“ยิ่งยง ยอดบัวงาม” โต้เรื่องทิ้งลูกสาว เผยเกลียดลูกเขยฝรั่งซ้อมลูกสาวปางตาย พร้อมขอโทษที่ปิดบังเรื่องมีลูกเมียแล้ว

“ยิ่งยง ยอดบัวงาม” ยืนยันไม่ได้ทิ้งลูก ชี้แจงเป็นหนังคนละม้วน ลูกสาวหนีออกจากบ้านและไปมีสามี ตนจึงไม่ได้ดูแลเหมือนเดิม พร้อมรับเกลียดลูกเขยฝรั่งที่ซ้อมลูกสาวตนจนปางตาย แถมทำแสบเอาเบอร์ภรรยาตนไปโพสต์ว่าเป็นหญิงสาวขายบริการ ลั่นถ้ายังอยู่กินกับหนุ่มฝรั่งคนนี้ก็ไม่อยากเลี้ยงดู ก่อนขอโทษแฟนเพลงที่ปิดบังเรื่องมีลูกมีเมียแล้ว

       
       หลังที่ก่อนหน้านี้มีสาวพิการนามว่า “พรศิริ บัวงาม” หรือ “น้ำฝน” วัย 24 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านใน อ.ยางตลาด กาฬสินธุ์ ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อว่าเป็นลูกสาวของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” แต่ถูกทอดทิ้ง โดยเผยว่าก่อนหน้านี้พ่อเคยโทรศัพท์มาถามไถ่อาการ เนื่องจากร่างกายตนไม่แข็งแรง สมองสั่งการช้า เพราะถูกอดีตสามีชาวต่างชาติทำร้าย ทั้งยังบอกด้วยว่ายิ่งยงสัญญาว่าหลังปีใหม่ที่ผ่านมาจะมารับตนไปอยู่ด้วยกัน แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้รับการติดต่อมา ติดต่อพ่อไม่ได้ โทร.ไปก็เจอแต่ผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนรับสาย ตอนนี้ตนลำบากมาก เพราะทำงานไม่ได้ แต่ต้องเลี้ยงดูลูกอีก 2 คน ประกอบกับแม่ของตนก็ป่วย


       ล่าสุด ยิ่งยง  ยอดบัวงาม ได้มาเปิดเผยในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ที่สตูดิโอสตาร์แม็กซ์ อาร์เอส ลาดพร้าว 15 ถึงประเด็นที่เกิดขึ้น พร้อมยอมรับว่าสาวพิการคนดังกล่าวเป็นลูกของตนที่เกิดกับภรรยาเก่า แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยทอดทิ้ง พร้อมบอกมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้น
       

       “น้องน้ำฝนคือลูกสาวของผมแท้ๆ ซึ่งเป็นลูกกับแฟนเก่า เมื่อตอนน้องเรียน ป.4 ตัวเราเองก็ได้แยกกับแม่น้องไป แล้วเราก็ได้ทำเรื่องฟ้องร้องต่อศาลเด็ก และก็ได้ลูกสาวมาเลี้ยงดูมาอยู่ด้วย พอผมขึ้นศาลศาลก็จะถามผมว่าจะเอาลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย เพราะต้องแบ่งลูกกัน ผมก็บอกว่าอยากได้ลูกผู้หญิง เขาก็ถามว่าทำไมผมต้องการดึงลูกสาวมาเลี้ยงเอง และก็อยากจะให้ลูกถูกกระทำชำเรา เพราะว่าถ้าวันหนึ่งแม่เขามีสามีใหม่ และถ้าเกิดผมมีภรรยาใหม่อย่างน้อยแม่เลี้ยงก็คงจะตีคงไม่ทำอะไรล่วงเกินมากไปกว่านั้น ศาลก็ถามเด็ก 3 ครั้งว่าอยู่กับใคร เขาก็บอกว่าอยู่กับผมทั้ง 3 ครั้ง”
       

