มั่ว จวกยับหมอดูอีทีทายปีหน้าประเทศไทยแผ่นดินไหวใหญ่ ถามกลับใช้ศาสตร์อะไร ย้อนสอนมวยผ่าดวงปีหน้าพม่าเสี่ยงแผ่นดินไหวกว่าไทย ท้าชนซุย ซุย วิน ใช้ศาสตร์จิตสัมผัสแข่งกับโหราศาสตร์ไทยที่ไหนก็ได้ในโลกว่าใครแม่นกว่ากัน…
‘ปีหน้าแผ่นดินจะไหวใหญ่ในประเทศไทย…’ พลันที่คำทำนายลงหราบนหน้าสื่อที่มาจากจิตสัมผัสของ น.ส.ซุย ซุย วิน เจ้าของฉายาหมอดูอีทีชื่อดังชาวพม่าออกมาให้สัมภาษณ์ หลังร่วมพิธีบวงสรวงละครที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของตนเอง ซึ่งจัดขึ้นที่พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าสร้างความตกใจให้กับประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้
นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ โหรชื่อดังที่ได้รับการเชื่อถือมากในวงการ กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ถ้าไม่ดูว่าหมออีทีนั่งทางในทำทายแล้วมาวิเคราะห์แบบตามหาความจริง โดยนำหลักโหราศาสตร์มาจับ คำทำนายนี้น่าจะเกี่ยวโยงกับเรื่องอุปราคาที่เกิดตรงราศีตุลย์ ที่เล็งลัคนาดวงเมืองไทยมันก็อาจจะมีสิทธิ์เกิดแผ่นดินไหวได้ แต่หมอดูอีทีคงลืมดูดวงประเทศตัวเองไปเพราะว่าราศีตุลย์ก็ปกครองพม่า ดังนั้น ลีลาดาวแบบนี้ก็เสี่ยงแผ่นดินไหวพม่ามากกว่าประเทศไทย
“ถ้าเรามองในแง่ดีแล้วเอาศาสตร์ไทยมาวิเคราะห์สิ่งที่เขาบอกนั้น ปีหน้าจะมีอุปราคาเกิดตรงราศีตุลย์ ซึ่งเป็นราศีที่ปกครองประเทศไทยก็จริง แต่ก็ราศีตุลย์ก็ยังปกครองอีกหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศพม่าด้วย และด้วยลีลาดาวแบบนี้ปีหน้าก็เสี่ยงที่จะมีแผ่นดินไหวใหญ่จริง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าแผ่นดินไหวใหญ่น่าจะมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดที่พม่ามากกว่าที่ประเทศไทยแน่นอน”
สุดท้ายยังฝากเตือนไปยังหมอดูอีทีด้วยว่าการออกมาทำนายแบบไม่มีหลัก ไม่มีศาสตร์อะไรในการรองรับแบบนี้มันสุ่มเสี่ยงมาก ถ้าเป็นโหรไทยทำนายนอกจากจะโดนด่าแล้วอาจจะถูกฟ้องร้องได้ด้วย
ขณะที่
นายเก่งกาจ จงใจพระ โหรการเมืองรุ่นเก่าชื่อดัง กล่าวว่าเป็นเรื่องเลอะเทอะ ไม่มีหลัก หรือศาสตร์อะไรที่จะมารองรับคำทำนายหมอดูอีทีได้ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการโปรโมตละคร โปรโมตหมอดูเพราะลงราคาค่าดูอย่างชัดเจน
“พูดเรื่องแผ่นดินไหวตามหลักโหรศาสตร์แล้วมันก็ไหวมาเรื่อยๆ ในย่านอินโดฯ มหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่ 7 ก.ย. เนื่องจากอิทธิพลดาวเสาร์ยกย้าย และอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 10 ธ.ค.เนื่องจากดาวราหูยกอีกดวงจะส่งอิทธิพลแผ่นดินไหวช่วงปลายปีด้วยลีลาดาวแบบนี้ประเทศไทยจะไม่กระทบ เพราะราศีตุลย์เคลื่อนย้ายไปในมหาสมุทรแปซิฟิก ไปฮาวาย ไปอเมริกาแล้ว ดังนั้น คำทำนายแบบนั่งทางในมั่วศาสตร์ ไม่มีหลัก หรือศาสตร์อะไรรองรับ คุณพูดคุณรู้คนเดียว วันไหนหงุดหงิดอารมณ์เปลี่ยนแปลงก็พูดเลอะเทอะตามอารมณ์เครียด วันไหนอารมณ์ดีก็ทายดีๆ”
