำนึก...เหมือนแฟนเก่านายอะ อยู่กันมาตั้งนาน รักและดูแลนาย จนอายุสามสิบ นายกลับมองว่าเค้าไม่ใช่ ไม่ดี รำคาญ แล้วไปเห็นเด็กเอ๊าะๆ โสดๆ ซิงๆ ดีกว่า เสพสมไปจนเบื่อแล้วก็ทิ้ง ไปหาของใหม่...” ว่าแล้วเมธาวีก็ยกเบียร์ขึ้นซด ก่อนบ่นต่อ
“ถ้าคุณไม่หัดมองดูคุณค่าของสิ่งที่อยู่ด้วย หาของใหม่เรื่อยๆ คุณไม่มีวันเจอความงามที่แท้จริง ที่อยู่ภายในที่เค้าเสียสละให้คุณหรอก แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะพอ” พูดจบจึงยกเบียร์ดื่มจนหมดแก้ว
“นี่เมพูดถึงคน หรือทะเลอะ...เรางง” วุฒิทำหน้าสงสัย
“ทั้งคู่แหละ จวย!!!...แม่มพูดกับพวกนายแล้วอารมณ์ขึ้น ไปฉี่ดีกว่า” เมธาวีกล่าวอย่างรำคาญก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำ
“เอ่อ หยิบเบียร์มาด้วยนะ...สองขวด” วุฒิไม่วายสั่งก่อนเมธาวีเดินจากไป
“สั่งตอนเข้าห้องน้ำ เด๊วชั้นฉี่ใส่ขวดเบียร์ให้พวกนายแดร๊กดีไหม๊”
“อย่าๆ มันเหลือหลายขวดอยู่”
“เหลือหกขวด...เราเดินทางมาถึงครึ่งทางแว้ววววว” เมธาวีกล่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนเข้าห้องน้ำไป
โฮ่งๆๆๆ
“เฮ้ยโด่ง หมาบ้านนายเห่าวะ”
“โทรศัพท์ไอ้เม นายรับให้มันหน่อย”
“ไม่อะ นายรับดิ๊” วุฒิพูดพร้อมชี้บอกให้โด่งรับโทรศัพท์
โด่งเอื้อมมือไปรับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงแหลมๆ ปลายสายก็ดังสวนเข้ามา
“หล่อนเลิกยุ่งกับผัวชั้นได้แล้ว จะอะไรนักหนา ชวนกันกินเหล้าเนี่ย...หล่อนมายุ่งกับผัวชั้นทำไม มาบอกว่าเป็นเพื่อน เพื่อน เพื่อน เพื่อน อะไรนี่ ชั้นไม่เชื่อหรอก เพื่อนอะไรไม่ต้องมาอ้าง”
และเสียงผู้ชายจากปลายสายก็แว่วเข้ามา “เฮ้ยคุณพอได้แล้ว ไหนบอกจะคุยกับเค้าดีๆไง”
“คุยอะไร ปกป้องมันเหรอ ไหนบอกเป็นเพื่อน ปกป้องมันทำไม”
…..