       “ผมก็เลี้ยงดูลูกมาตลอดเวลา ตั้งแต่เรียน ป.4 จนถึง ม.6 เทอมสุดท้าย เขาก็เริ่มที่จะหนีออกจากบ้าน น้ำฝนเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก และผมหวังกับเขาไว้มากว่าวันหนึ่งเขาจะต้องเรียนที่ดีกว่านี้ เก่งกว่านี้ มีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นเยอะ ผมก็เลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นหมอได้ แต่หลังจากนั้นน้องหนีไป ครั้งแรกผมก็ให้กลับมาให้อภัยเขา เพราะว่าครั้งแรกเขาก็คงจะติดเพื่อน หนีไปอยู่กับเพื่อน ครั้งที่สองก็ไปอีก ก็เลยคุยกันว่าทำไมถึงติดเพื่อน เรียนให้จบ ม.6 ดีไหมแล้วค่อยไป ลูกก็กลับมา”
       

       “พอครั้งที่ 3 ผมโกรธมาก ผมเจ็บ เจ็บมาก ทำไมลูกไม่เชื่อผม ทำไมลูกไม่ตั้งใจเรียน เขาก็หนีไปและก็ไม่ติดต่อมา ถามว่าผมตีหรือเปล่าเขาเลยหนี ผมไม่ได้ตีไม่ได้อะไร เพราะว่าผมเป็นคนไม่ตีลูกอยู่แล้ว ไม่ทำอะไรลูกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสอนเขาให้เป็นคนดี สอนลูกตลอดว่าลูกต้องมีอนาคตที่ดี ต้องตั้งใจเรียน เรียนจบก่อนแล้วจะไปไหนก็ไปไม่ได้ว่าอะไรเลย หลังจากนั้นก็ได้ยินข่าวว่าเขาไปอยู่กับแม่เขา เราก็เลยไม่ได้ตาม ไม่เป็นไรในเมื่อเขาไม่อยากอยู่กับเรา เราก็ปล่อยให้เขาไปไม่เป็นไร”
       

       เผยตอนลูกหนีออกจากบ้านไปมีแฟน ตนก็เลยไม่ได้ส่งเสียเหมือนเดิม แต่ถ้าลูกขออะไรตนก็ให้
       “เรื่องส่งเสียคือเขาไปมีแฟน เขาโตแล้วเขาต้องการมีแฟน เราก็เลยบอกโอเคในเมื่อลูกมีแฟนแล้วก็ต่างคนต่างอยู่ก็ได้ อยากจะมีแฟนก็คือออกเรือนไปแล้ว ก็ไม่ต้องไปรับผิดชอบอะไรมาก แต่ถ้าลูกมีปัญหาและเดือดร้อนเรื่องเงินพ่อก็ยินดีส่งให้นะ เขาก็ติดต่อมาขอเงินบ้างอะไรบ้างเราก็ต้องให้ลูก”

       
       ส่วนที่ทางลูกสาวออกมาบอกว่า “ยิ่งยง ยอดบัวงาม”  พูดว่าจะรับลูกให้มาอยู่ด้วยตั้งแต่ปีใหม่ แต่สุดท้าย ก็ยังไม่เห็นจะติดต่อมานั้น  ....


       “อันนี้ที่หลังแล้วครับ ตอนหลังที่น้องมีแฟนเป็นฝรั่งคนต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็ไปถ่ายละครที่ชลบุรี ก็มีฝรั่งคนหนึ่งมาคุยกับผมว่าเป็นตาของหลานแล้วนะ ผมก็บอกคือใครอะไร เขาก็บอกว่าเขาเป็นแฟนของลูกผม เป็นฝรั่งอยู่อังกฤษ ผมก็บอกว่าเหรอ ผมก็บอกว่าก็โอเคแล้วนี่ ก็ดีแล้ว เขาก็บอกว่าเขาต้องการพบคุณ เราก็บอกว่าต้องคุยกันก่อนก็คุยกับแฟน แต่ผมโกรธมาก ไม่ยอมให้เข้ามาหรอก แต่ในเมื่อลูกมาขอโทษขออภัยเราก็น่าจะให้อภัยเขา เขาก็เอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบขอโทษ บอกว่าทำผิดไปแล้ว ขอโทษเสร็จตอนเย็นผมก็ขับรถไปดูบ้านที่เขาอยู่”

       
       “ซึ่งก็ได้ไปถามว่าแฟนทำอาชีพอะไร เขาก็บอกว่าเป็นอาจารย์ อยู่ที่แถวๆร่มเกล้า ผมก็ไปดูที่บ้านพักเขา ก็คือไม่มีอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็นทีวีอะไร ห้องก็ไม่ได้สะอาดก็เลยคุยกับลูกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะเอาทีวีตู้เย็น มอเตอร์ไซค์มาให้เขาขับไปสอนหนังสือได้ โดยที่ไม่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็อยู่ไปประมาณเดือนสองเดือน เขาก็บอกว่าโรงเรียนไล่เขาออกจากงานที่โรงเรียนแล้ว แต่มีปัญหาอะไรผมไม่ทราบนะ เพราะว่าผมไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งอะไรเท่าไหร่”
       