หมอดูชื่อดังยังสอนมวยนั่งทางในศาสตร์ของหมอดูอีที ด้วยการถอดรหัสโดยใช้โหราศาสตร์อ่านดวงดาวมาเป็นคำทำนายในปีหน้าให้ฟังว่า หลักการดูดวงที่ถูกต้องนั้นต้องอาศัยดูวิถีโคจรของโลกและดวงอาทิตย์ก่อนว่าช่วงนี้โลกอยู่ตำแหน่งไหน แล้วมาผนวกเข้ากับการโคจรของดาวเด่นๆ อีก 6-8 ดวงดังๆ ว่าทำมุมให้คุณหรือว่าให้โทษ
“ยกตัวอย่าง ดาวอังคาร ดาวเสาร์ ดาวราหู ดาวมฤตยู เป็นตัวให้โทษถ้ามีเหตุการณ์ปฏิวัติหรือมีความรุนแรงก็ให้ดู 3 ตัวนี้ที่จะส่งสัญญาณ ส่วนดาวดีได้แก่ ดาวจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวพฤหัส และดาวเกตุ ต้องมาดูว่าเหตุที่เกิดมันจะอยู่ในตำแหน่งไหน แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องนำเอาดวง (คน ดวงเมืองเป็นต้น) ที่จะมาทำนายถอดออกมาอีกว่าเป็นอย่างไร ในกรณีนี้ปีหน้าก็ต้องดูดวงตุลย์ว่ากำลังเคลื่อนย้ายไปอยู่ในทวีปไหน ดาวอยู่ตรงไหนเหตุก็เกิดตรงนั้นแหละ แต่ในกรณีนี้ปีหน้าไม่ได้อยู่ในประเทศไทย”
สุดท้ายโหรการเมืองไทยชื่อดังยังกล่าวท้าทายไปยังหมอดูอีทีใช้ศาสตร์ของตนเอง มาพิสูจน์ความแม่นยำกับศาสตร์ไทยมาดูว่าศาสตร์ไหนของจริงของปลอม
“ผมเป็นโหรมาเป็นสิบๆ ปีทำนายดวงคน หรือดวงเมืองใช้หลักโหราศาสตร์รองรับทุกครั้ง แต่กลับหมอดูประเภทใช้จิตสัมผัส นั่งคิดเรื่องเอาเองไม่รู้ว่าคนไปเชื่อได้อย่างไร สิ่งที่อยากจะฝากไปยังหมอดูอีทีที่นั่งทางในดูดวงเชิญมาพิสูจน์ศาสตร์ของคุณกับของเราที่ไหนก็ได้ว่าใครแม่นกว่ากัน” หมอดูรุ่นเก๋ากล่าวในที่สุด
หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดัง กล่าวว่าส่วนตัวเคารพในคำพยากรณ์ของนักโหราศาสตร์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทายเคารพจรรยาบรรณของหมอ แต่เราคงไม่มาวิเคราะห์เพราะว่ามันเป็นคนละหมอกัน เพราะเขามีศาสตร์เป็นของตัวเองแต่สิ่งที่หมอดูควรมีก็คือการคิดถึงผลกระทบของคำทำนายที่ออกมา ตนเองพูดเสมอว่ามันมีคำพยากรณ์เป็นเอ็นพีแอล ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต
"ถ้าเรายังจำคำทำนายแบบนี้มันก็เหมือนกับเด็กชายปลาบู่เป็นคำทำนายที่เป็นบทเรียนทำให้คนตื่นตระหนก ในครั้งนี้คนทำนายมีประวัติมีชื่อเสียงมาก ความน่าเชื่อถือก็มี แต่ทุกหมอดูมีสิทธิผิดหมด ดังนั้นก็อย่าตกใจให้ฟังอย่างมีสติ ฟังหูไว้หูดีกว่า" หมอช้างกล่าวสรุป