แล้วสายก็โดนตัดไป
แม้ว่าโด่งจะเป็นคนรับโทรศัพท์ แต่เสียงโวยวายจากปลายสายก็ดังพอที่วุฒิจะได้ยิน และจับประเด็นได้
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงๆ และมองเมธาวีที่ถือขวดเบียร์เดินเข้ามา
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ภาพจาก
http://www.thairath.co.th/content/eco/337867
เรื่องโดย: จัณฑ์นิทาน
Happy Friday (สุขสันต์วันศุกร์)_EP1: Welcome Party (1)
EP1: Welcome Party (1)
ดวงไฟนับหมื่นนับแสนดวงเปล่งประกายระเรียงเคียงข้างถนน ตลอดเป็นอาณาบริเวณกว้างขวาง เปรียบประหนึ่งว่าดาวบนฟากฟ้าได้คล้อยต่ำลงมาสู่ผืนดิน หากเพียงแต่ว่าแสงที่เห็นนี้ มิใช่แสงดาวอันสุขสงบ แต่เป็นแสงของหลอดไฟหลากหลายชนิดของโรงกลั่น ที่แข่งกันเปล่งสีต่างๆ ทั้ง ขาว เหลือง ส้ม บ้างก็มีสีแดงประปราย แสงเหล่านี้ที่ช่วยนำทางให้คนทำงานในโรงกลั่นสามารถทำงานได้ตลอดคืน แสงไฟที่ทำให้โรงงานสามารถเดินเครื่องได้ต่อเนื่อง 7,920ชั่วโมง หรือ 330วันในหนึ่งปีโดยมิต้องหยุดพัก มันเป็นแสงที่หลายๆคนมองข้ามความสวยงาม และเป็นแสงที่เหล่านักอนุรักษณ์ต่อต้านเพราะหมายถึงการมาของโรงงานขนาดใหญ่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ก็แสงนี่แหละที่สะท้อนเทคโนโลยี เสริมสร้างศักยภาพให้เมืองไทย สร้างเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ หล่อเลี้ยงคนระยอง และคนทั้งประเทศ
จังหวัดระยอง คือจังหวัดที่มีเศรษฐกิจเติบโตที่สุดในประเทศ เพราะเป็นแหล่งที่มีนิคมอุสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่หลายแห่ง จึงเป็นแหล่งรวมแรงงานตั้งแต่ลูกจ้างรายวันวันละสามร้อยบาท จนถึงระดับผู้บริหารเงินเดือนหลักแสนหลักล้าน ไม่น่าแปลกใจอะไร ที่คนทำงานต่างหลั่งไหลเข้ามาทำงานที่ระยอง รวมไปถึงเมธาวี วิศวกรสาวจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพ
เมธาวีสาวสวยร่างเล็กผู้มีอุดมการณ์มุ่งมั่นที่จะเป็นวิศวกรผู้ชำนาญการและมีความรู้กว้างขวงเพื่อพัฒนาประเทศ ดังนั้นหลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาโท และมีผู้ชักชวนมาทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เธอจึงไม่ลังเลใจที่จะละทิ้งกรุงเทพไว้เบื้องหลัง แล้วมุ่งมั่นมาตามหาความฝัน ณ ที่แห่งนี้
หัวค่ำของคืนวันศุกร์ แม้ว่าเมธาวีจะยังมีงานค้างอยู่มาก แต่เธอก็มิได้มีกระจิตกระใจจะทำงานมากมายนัก อย่างที่รู้กันว่าวันศุกร์แห่งชาติเช่นนี้ต่างคนต่างก็ต้องมีกิจกรรมพิเศษๆที่ต้องทำเป็นธรรมดา
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดัง ‘ตะดึ่ง’
เมธาวีละสายตาจากแผนภาพแสดงอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต (Process and Instruments diagram: P&ID) บนจอ LED ขนาด 20 นิ้ว ที่ต่อเชื่อมกับโน๊ตบุ๊ค เพื่อมองดูข้อความที่เข้ามา จากแอพพลิเคชั่นไลน์
‘พร้อมยังแว้...’ เมื่อเพื่อนที่นัดไว้ส่งข้อความมาเตือน
‘ยังวะ ขอตรวจแบบนิดนึง’
‘แกจะกินพรุ่งนี้หร๋า...รีบออกมาเลย’
‘เอ่อๆ รู้แหละ ไม่เกินชั่วโมง...’ เมธาวีรีบพิมพ์ ก่อนหันกลับมาตรวจงานต่อ
แม้จะเหลือแบบและเอกสารที่ต้องตรวจอีกมาก แต่ในเมื่อใจไม่อยู่กับงานแล้ว เมธาวีจึงรีบตรวจแบบแผ่นสุดท้ายให้เสร็จแล้วปิดคอม เก็บโต๊ะ ก่อนปิดแอร์ ปิดไฟ และเดินออกจากออฟฟิต
เมธาวีเดินมาขึ้นรถ พร้อมดูแสงไฟระยิบระยับที่ติดอยู่ตามโรงงาน และหอกลั่น รอบๆบริษัท
‘มาบตพุดในเวลานี้ช่างเงียบเสียจริง อากาศเย็นๆ ในเวลาเลิกงานเยี่ยงนี้ มันน่าสูดหายใจให้เต็มปอดยิ่งนัก’
‘ฮืมมมม....’
