มันอาจจะไม่ใช่ช่วงปิดฤดูกาลที่หวือหวานักในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อทีมแชมป์ลีก 20 สมัยยังไม่ได้ตัวนักเตะที่พวกเขาต้องการเข้ามาเสริมทีมเลยแม้แต่คนเดียว ขณะเดียวกันผลงานในช่วงพรีซีซั่นก็ไม่ได้เลิศหรูอะไรด้วย (ด้วยสถิติชนะเพียง 2 ครั้งจาก 5 เกมที่ลงเล่น มันไม่ดูดีเท่าไหร่นัก) ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้มันไม่ใช่ช่วงซัมเมอร์ในอุดมคติสำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แม้ว่าตลาดซื้อขายนักเตะจะยังเปิดอยู่อีกเดือนกว่าๆ แต่การเจรจานักเตะเป้าหมายก็ควรจะต้องทำให้ได้แล้ว อย่างเช่น เชส ฟาเบรกาส หรือบางคนทางพื้นที่ด้านซ้ายของสนาม สำหรับนักเตะชุดที่มีอยู่นี้ หลายคนยังพากันสงสัยว่าจะดีพอที่จะไปแข่งกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือเชลซีได้หรือเปล่า ทั้ง 2 ทีมต่างก็ขยับตัวกันไปพอสมควรแล้วในตลาดซื้อขายรอบนี้ เมื่อได้ตัวดีๆ อย่าง อัลบาโร่ เนเกรโด้ หรือ อันเดร ชูร์เล่ เข้ามาตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม หากว่าการซื้อตัวนักเตะต้องล้มเหลวจริงๆ มันก็ยังคงมีทางออกที่ดีสำหรับผู้จัดการทีมอย่าง เดวิด มอยส์ อยู่ และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาทีมรุ่งเรืองมาแล้ว สิ่งดีๆ ที่สืบทอดกันมากำลังจะถูกนำมาใช้อีกครั้ง นั่นก็คือการดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ ลีก
ดังนั้น เราลองมาดูกันว่าจะมี 5 นักเตะดาวรุ่งคนไหนบ้างที่ เดวิด มอยส์ พร้อมจะปั้นให้จรัสแสงส่องประกายกันในฤดูกาลหน้า... (ดาวรุ่ง ณ ที่นี้คือนักเตะที่มีอายุ 24 ปี หรือต่ำกว่านั้น)
5. แอดนาน จานูซาจ
สำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่ พวกเขาไม่สงสัยในฝีเท้าของนักเตะหนุ่มชาวเบลเยี่ยมวัย 18 ปีคนนี้เลย หากว่าพวกเขาถูกใครถามถึงศักยภาพของจานูซาจขึ้นมา
จากผลงานในช่วงพรีซีซั่นทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ย้อนไปเมื่อช่วงท้ายฤดูกาลก่อน ใครหลายๆ คนในวงการฟุตบอลอาจจะยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขามากนัก ทั้งที่เขามีศักยภาพที่สามารถพัฒนาไปได้อีกไกล
ฟอร์มของเขาในช่วงพรีซีซั่นคือคำตอบว่าทำไมทีมสต๊าฟฟ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงชื่นชมในตัวเขาเป็นพิเศษ เขาเล่นบอลด้วยความนิ่ง และทักษะต่างๆ ก็ทำให้เขาคู่ควรแล้วกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีทีมสำรองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
เหตุการณ์ประทับใจของเขาก็คือการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูในเกมพบเซเรโซ่ โอซาก้า เมื่อวันศุกร์ จากนั้นก็มายิงได้เองในชัยชนะ 5 - 2 เหนือคิทชี เอฟซี
บางทีเขาอาจจะได้รับโอกาสลงเตะในลีก คัพ หรืออาจจะมากไปกว่านั้น เมื่ออนาคตของ หลุยส์ นานี่ ยังคงไม่แน่นอน นั่นอาจเป็นการเปิดทางให้เขาได้ลงไปวาดลวดลายเล่นงานกองหลัง พร้อมกับช่วยทีมไล่ล่าแชมป์ลีกสมัยที่ 21 มาครอง
4. อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์
บุตต์เนอร์ แบ็คซ้ายชาวดัตช์เป็นอีกคนที่อาจจะได้รับโอกาสมากขึ้นจากข่าวคราวการย้ายทีมของนักเตะรายอื่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