**ประวัติหมอดูอีที**
เธอเป็นหญิงชาวพม่า อายุ 42 ปี ชื่อ อีที (ET) เป็นคำย่อของ อีติ (E Thi) หรือ มะขุ่ย เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก พูดไม่ได้ หลังค่อม นิ้วคด เท้าพลิก มือเกร็ง เชื่อกันว่าเธอสามารถทำนายโชคชะตา ดูดวงบ้าน ดูดวงเมือง ได้แม่นราวกับจับวาง จนทำให้นักการเมืองน้อยใหญ่ทั่วโลกเดินทางไปให้หมอดูทำนายดวงให้ โดยอัตราการดูหมอนั้น คิดค่าบริการครั้งละ 1,000 US แต่ใช่ว่ามีเงินจะได้ดูเพราะว่าต้องต่อคิวยาวหลายเดือนเลยทีเดียว
สำหรับการดูดวงของหมอดูอีทีนั้น เราจะไม่สามารถสื่อสารกับหมอดูได้โดยตรง อย่างที่บอกเธอเป็นใบ้ โดยจะทำนายและให้น้องสาว หรือญาติๆ ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นล่ามอ่านปากอีกที แล้วญาติก็จะเขียนใส่กระดาษให้กับผู้ที่รับการทำนาย ส่วนฐานะการเป็นอยู่ของหมอดูอีทีนั้น อาศัยอยู่ในบ้านธรรมดา เขตติงกานจูน (Thingangyun) รอบนอกกรุงย่างกุ้ง แต่เมื่อเทียบกับคนพม่าแล้วเปรียบว่าครอบครัวของหมอดูอีทีร่ำรวยเหมือนมหาเศรษฐีเลยทีเดียว.
http://www.thairath.co.th/content/life/299041
+++++++++++++++++++++++++++++++++
จาก
http://www.naewna.com/politic/62235
หมออีทีทำนายดวงประเทศไทยไว้ว่า ขณะนี้เป็นจุดต่ำสุดของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมตรี และรมว.กลาโหม คนในประเทศจะมีการต่อสู้กันเองทำให้เกิดความสูญเสีย แต่หลังจากผ่านวิกฤติไปได้ประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านว่าจะให้น้ำหนักความเชื่อไปในทางใด
โหรชื่อดังรุมดีดปาก ‘อีที’ ทาย 'มั่ว' ท้าดวลดูดวง..! ใช้ศาสตร์ใดทำนาย
‘ปีหน้าแผ่นดินจะไหวใหญ่ในประเทศไทย…’ พลันที่คำทำนายลงหราบนหน้าสื่อที่มาจากจิตสัมผัสของ น.ส.ซุย ซุย วิน เจ้าของฉายาหมอดูอีทีชื่อดังชาวพม่าออกมาให้สัมภาษณ์ หลังร่วมพิธีบวงสรวงละครที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของตนเอง ซึ่งจัดขึ้นที่พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าสร้างความตกใจให้กับประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้ นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ โหรชื่อดังที่ได้รับการเชื่อถือมากในวงการ กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ถ้าไม่ดูว่าหมออีทีนั่งทางในทำทายแล้วมาวิเคราะห์แบบตามหาความจริง โดยนำหลักโหราศาสตร์มาจับ คำทำนายนี้น่าจะเกี่ยวโยงกับเรื่องอุปราคาที่เกิดตรงราศีตุลย์ ที่เล็งลัคนาดวงเมืองไทยมันก็อาจจะมีสิทธิ์เกิดแผ่นดินไหวได้ แต่หมอดูอีทีคงลืมดูดวงประเทศตัวเองไปเพราะว่าราศีตุลย์ก็ปกครองพม่า ดังนั้น ลีลาดาวแบบนี้ก็เสี่ยงแผ่นดินไหวพม่ามากกว่าประเทศไทย