       “หลังจากนั้นก็คุยกับแฟนว่าลูกสาวโทรมาบอกว่ามีปัญหา เอายังไงดี เขาก็เลยบอกว่าให้มาอยู่ที่บ้าน พอมาอยู่ที่บ้านนี่แหละ แรกๆ ก็ดี หลังๆ ก็เริ่มที่จะทำร้ายร่างกายลูกเรา เตะต่อยตีกัน ทะเลาะกันคือผัวเมียตีกันทะเลาะกัน ถามว่าเราเจ็บไหม เราก็เจ็บ แต่เราทำอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ลูกรัก เราไม่อยากไปยุ่งกับเขามาก ผมก็เรียกฝรั่งมาคุยนะว่าอย่ามาทำแบบนี้นะ พ่อไม่ชอบทำแบบนี้มันผิดมาก เขาถือมาก อยู่ในบ้านจะมาทะเลาะกันทำไม เขาก็บอกว่าเขาก็ทะเลาะกันเป็นแบบนี้แหละ ผมก็บอกว่า อ้าวเหรอ แต่เรารับไม่ได้ มันมีปัญหาจนทุกคนในบ้านรับฝรั่งคนนี้ไม่ได้”
       


       บอกพอแฟนหนุ่มของลูกสาวถูกไล่ออกจากโรงเรียน ก็คิดจะเปิดเป็นห้องเรียนภาษา แต่อยู่ดีๆ ลูกเขยฝรั่งก็เดินมาบอกว่าได้เลิกรากับลูกสาวแล้ว

       “ก็คือคุยกันไปคุยกันมา ลูกสาวกับฝรั่งเขาก็คืนดีกัน ผมก็เลยบอกว่าถ้าแบบนั้นโดนไล่ออกมาก็มาทำในบริเวณบ้าน มาทำเป็นโรงเรียนสอนเป็นห้องเรียนสอนไปจะได้เป็นอาชีพไป ตกลงว่าจะทำวันนี้นะ พอพรุ่งนี้อยู่ๆ ตอนเย็นก็เดินมาบอกว่าไอไม่เอาบ้านแล้วจะเลิกกับฝน ผมก็บอกว่าอ้าวทำไม เขาก็บอกอยู่ไม่ได้จะกลับอังกฤษ แล้วก็เอาลูกมาฝากบอกว่าฝากด้วยนะไม่ต้องให้ฝนมันดู พอเลิกกันก็แยกลูกสาวไปอยู่บ้านน้องชาย เพราะกลัวอันตราย หลังจากนั้นเขาก็ไปอยู่ประเทศเขา เขาก็ส่งข้อความมาหาผม มาใส่ร้ายป้ายสีผม แล้วก็เอารูปภรรยาผมไปโพสต์ว่าเป็นผู้หญิงขายบริการ ใครๆ ก็โทรมาหาภรรยาผมหมด ฝรั่งก็โทรนั่นคือเป็นสิ่งที่เลวร้ายในครอบครัวของน้ำฝน”

       

        พร้อมแจงลั่นเรื่องจริงๆ มันซับซ้อนกว่าที่ลูกสาวออกมาให้ข่าวแบบนี้

       “เรื่องมันซับซ้อนมากกว่าที่เขาออกมาพูดแบบนี้ แต่มันมีอีกเรื่องหนึ่งอยู่ๆ เขาบอกว่าเขาอยากไปเที่ยวภูเก็ต ผมเข้าใจว่าลูกต้องติดต่อกับสามีอยู่ตลอดไปเที่ยวภูเก็ต เขาก็ข้อความมาว่าคุณพ่อหนูอยู่อพาร์ตเมนต์กับเพื่อนๆ นะ เที่ยวภูเก็ตเราก็บอกว่าดูแลตัวเองดีๆ นะ แต่พออยู่วันสองวันฝรั่งก็โทร.มาหาแฟนผม แล้วมันก็หัวเราะดังเลย แล้วบอกว่ามันอยู่กับฝนที่ภูเก็ต เราก็อ้าวทำไมล่ะ ทำไมล่ะไหนบอกเลิกกันแล้วไง ทีนี้เราก็เลยในเมื่อเราไม่พอใจไม่ชอบลูกเขยคนนี้ ผมบอกว่าถ้าเป็นคนๆ นี้ ผมไม่เอาแล้วนะ ทุกคนในครอบครัวเดือนร้อนมากเพราะเขา ก็เลยปล่อยให้เขาไป เราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอีกเลย”
       

