สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เป็นเหมือนกันเลยค่ะ เรากับแฟนเก่าก็คบกันมา 7 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน ปัจจุบันเลิกกันเกือบ 2 ปี แต่แฟนเก่าเรายังพาเราไปกินข้าว ดูหนัง เที่ยว ตจว คือทำเหมือนเป็นแฟนกันเหมือนเดิม โทรหาเราทุกวัน วันละหลายๆรอบ บางวันก็อยู่กับเราทั้งวัน พอกลางคืนเขาก็ไปนอนกับแฟนใหม่
เจ็บค่ะ
สำหรับเรานะคะ การที่แฟนเก่าเราทำกับเราแบบนี้ มันทำให้เราตัดใจยากค่ะ ทำให้เราไม่เปิดใจ ทำให้เราไม่มองคนอื่น เพราะเรายังรอ ยังคิดว่าสักวันหนึ่งคงกลับมาคบกันอีกครั้ง ทั้งๆที่รู้ว่าเขามีแฟนใหม่แล้ว ถ้าคุณคิดว่า คงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ก็ขอให้หยุดค่ะ อย่าใช้ความห่วงใยซึ่งเราคิดว่ามันคือ ความผูกพันมากกว่า มาทำให้แฟนเก่าคุณหวั่นไหวค่ะ หรือถ้าคุณห่วงเขาจริงๆ ก็โทรหาสักอาทิตย์ละครั้ง สองอาทิตย์ครั้ง ก็ได้ค่ะ หรือถามข่าวคราวจากคนใกล้ตัวเขาก็ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท นะคะ ^^
เจ็บค่ะ
สำหรับเรานะคะ การที่แฟนเก่าเราทำกับเราแบบนี้ มันทำให้เราตัดใจยากค่ะ ทำให้เราไม่เปิดใจ ทำให้เราไม่มองคนอื่น เพราะเรายังรอ ยังคิดว่าสักวันหนึ่งคงกลับมาคบกันอีกครั้ง ทั้งๆที่รู้ว่าเขามีแฟนใหม่แล้ว ถ้าคุณคิดว่า คงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ก็ขอให้หยุดค่ะ อย่าใช้ความห่วงใยซึ่งเราคิดว่ามันคือ ความผูกพันมากกว่า มาทำให้แฟนเก่าคุณหวั่นไหวค่ะ หรือถ้าคุณห่วงเขาจริงๆ ก็โทรหาสักอาทิตย์ละครั้ง สองอาทิตย์ครั้ง ก็ได้ค่ะ หรือถามข่าวคราวจากคนใกล้ตัวเขาก็ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท นะคะ ^^
แสดงความคิดเห็น
เลิกกันแล้ว แต่ยังไม่หมดห่วง
แต่ช่วงหลังจากเรียนจบมา เราก็มีเหตุให้ต้องไกลกัน เพราะหน้าที่การงาน แต่ก็ยังคบกันอยู่ ไปมาหาสู่กันตลอด
แต่เมื่อประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้ เราเริ่มมีความรู้สึกว่ารักเราไม่เหมือนเดิม อาจจะเพราะเราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีเหตุผลมากขึ้น
ทำให้เราเริ่มมีปัญหาระหองระแหงกันมาตลอด แต่ก็ยังฝืนทำดีต่อกันมาเกือบปี
สุดท้ายเราเพิ่งตัดสินใจแยกทางกันเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อคืนเส้นทางชีวิตให้แก่กัน
ให้ได้มีเวลาไปหาคนที่ใช่มากกว่านี้ เราคิดและตกลงกันแล้วว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย
เพราะถึงตรงนี้เราคิดว่ามันเป็นที่สุดแล้ว เราไปกันไม่ได้จริงๆ และเค้าก็เริ่มที่จะพิจารณาคนใหม่ที่เข้ามา
แต่ปัญหาของผมก็คือว่า ตลอดเวลา 9 ปีที่เราคบกัน ผมเป็นคนดูแลเค้ามาตลอด ช่วยเหลือเกือบทุกเรื่อง
พูดง่ายๆ คือผมเป็นที่พึ่งให้เขามาตลอด
พอแยกทางกันทำให้ผมอดห่วงไม่ได้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง
เค้าจะพึ่งใคร ถึงแม้ก่อนจากกันผมจะบอกเขาว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้
แต่เขาคงไม่กล้าบอกผมแน่ๆ ผมรู้ดี
ผมอดห่วงไม่ได้จริงๆ
แต่ถึงยังไงเราก็แยกกันแล้ว ไม่อยากจะกลับไปรบกวนจิตใจกัน เพราะเรารู้แล้วว่าเราไปกันไม่ได้จริงๆ ถ้ากลับไปอยู่ด้วยกันปัญหาเดิมๆ ก็จะมาอีก
สำหรับผมการแยกทางกันมันก็ดีสำหรับผมด้วย เพื่อที่ทั้งผมและเขาจะได้มีเวลากลับไปพิจารณาหาหนทางให้ชีวิตของตนเอง
แต่ผมติดเรื่องเดียว คือห่วงเรื่องการดำเนินชีวิตของเขา ทั้งเรื่องการงาน การเดินทาง การกินการอยู่ ฯลฯ
มันเหมือนภาระในใจผมยังค้างๆ คาๆ อยู่
ผมต้องยืนบนทางสองแพร่ง ที่ไม่รู้จะเอายังไง
ไม่รู้จะไปทางไหน
รบกวนช่วยชี้แนะผมด้วยครับ
ขอบคุณครับ