“ถ้าเรามองในแง่ดีแล้วเอาศาสตร์ไทยมาวิเคราะห์สิ่งที่เขาบอกนั้น ปีหน้าจะมีอุปราคาเกิดตรงราศีตุลย์ ซึ่งเป็นราศีที่ปกครองประเทศไทยก็จริง แต่ก็ราศีตุลย์ก็ยังปกครองอีกหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศพม่าด้วย และด้วยลีลาดาวแบบนี้ปีหน้าก็เสี่ยงที่จะมีแผ่นดินไหวใหญ่จริง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าแผ่นดินไหวใหญ่น่าจะมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดที่พม่ามากกว่าที่ประเทศไทยแน่นอน”
สุดท้ายยังฝากเตือนไปยังหมอดูอีทีด้วยว่าการออกมาทำนายแบบไม่มีหลัก ไม่มีศาสตร์อะไรในการรองรับแบบนี้มันสุ่มเสี่ยงมาก ถ้าเป็นโหรไทยทำนายนอกจากจะโดนด่าแล้วอาจจะถูกฟ้องร้องได้ด้วย
ขณะที่ นายเก่งกาจ จงใจพระ โหรการเมืองรุ่นเก่าชื่อดัง กล่าวว่าเป็นเรื่องเลอะเทอะ ไม่มีหลัก หรือศาสตร์อะไรที่จะมารองรับคำทำนายหมอดูอีทีได้ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการโปรโมตละคร โปรโมตหมอดูเพราะลงราคาค่าดูอย่างชัดเจน
“พูดเรื่องแผ่นดินไหวตามหลักโหรศาสตร์แล้วมันก็ไหวมาเรื่อยๆ ในย่านอินโดฯ มหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่ 7 ก.ย. เนื่องจากอิทธิพลดาวเสาร์ยกย้าย และอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 10 ธ.ค.เนื่องจากดาวราหูยกอีกดวงจะส่งอิทธิพลแผ่นดินไหวช่วงปลายปีด้วยลีลาดาวแบบนี้ประเทศไทยจะไม่กระทบ เพราะราศีตุลย์เคลื่อนย้ายไปในมหาสมุทรแปซิฟิก ไปฮาวาย ไปอเมริกาแล้ว ดังนั้น คำทำนายแบบนั่งทางในมั่วศาสตร์ ไม่มีหลัก หรือศาสตร์อะไรรองรับ คุณพูดคุณรู้คนเดียว วันไหนหงุดหงิดอารมณ์เปลี่ยนแปลงก็พูดเลอะเทอะตามอารมณ์เครียด วันไหนอารมณ์ดีก็ทายดีๆ”
หมอดูชื่อดังยังสอนมวยนั่งทางในศาสตร์ของหมอดูอีที ด้วยการถอดรหัสโดยใช้โหราศาสตร์อ่านดวงดาวมาเป็นคำทำนายในปีหน้าให้ฟังว่า หลักการดูดวงที่ถูกต้องนั้นต้องอาศัยดูวิถีโคจรของโลกและดวงอาทิตย์ก่อนว่าช่วงนี้โลกอยู่ตำแหน่งไหน แล้วมาผนวกเข้ากับการโคจรของดาวเด่นๆ อีก 6-8 ดวงดังๆ ว่าทำมุมให้คุณหรือว่าให้โทษ
“ยกตัวอย่าง ดาวอังคาร ดาวเสาร์ ดาวราหู ดาวมฤตยู เป็นตัวให้โทษถ้ามีเหตุการณ์ปฏิวัติหรือมีความรุนแรงก็ให้ดู 3 ตัวนี้ที่จะส่งสัญญาณ ส่วนดาวดีได้แก่ ดาวจันทร์ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวพฤหัส และดาวเกตุ ต้องมาดูว่าเหตุที่เกิดมันจะอยู่ในตำแหน่งไหน แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องนำเอาดวง (คน ดวงเมืองเป็นต้น) ที่จะมาทำนายถอดออกมาอีกว่าเป็นอย่างไร ในกรณีนี้ปีหน้าก็ต้องดูดวงตุลย์ว่ากำลังเคลื่อนย้ายไปอยู่ในทวีปไหน ดาวอยู่ตรงไหนเหตุก็เกิดตรงนั้นแหละ แต่ในกรณีนี้ปีหน้าไม่ได้อยู่ในประเทศไทย”
สุดท้ายโหรการเมืองไทยชื่อดังยังกล่าวท้าทายไปยังหมอดูอีทีใช้ศาสตร์ของตนเอง มาพิสูจน์ความแม่นยำกับศาสตร์ไทยมาดูว่าศาสตร์ไหนของจริงของปลอม