เขาย้ายมาจากวิเทสส์ อาร์เน่ม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว บุตต์เนอร์ซัดประตูไป 2 ลูกจากการลงเล่น 13 นัดอย่างไรก็ตามแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังสงสัยในความสามารถทางด้านเกมรับของเขา เมื่อเขาปล่อยให้ทีมปีศาจแดงเสียประตูเป็นว่าเล่น (ยกตัวอย่างในเกมเจอกับเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่โดนไป 5 ลูก) แต่เขาก็ยังสามารถพัฒนาทางด้านนี้ได้ด้วยการเรียนรู้จาก ปาทริซ เอฟร่า ซึ่งจะทำให้เขารับผิดชอบกับเกมรับมากขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะถ่ายทอดจากแบ็คซ้ายชาวฝรั่งเศสไปจนถึงบุตต์เนอร์ รวมถึงนักเตะใหม่อย่าง กิเยร์โม่ บาเรล่า ด้วย
หากว่าเขาได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ฟอร์มการเล่นของเขาก็น่าจะคงเส้นคงวามากขึ้น และถ้าหากว่าเขาพัฒนาทักษะในเกมรับขึ้นมาได้ ก็ไม่มีสาเหตุใดเลยที่เขาจะไม่มีชื่อติดทีมชาติฮอลแลนด์ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
3. นิค พาวเวลล์
พาวเวลล์วัย 19 ปีได้แสดงฝีเท้าออกมาแล้วว่าเขาคู่ควรกับสโมสรแห่งนี้ เมื่อช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับ 2 ตามหลังท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในการเตะพรีเมียร์ ลีก ยู-21 รอบอีลิท ขณะเดียวกันก็ได้มีชื่อติดทีมชุดใหญ่เป็นพักๆ ด้วย แน่นอนว่าในอนาคตเราจะได้เห็นเขามากกว่านี้ในแผงมิดฟิลด์ของทีม
ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะมาแก้ปัญหาในแดนกลางของทีมที่แฟนๆ กังวลกันได้ด้วย บางคนอาจต้องการคนที่พร้อมเล่นทันทีเลย แต่ว่าพาวเวลล์เองก็สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เช่นกัน
อนาคตของเขาน่าจะอยู่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไปโดยที่ไม่ย้ายไปเล่นที่ไหน และด้วยพรสวรรค์ในตัวเขา พาวเวลล์ก็น่าจะมีส่วนช่วยทีมได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อธิบายกันสั้นๆ เลยก็คือเมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นการเรียกน้ำย่อย แต่ฤดูกาลนี้แหละที่เขาจะแสดงฝีเท้าที่แท้จริงออกมา
2. วิลฟรีด ซาฮา
ซาฮาคือการซื้อตัวนักเตะคนสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อเดือนมกราคม โดยที่เขาอยู่ต่อกับคริสตัล พาเลซ ไปจนจบฤดูกาลด้วยสัญญายืมตัว แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะยังไม่ได้เห็นฝีเท้าของเขามากนักในตอนนี้
เขาเล่นบอลได้เชื่องเท้า เปี่ยมไปด้วยทักษะ และไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ซาฮาสร้างความประทับใจให้กับมอยส์ได้จากประตูตีเสมอเซเรโซ่ โอซาก้า ช่วงท้ายเกม ช่วยให้ทีมไม่ต้องแพ้ติดต่อกันในช่วงพรีซีซั่น
เขาได้ลงสนามทุกนัดในช่วงอุ่นเครื่องที่ว่ามานี้ นั่นอาจคาดเดาได้ว่ามอยส์เตรียมที่จะใช้งานเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง
หากว่าเขายังโชว์ฟอร์มได้เหมือนกับที่แฟนบอลได้เห็นกันไปในทวีปเอเชีย รวมถึงซัดประตูสำคัญๆ ได้เหมือนกับที่เขาทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว บรรดากองหลังในพรีเมียร์ ลีก ก็คงจะต้องหวาดระแวงเขาไปตามๆ กัน
1. ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์
