วันนี้ได้มีโอกาสไปช่วยเพื่อนจัดร้านอยู่ใน outlet เล็กๆแห่งหนึ่งในใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อนผมคนนี้เคยทำงานที่เรียกว่า "มนุษย์เงินเดือน" มาหลายปี ทำงานมาแล้ว 3 บริษัทฯ เธอมีความเชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง และอยากลิขิตชีวิตตนเองด้วยความสามารถที่มีอยู่ จนสามารถไปเปิดร้านขายสินค้าเล็กๆได้ โดยใช้ทุนไม่มากเท่าไร เป็นเงินที่พอจะเก็บจากการทำงานบริษัทฯมา เธอรู้อย่างเดียวว่า การทำงานประจำ ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ แต่ว่าด้วยความเกรงใจพ่อแม่ตั้งแต่จบเรียนมา พ่อแม่ตั้งความหวังไว้ให้ลูก โดยเน้นให้ทำงานบริษัทฯ เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต
แต่ที่ผ่านมา เธอยอมรับว่า การตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเข้างานให้ทันเป็นเรื่องอึดอัดมาก และจากการตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเร่งรีบไปทำงานแบบนั้น เหมือนว่าขาดอะไรไปหลายอย่าง และแทบไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่เลยในตอนเช้า เพราะเธอต้องรีบออกจากบ้าน แม้กระทั่งวันหยุดหลายครั้งก็ถูกเรียกตัวไปทำงานเพราะความรับผิดชอบต่อหน้าที่ นั่นเอง แต่ถึงกระนั้นพ่อแม่เธอ ก็ยังชมเชยที่ลูกสาวมีความอดทน และชอบมากที่ลูกมีการมีงานทำตามที่พ่อแม่ตั้งใจไว้
แต่ในที่สุด เวลามาถึงเธอตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาค้าขายในสิ่งที่ตนเองชอบ ทำให้พ่อแม่ "ไม่ปลื้ม" และพูดตลอดเวลาถึงความลำบากที่ลูกจะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายที่ไม่ง่าย หรือทำแล้วต้องขาดทุนอย่างแน่ เพราะการขายส่วนใหญ่ที่เจอ คือสุดท้าย "เจ๊ง" และหว่านล้อมให้ลูกปิดกิจการ ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มทำ โดยให้กลับไปหางานทำใหม่
วันนี้เธอค่อนข้าง ซีเรียส จากเรื่องของพ่อแม่ ส่วนผมผู้ช่วยที่เธอวานมา ได้แต่เพียงให้กำลังใจ และบอกไปว่า ตราบใดที่เธอยังวังวนอยู่กับคำพูดของพ่อแม่ เธอก็ไม่สามารถใช้ชีวิตเดินต่อตามความต้องการของเธอได้ เธอต้องแยกเรื่องการใช้ชีวิตที่เธอปราถนา ออกจากเสียงของพ่อแม่ที่ต้องการให้เธอกลับไปทำงาน "มนุษย์เงินเดือน" มีอย่างเดียวที่พ่อแม่เธอจะยอมรับได้ นั่นคือเธอต้องขยัน และหาหนทางในการค้าขายให้ประสบความสำเร็จ นำเงินได้จากกำไรไปแบ่งให้พ่อแม่ และทำให้ท่านเห็นทุกอย่างว่า เธอคิดถูกที่มาทางนี้
ผมพูดเพราะ เธอเดินทางมาถึงขณะนี้แล้ว ไม่ควรถอยกลับไปด้วยความลังเลอะไรอีกแล้ว
ท่านใดมีพ่อแม่ที่ไม่ปลื้ม เพราะท่านไม่ยอมเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเปล่าครับ
เมื่อพ่อแม่ ไม่ปลื้ม ที่ลูกไม่ยอมเป็น "มนุษย์เงินเดือน"
แต่ที่ผ่านมา เธอยอมรับว่า การตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเข้างานให้ทันเป็นเรื่องอึดอัดมาก และจากการตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเร่งรีบไปทำงานแบบนั้น เหมือนว่าขาดอะไรไปหลายอย่าง และแทบไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่เลยในตอนเช้า เพราะเธอต้องรีบออกจากบ้าน แม้กระทั่งวันหยุดหลายครั้งก็ถูกเรียกตัวไปทำงานเพราะความรับผิดชอบต่อหน้าที่ นั่นเอง แต่ถึงกระนั้นพ่อแม่เธอ ก็ยังชมเชยที่ลูกสาวมีความอดทน และชอบมากที่ลูกมีการมีงานทำตามที่พ่อแม่ตั้งใจไว้
แต่ในที่สุด เวลามาถึงเธอตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาค้าขายในสิ่งที่ตนเองชอบ ทำให้พ่อแม่ "ไม่ปลื้ม" และพูดตลอดเวลาถึงความลำบากที่ลูกจะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายที่ไม่ง่าย หรือทำแล้วต้องขาดทุนอย่างแน่ เพราะการขายส่วนใหญ่ที่เจอ คือสุดท้าย "เจ๊ง" และหว่านล้อมให้ลูกปิดกิจการ ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มทำ โดยให้กลับไปหางานทำใหม่
วันนี้เธอค่อนข้าง ซีเรียส จากเรื่องของพ่อแม่ ส่วนผมผู้ช่วยที่เธอวานมา ได้แต่เพียงให้กำลังใจ และบอกไปว่า ตราบใดที่เธอยังวังวนอยู่กับคำพูดของพ่อแม่ เธอก็ไม่สามารถใช้ชีวิตเดินต่อตามความต้องการของเธอได้ เธอต้องแยกเรื่องการใช้ชีวิตที่เธอปราถนา ออกจากเสียงของพ่อแม่ที่ต้องการให้เธอกลับไปทำงาน "มนุษย์เงินเดือน" มีอย่างเดียวที่พ่อแม่เธอจะยอมรับได้ นั่นคือเธอต้องขยัน และหาหนทางในการค้าขายให้ประสบความสำเร็จ นำเงินได้จากกำไรไปแบ่งให้พ่อแม่ และทำให้ท่านเห็นทุกอย่างว่า เธอคิดถูกที่มาทางนี้
ผมพูดเพราะ เธอเดินทางมาถึงขณะนี้แล้ว ไม่ควรถอยกลับไปด้วยความลังเลอะไรอีกแล้ว
ท่านใดมีพ่อแม่ที่ไม่ปลื้ม เพราะท่านไม่ยอมเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเปล่าครับ