“ผมเป็นโหรมาเป็นสิบๆ ปีทำนายดวงคน หรือดวงเมืองใช้หลักโหราศาสตร์รองรับทุกครั้ง แต่กลับหมอดูประเภทใช้จิตสัมผัส นั่งคิดเรื่องเอาเองไม่รู้ว่าคนไปเชื่อได้อย่างไร สิ่งที่อยากจะฝากไปยังหมอดูอีทีที่นั่งทางในดูดวงเชิญมาพิสูจน์ศาสตร์ของคุณกับของเราที่ไหนก็ได้ว่าใครแม่นกว่ากัน” หมอดูรุ่นเก๋ากล่าวในที่สุด
หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดัง กล่าวว่าส่วนตัวเคารพในคำพยากรณ์ของนักโหราศาสตร์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทายเคารพจรรยาบรรณของหมอ แต่เราคงไม่มาวิเคราะห์เพราะว่ามันเป็นคนละหมอกัน เพราะเขามีศาสตร์เป็นของตัวเองแต่สิ่งที่หมอดูควรมีก็คือการคิดถึงผลกระทบของคำทำนายที่ออกมา ตนเองพูดเสมอว่ามันมีคำพยากรณ์เป็นเอ็นพีแอล ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต
"ถ้าเรายังจำคำทำนายแบบนี้มันก็เหมือนกับเด็กชายปลาบู่เป็นคำทำนายที่เป็นบทเรียนทำให้คนตื่นตระหนก ในครั้งนี้คนทำนายมีประวัติมีชื่อเสียงมาก ความน่าเชื่อถือก็มี แต่ทุกหมอดูมีสิทธิผิดหมด ดังนั้นก็อย่าตกใจให้ฟังอย่างมีสติ ฟังหูไว้หูดีกว่า" หมอช้างกล่าวสรุป
**ประวัติหมอดูอีที**
เธอเป็นหญิงชาวพม่า อายุ 42 ปี ชื่อ อีที (ET) เป็นคำย่อของ อีติ (E Thi) หรือ มะขุ่ย เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก พูดไม่ได้ หลังค่อม นิ้วคด เท้าพลิก มือเกร็ง เชื่อกันว่าเธอสามารถทำนายโชคชะตา ดูดวงบ้าน ดูดวงเมือง ได้แม่นราวกับจับวาง จนทำให้นักการเมืองน้อยใหญ่ทั่วโลกเดินทางไปให้หมอดูทำนายดวงให้ โดยอัตราการดูหมอนั้น คิดค่าบริการครั้งละ 1,000 US แต่ใช่ว่ามีเงินจะได้ดูเพราะว่าต้องต่อคิวยาวหลายเดือนเลยทีเดียว
สำหรับการดูดวงของหมอดูอีทีนั้น เราจะไม่สามารถสื่อสารกับหมอดูได้โดยตรง อย่างที่บอกเธอเป็นใบ้ โดยจะทำนายและให้น้องสาว หรือญาติๆ ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นล่ามอ่านปากอีกที แล้วญาติก็จะเขียนใส่กระดาษให้กับผู้ที่รับการทำนาย ส่วนฐานะการเป็นอยู่ของหมอดูอีทีนั้น อาศัยอยู่ในบ้านธรรมดา เขตติงกานจูน (Thingangyun) รอบนอกกรุงย่างกุ้ง แต่เมื่อเทียบกับคนพม่าแล้วเปรียบว่าครอบครัวของหมอดูอีทีร่ำรวยเหมือนมหาเศรษฐีเลยทีเดียว.
http://www.thairath.co.th/content/life/299041
+++++++++++++++++++++++++++++++++
จาก http://www.naewna.com/politic/62235
หมออีทีทำนายดวงประเทศไทยไว้ว่า ขณะนี้เป็นจุดต่ำสุดของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมตรี และรมว.กลาโหม คนในประเทศจะมีการต่อสู้กันเองทำให้เกิดความสูญเสีย แต่หลังจากผ่านวิกฤติไปได้ประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านว่าจะให้น้ำหนักความเชื่อไปในทางใด