เคลฟเวอร์ลี่ย์ทำผลงานได้เป็นอย่างดีจนมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาพัฒนาตนเองอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดชะงักเอาด้วยอาการบาดเจ็บ
ด้วยอาการบาดเจ็บนี้ทำให้เขาได้ลงเล่นไปได้แค่ 32 นัดเมื่อฤดูกาลก่อน แถมยังต้องพลาดเกมสำคัญๆ ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่บาดเจ็บเขาก็ได้ศึกษาวิธีการเล่นจากคู่ขาของเขาในแดนกลาง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมามิดฟิลด์วัย 23 ปีได้ลงเล่นร่วมกับ ไมเคิล คาร์ริค มากที่สุด ถือว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้จัดคู่นักเตะที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว และส่งเสริมซึ่งกัน และกัน คาร์ริคจะรับบทเป็นตัวเก็บบอล ขณะที่เคลฟเวอร์ลี่ย์จะมีบทบาทในเกมรุกมากกว่า ซึ่งนั่นก็ทำให้เขายิงประตูได้ 2 - 3 ลูกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น แฟนบอลทีมชาติอังกฤษยังรู้สึกว่าการผสมผสานในแดนกลางระหว่างเคลฟเวอร์ลี่ย์กับ แจ็ค วิลเชียร์ นั้นคือการรวมเอา 2 นักเตะพรสวรรค์มาเล่นร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย นี่จะทำให้ รอย ฮ็อดจ์สัน ได้คู่มิดฟิลด์อันยอดเยี่ยมมาใช้งานไปอีกหลายปี รวมถึงในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะมาถึงในปีหน้าด้วย
กลับมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้เคลฟเวอร์ลี่ย์จะมีบทบาทกับทีมมากขึ้น หลังจากที่ พอล สโคลส์ ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไป เขาจะต้องเพิ่มสัญชาตญาณในเกมรุกให้มากขึ้นอีก ซึ่งนั่นจะทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติไปลุยฟุตบอลโลกเป็นที่แน่นอน
http://www.redarmyfc.com/content.php?id=2996
5 ดาวรุ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะส่องประกายในฤดูกาลนี้
แม้ว่าตลาดซื้อขายนักเตะจะยังเปิดอยู่อีกเดือนกว่าๆ แต่การเจรจานักเตะเป้าหมายก็ควรจะต้องทำให้ได้แล้ว อย่างเช่น เชส ฟาเบรกาส หรือบางคนทางพื้นที่ด้านซ้ายของสนาม สำหรับนักเตะชุดที่มีอยู่นี้ หลายคนยังพากันสงสัยว่าจะดีพอที่จะไปแข่งกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือเชลซีได้หรือเปล่า ทั้ง 2 ทีมต่างก็ขยับตัวกันไปพอสมควรแล้วในตลาดซื้อขายรอบนี้ เมื่อได้ตัวดีๆ อย่าง อัลบาโร่ เนเกรโด้ หรือ อันเดร ชูร์เล่ เข้ามาตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม หากว่าการซื้อตัวนักเตะต้องล้มเหลวจริงๆ มันก็ยังคงมีทางออกที่ดีสำหรับผู้จัดการทีมอย่าง เดวิด มอยส์ อยู่ และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาทีมรุ่งเรืองมาแล้ว สิ่งดีๆ ที่สืบทอดกันมากำลังจะถูกนำมาใช้อีกครั้ง นั่นก็คือการดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ ลีก
ดังนั้น เราลองมาดูกันว่าจะมี 5 นักเตะดาวรุ่งคนไหนบ้างที่ เดวิด มอยส์ พร้อมจะปั้นให้จรัสแสงส่องประกายกันในฤดูกาลหน้า... (ดาวรุ่ง ณ ที่นี้คือนักเตะที่มีอายุ 24 ปี หรือต่ำกว่านั้น)
5. แอดนาน จานูซาจ
สำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่ พวกเขาไม่สงสัยในฝีเท้าของนักเตะหนุ่มชาวเบลเยี่ยมวัย 18 ปีคนนี้เลย หากว่าพวกเขาถูกใครถามถึงศักยภาพของจานูซาจขึ้นมา