‘โห...ซัลเฟอร์! เผาอีกแหละ กลับบ้านดีกว่า’
เมธาวีเคยนึกเล่นๆ ในใจ ในยามที่เธอรู้สึกเครียดจากงาน แม้ว่าเธอสูบบุหรี่ไม่เป็น แต่หากเธอเดินออกมาสูดอากาศภายนอก ก็น่าจะคลายเครียดได้เหมือนกัน เพราะแฟลร์ที่อยู่แถวออฟฟิตซึ่งใช้เผาของเสียจากหอกลั่น น่าจะให้ผลเช่นเดียวกันกับการสูบบุหรี่
เป็นปกติที่ตกเย็นในเมืองระยองจะดูคึกคัก คร่าคร่ำไปด้วยคนทำงาน ที่มาหาของกิน จับจ่ายใช้สอย ยกเว้นแต่เย็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งคนจะน้อยลงบ้างเพราะคนทำงานส่วนใหญ่เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อกลับไปหาครอบครัว ยังคงมีแต่คนระยองโดยแท้ หรือคนที่ย้ายครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานที่ระยอง รวมถึงคนโสดวัยทำงานที่ไม่มีที่ให้กลับไปไหน จึงต้องหาที่สังสรรค์เพื่อปลดปล่อยความตรึงเครียดที่เผชิญทั้งอาทิตย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันตามผับ บาร์ ย่านถนนสายล่าง ซึ่งไม่ใช่ที่ที่เมธาวีจะไปอย่างแน่นอน
รถมาสด้า2 สีแดง คันงาม วิ่งเข้าซอยเล็กๆ เพื่อไปบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นัดหมายประจำทุกวันสุดสัปดาห์
บ้านสองชั้น หลังไม่ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่ว่างกว้างขวาง อันแสดงถึงฐานะที่มีอันจะกินมากกว่าเพื่อนในรุ่นราวคราวเดียวกัน แสงไฟในบ้านยังปิดอยู่นั้นแสดงว่าเจ้าของบ้านยังไม่กลับมา
“โด่ง นายยังไม่เข้าบ้านเหรอ...เรารออยู่หน้าบ้านแล้วเนี่ย” เสียงทุ่มๆ ของสาววัยทำงาน แสดงความคุ้นเคยกับปลายสาย
“เอ่อๆ ใกล้แล้ว อยู่หน้าปากซอยเนี่ย ซื้อเบียร์ให้อยู่ เอากี่ขวด จะเอาไรเพิ่มป่าววะ” เจ้าบ้านผู้อยู่ปลายสาย แสดงความคุ้นเคยไม่แพ้กัน
“6ขวด แค่นั้นแหละ รีบมาเลย”
“เฮ้ย...6ขวดเลยเหรอ เราบอกเรากินไม่เยอะ”
“เอ่อ เอามาก่อน ชั้นขี้เกียจออกไปซื้ออีก”
“เอ่อๆ โทรเรียกไอ้วุฒิด้วยนะ”
“โอเคๆ”
ผ่านไป 20 นาที รถวีออสสีบรอนซ์เงินของเจ้าของบ้านก็มาจอด พร้อมกับเปิดบ้านเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนตามที่นัดหมายกันไว้
“โหย...ไอ้วุฒิยังไม่มา แล้วไลน์มาเร่งชั้นยิกๆ”
“เมโทรบอกมันยัง”
“บอกตั้งแต่วางสายนาย...”