จากผลงานในช่วงพรีซีซั่นทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ย้อนไปเมื่อช่วงท้ายฤดูกาลก่อน ใครหลายๆ คนในวงการฟุตบอลอาจจะยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขามากนัก ทั้งที่เขามีศักยภาพที่สามารถพัฒนาไปได้อีกไกล
ฟอร์มของเขาในช่วงพรีซีซั่นคือคำตอบว่าทำไมทีมสต๊าฟฟ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงชื่นชมในตัวเขาเป็นพิเศษ เขาเล่นบอลด้วยความนิ่ง และทักษะต่างๆ ก็ทำให้เขาคู่ควรแล้วกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีทีมสำรองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
เหตุการณ์ประทับใจของเขาก็คือการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูในเกมพบเซเรโซ่ โอซาก้า เมื่อวันศุกร์ จากนั้นก็มายิงได้เองในชัยชนะ 5 - 2 เหนือคิทชี เอฟซี
บางทีเขาอาจจะได้รับโอกาสลงเตะในลีก คัพ หรืออาจจะมากไปกว่านั้น เมื่ออนาคตของ หลุยส์ นานี่ ยังคงไม่แน่นอน นั่นอาจเป็นการเปิดทางให้เขาได้ลงไปวาดลวดลายเล่นงานกองหลัง พร้อมกับช่วยทีมไล่ล่าแชมป์ลีกสมัยที่ 21 มาครอง
4. อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์
บุตต์เนอร์ แบ็คซ้ายชาวดัตช์เป็นอีกคนที่อาจจะได้รับโอกาสมากขึ้นจากข่าวคราวการย้ายทีมของนักเตะรายอื่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
เขาย้ายมาจากวิเทสส์ อาร์เน่ม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว บุตต์เนอร์ซัดประตูไป 2 ลูกจากการลงเล่น 13 นัดอย่างไรก็ตามแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังสงสัยในความสามารถทางด้านเกมรับของเขา เมื่อเขาปล่อยให้ทีมปีศาจแดงเสียประตูเป็นว่าเล่น (ยกตัวอย่างในเกมเจอกับเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่โดนไป 5 ลูก) แต่เขาก็ยังสามารถพัฒนาทางด้านนี้ได้ด้วยการเรียนรู้จาก ปาทริซ เอฟร่า ซึ่งจะทำให้เขารับผิดชอบกับเกมรับมากขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะถ่ายทอดจากแบ็คซ้ายชาวฝรั่งเศสไปจนถึงบุตต์เนอร์ รวมถึงนักเตะใหม่อย่าง กิเยร์โม่ บาเรล่า ด้วย
หากว่าเขาได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ฟอร์มการเล่นของเขาก็น่าจะคงเส้นคงวามากขึ้น และถ้าหากว่าเขาพัฒนาทักษะในเกมรับขึ้นมาได้ ก็ไม่มีสาเหตุใดเลยที่เขาจะไม่มีชื่อติดทีมชาติฮอลแลนด์ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
3. นิค พาวเวลล์
พาวเวลล์วัย 19 ปีได้แสดงฝีเท้าออกมาแล้วว่าเขาคู่ควรกับสโมสรแห่งนี้ เมื่อช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับ 2 ตามหลังท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในการเตะพรีเมียร์ ลีก ยู-21 รอบอีลิท ขณะเดียวกันก็ได้มีชื่อติดทีมชุดใหญ่เป็นพักๆ ด้วย แน่นอนว่าในอนาคตเราจะได้เห็นเขามากกว่านี้ในแผงมิดฟิลด์ของทีม
ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะมาแก้ปัญหาในแดนกลางของทีมที่แฟนๆ กังวลกันได้ด้วย บางคนอาจต้องการคนที่พร้อมเล่นทันทีเลย แต่ว่าพาวเวลล์เองก็สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เช่นกัน
อนาคตของเขาน่าจะอยู่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไปโดยที่ไม่ย้ายไปเล่นที่ไหน และด้วยพรสวรรค์ในตัวเขา พาวเวลล์ก็น่าจะมีส่วนช่วยทีมได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อธิบายกันสั้นๆ เลยก็คือเมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นการเรียกน้ำย่อย แต่ฤดูกาลนี้แหละที่เขาจะแสดงฝีเท้าที่แท้จริงออกมา
2. วิลฟรีด ซาฮา
ซาฮาคือการซื้อตัวนักเตะคนสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อเดือนมกราคม โดยที่เขาอยู่ต่อกับคริสตัล พาเลซ ไปจนจบฤดูกาลด้วยสัญญายืมตัว แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะยังไม่ได้เห็นฝีเท้าของเขามากนักในตอนนี้
เขาเล่นบอลได้เชื่องเท้า เปี่ยมไปด้วยทักษะ และไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น ซาฮาสร้างความประทับใจให้กับมอยส์ได้จากประตูตีเสมอเซเรโซ่ โอซาก้า ช่วงท้ายเกม ช่วยให้ทีมไม่ต้องแพ้ติดต่อกันในช่วงพรีซีซั่น
เขาได้ลงสนามทุกนัดในช่วงอุ่นเครื่องที่ว่ามานี้ นั่นอาจคาดเดาได้ว่ามอยส์เตรียมที่จะใช้งานเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง
หากว่าเขายังโชว์ฟอร์มได้เหมือนกับที่แฟนบอลได้เห็นกันไปในทวีปเอเชีย รวมถึงซัดประตูสำคัญๆ ได้เหมือนกับที่เขาทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว บรรดากองหลังในพรีเมียร์ ลีก ก็คงจะต้องหวาดระแวงเขาไปตามๆ กัน
1. ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์
เคลฟเวอร์ลี่ย์ทำผลงานได้เป็นอย่างดีจนมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาพัฒนาตนเองอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดชะงักเอาด้วยอาการบาดเจ็บ
ด้วยอาการบาดเจ็บนี้ทำให้เขาได้ลงเล่นไปได้แค่ 32 นัดเมื่อฤดูกาลก่อน แถมยังต้องพลาดเกมสำคัญๆ ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่บาดเจ็บเขาก็ได้ศึกษาวิธีการเล่นจากคู่ขาของเขาในแดนกลาง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมามิดฟิลด์วัย 23 ปีได้ลงเล่นร่วมกับ ไมเคิล คาร์ริค มากที่สุด ถือว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้จัดคู่นักเตะที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว และส่งเสริมซึ่งกัน และกัน คาร์ริคจะรับบทเป็นตัวเก็บบอล ขณะที่เคลฟเวอร์ลี่ย์จะมีบทบาทในเกมรุกมากกว่า ซึ่งนั่นก็ทำให้เขายิงประตูได้ 2 - 3 ลูกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น แฟนบอลทีมชาติอังกฤษยังรู้สึกว่าการผสมผสานในแดนกลางระหว่างเคลฟเวอร์ลี่ย์กับ แจ็ค วิลเชียร์ นั้นคือการรวมเอา 2 นักเตะพรสวรรค์มาเล่นร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย นี่จะทำให้ รอย ฮ็อดจ์สัน ได้คู่มิดฟิลด์อันยอดเยี่ยมมาใช้งานไปอีกหลายปี รวมถึงในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะมาถึงในปีหน้าด้วย
กลับมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้เคลฟเวอร์ลี่ย์จะมีบทบาทกับทีมมากขึ้น หลังจากที่ พอล สโคลส์ ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไป เขาจะต้องเพิ่มสัญชาตญาณในเกมรุกให้มากขึ้นอีก ซึ่งนั่นจะทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติไปลุยฟุตบอลโลกเป็นที่แน่นอน
http://www.redarmyfc.com/content.php?id=2996