พูดไม่ทันจบประโยค รถซีวิคคันงามก็จอดหน้าบ้าน พร้อมหนุ่มคนขับมาดเซอร์ร่างสูงโปร่ง หน้าเรียวยาว ไว้หนวดให้ขัดกับผิวที่ขาวใส เพราะเจ้าตัวเกรงว่าหน้าจะดูอ่อนจนไม่น่าเกรงขาม มาพร้อมกับชุดฟอร์มสียีนส์ เสริมให้วุฒิดูเป็นผู้ชายที่หล่อเหลา และมีเสน่ห์ไม่น้อย
“อะ เบียร์ 6ขวด” วุฒิเดินลงจากรถ พร้อมยกถุงเบียร์ที่ซื้อมาให้ดู
“เฮ้ย! เราสั่งเบียร์6ขวด ไม่ใช่ให้พวกนายซื้อคนละ 6 ขวด...ตายหละ จะกินไงหมดเนี่ย”
“เอ่อ...รอบที่แล้วนายสองคนก็กินหมดลัง ขวดเต็มบ้านเราเลย โน่น!” โด่งช่วยเพื่อนเตือนความจำ พร้อมชี้ไปลังเบียร์ ซากจากสัปดาห์ที่แล้ว
“เอ่อๆ ไม่เป็นไร ซื้อมาแล้ว...เหลือ ก็เก็บไว้วันหลัง” เมธาวีตัดบทพร้อมยกกับแกล้มที่ตนแวะซื้อเข้าไปในบ้าน
ปาร์ตี้วันนี้ นอกจากเบียร์ 12ขวด ที่อาจจะเหลือไว้สำหรับในปาร์ตี้ครั้งหน้าแล้ว ยังมีกับแกล้มจากร้านไก่ทอดรักการดีอันเป็นที่โปรดปรานของสมาชิกในกลุ่มเป็นอันมาก โดยเฉพาะแหนมซี่โครงทอดและไก่ทอด
“เมื่อไหร่พวกนายจะไปทะเลกับเราวะ...” โด่งเริ่มทวงถามโปรแกรมเที่ยวที่เคยเกริ่นไว้
“ก็ไปอยู่ทุกวัน” เมธาวีตอบปัดๆ
“เราไม่ได้หมายถึงทะเลแถวนี้ เราอยากไปพักใจ ไปดูทะเลสวยๆ”
“ก็ทะเลระยองไง สวยจะตาย...แถมดูได้ทุกวัน ขี้เกียจขับรถไป ก็ปีนหอกลั่นไปดู ใครห้ามท่านละคร้าาา” เมธาวีเริ่มยียวน
“มันไม่เหมือนกัน...” โด่งเริ่มชี้ชวน
“ไม่เหมือนกันยังไง??” เมธาวียังไม่ลดละ
“เมก็รู้ แถวนี้ น่าเที่ยวที่ไหน ทั้งน้ำ ทั้งอากาศมีสารปนเปื้อนเต็มไปหมด มันไม่บริสุทธิ์...” โด่งเริ่มชี้แจง
“ก็บริษัทพวกท่านไม่ใช่เหรอคร้าบ ที่ทำอะ...” วุฒิซึ่งเงียบ เพราะนั่งเล่นแทปเล็ตอยู่นานเริ่มเหยาะหยั่น
“บริษัทไอ้โด่งมัน เราไม่เกี่ยว…ถึงเกี่ยว ก็เกี่ยวครึ่งเดียว” เมธาวีเริ่มบอกปัด ก่อนร่ายคำบ่นใส่โด่งอย่างต่อเนื่อง
“โด่ง นายเนี่ย นิสัยเหมือนเดิมเลยนะ...เมื่อไหร่จะเลิกตัดสินอะไรๆ จากภายนอก มองมุมเดียว มองแค่ผลสรุปสักที”
“อะไร ยังไง” โด่งเริ่มงง
“นายลองคิดดูนะ ทะเลระยองที่นายบอกไม่สวยๆเนี่ย เพราะอะไร เพราะโรงงาน โรงกลั่นที่เราทำงานกันอยู่ไม่ใช่เหรอ เรามากอบโกยประโยชน์จากผืนดิน อากาศ จากทะเลที่นี่ มาทำร้ายเค้า มาปล่อยสารเคมีใส่เค้า สุดท้ายนายก็หาว่าเค้าไม่สวย รังเกียจบ้างละ ไม่กล้าเล่นน้ำบ้างละ แล้วนายก็สะบัดก้นหนีไปเสพ ไปชื่นชมทะเลอื่นที่นายบอกว่ายังบริสุทธิ์อยู่ พวกอกตัญญู”
“....ผมแค่อยากเที่ยวทะเล ด่าผมยังกับไปโกงงบประมาณเลยนะคร้าบบบบ”
“อ่าว ก็ด่าแล้วไม่สำนึก...เหมือนแฟนเก่านายอะ อยู่กันมาตั้งนาน รักและดูแลนาย จนอายุสามสิบ นายกลับมองว่าเค้าไม่ใช่ ไม่ดี รำคาญ แล้วไปเห็นเด็กเอ๊าะๆ โสดๆ ซิงๆ ดีกว่า เสพสมไปจนเบื่อแล้วก็ทิ้ง ไปหาของใหม่...” ว่าแล้วเมธาวีก็ยกเบียร์ขึ้นซด ก่อนบ่นต่อ
“ถ้าคุณไม่หัดมองดูคุณค่าของสิ่งที่อยู่ด้วย หาของใหม่เรื่อยๆ คุณไม่มีวันเจอความงามที่แท้จริง ที่อยู่ภายในที่เค้าเสียสละให้คุณหรอก แล้วเมื่อไหร่คุณถึงจะพอ” พูดจบจึงยกเบียร์ดื่มจนหมดแก้ว
“นี่เมพูดถึงคน หรือทะเลอะ...เรางง” วุฒิทำหน้าสงสัย
“ทั้งคู่แหละ จวย!!!...แม่มพูดกับพวกนายแล้วอารมณ์ขึ้น ไปฉี่ดีกว่า” เมธาวีกล่าวอย่างรำคาญก่อนลุกไปเข้าห้องน้ำ
“เอ่อ หยิบเบียร์มาด้วยนะ...สองขวด” วุฒิไม่วายสั่งก่อนเมธาวีเดินจากไป
“สั่งตอนเข้าห้องน้ำ เด๊วชั้นฉี่ใส่ขวดเบียร์ให้พวกนายแดร๊กดีไหม๊”
“อย่าๆ มันเหลือหลายขวดอยู่”
“เหลือหกขวด...เราเดินทางมาถึงครึ่งทางแว้ววววว” เมธาวีกล่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนเข้าห้องน้ำไป
โฮ่งๆๆๆ
“เฮ้ยโด่ง หมาบ้านนายเห่าวะ”
“โทรศัพท์ไอ้เม นายรับให้มันหน่อย”
“ไม่อะ นายรับดิ๊” วุฒิพูดพร้อมชี้บอกให้โด่งรับโทรศัพท์
โด่งเอื้อมมือไปรับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงแหลมๆ ปลายสายก็ดังสวนเข้ามา
“หล่อนเลิกยุ่งกับผัวชั้นได้แล้ว จะอะไรนักหนา ชวนกันกินเหล้าเนี่ย...หล่อนมายุ่งกับผัวชั้นทำไม มาบอกว่าเป็นเพื่อน เพื่อน เพื่อน เพื่อน อะไรนี่ ชั้นไม่เชื่อหรอก เพื่อนอะไรไม่ต้องมาอ้าง”
และเสียงผู้ชายจากปลายสายก็แว่วเข้ามา “เฮ้ยคุณพอได้แล้ว ไหนบอกจะคุยกับเค้าดีๆไง”
“คุยอะไร ปกป้องมันเหรอ ไหนบอกเป็นเพื่อน ปกป้องมันทำไม”
…..
แล้วสายก็โดนตัดไป
แม้ว่าโด่งจะเป็นคนรับโทรศัพท์ แต่เสียงโวยวายจากปลายสายก็ดังพอที่วุฒิจะได้ยิน และจับประเด็นได้
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงๆ และมองเมธาวีที่ถือขวดเบียร์เดินเข้ามา
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ภาพจาก http://www.thairath.co.th/content/eco/337867
เรื่องโดย: จัณฑ์นิทาน