       “จากนั้นมีคนที่ อ.เถิน จังหวัดลำปาง โทร.มาหาภรรยาผม ถามว่าใช่แม่น้องน้ำฝนไหม เขาก็บอกว่าใช่ ตอนนี้น้องน้ำฝนสลบอยู่ในบ้านสองวันแล้ว ยังไม่ฟื้นเลย เขาบอกทำไมเป็นอะไร เขาบอกสามีฝรั่งตีเตะจนสลบ ผมเลยบอก เฮ้ย อย่างนั้นจัดการเลยแฟนก็ขับรถไปเลยไปลำปางเลย เพราะว่าโรงพยาบาลที่เถินไม่รับ ก็ไปอยู่ที่โรงพยาบาลผมก็ไป แต่ผมไม่ได้ลงไป เพราะว่าผมเกลียดไอ้คนนั้นมาก เพราะถ้าผมลงไปผมอาจจะทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็เลยให้แม่เขาไปดูแล และเขาอยู่โรงพยาบาลเดือนหนึ่งถึงจะฟื้น เพราะสภาพตอนนั้นน้ำฝนบอบช้ำมาก ผมถึงบอกผมเจ็บไง มาเจ็บวันที่เขาหนีไม่พอ ยังต้องมาเจ็บวันที่เขาโดนทำร้าย”

       
       “พอเขาดีขึ้นก็ให้แม่ของฝนเขามารับตัวไปกายภาพบำบัด และที่รับปากว่าปีใหม่คุณพ่อจะมารับไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ นะโทรศัพท์คุยกัน พอผมโทร.ไปปีใหม่เขาก็บอกว่าฝนอยู่กับฝรั่งคนเดิม ซึ่งตอนนั้นฝรั่งคนนี้แม่เขาก็ได้แจ้งความกับตำรวจไว้หมดแล้ว ขึ้นโรงขึ้นศาลหมดแล้ว พอฝรั่งเขากล่อมให้ฝนมาอยู่กับเขาได้ เขาก็ให้ฝนไปถอนฟ้องทั้งหมด พอเขาถอนฟ้องทั้งหมดเขาก็เลิก พอเลิกเขาก็มาลงหนังสือว่าผมไม่ได้ดูแลเขา ไม่ได้ดูแลลูก”

       
         บอกหลังจากที่มีข่าวเกิดขึ้น ตนเองยังไม่ได้คุยกับลูกสาวเลย

       “ยังไม่ได้คุยกันเลยครับ เพราะว่าผมยังที่จะต้องทำงานด้วย แล้วก็ต้องวิ่งไปนู้นวิ่งไปนี้ด้วย จริงๆ ถ้าจะคุยกันก็จะคุยกันเยอะ พูดตรงนี้เลยว่าถ้าลูกจะทำอะไร อยากจะทำอาชีพอะไรมาคุยกันที่บ้าน อย่าขออะไรผ่านสื่อ มันเหมือนมากดดันเรา เราทำงานทุกวัน เราก็ไม่ได้ทำไว้ให้ตัวเอง เราก็ทำไว้ให้ลูกนี่แหละ เพราะฉะนั้นลูกจะทำอะไรจะเอาอะไรให้ลูกมาคุยกันที่บ้าน โทรศัพท์ก็มี บ้านก็เคยมาอยู่ทำไมลูกบอกว่าพ่อไม่รับผิดชอบ ก็อยากจะบอกตรงนี้ว่าผมพร้อมที่จะรับลูกดูแลลูก เพียงแต่ขอให้ลูกมาที่บ้าน มาคุยกัน แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาเลิกกับฝรั่งเด็ดขาดหรือยัง แต่ผมบอกไว้แล้วว่าถ้าเกิดมากับฝรั่งคนนี้ก็อย่ามา ผมรับไม่ได้ ถ้าจะมาต้องเลิกกับฝรั่งคนนั้น แต่ผมก็ยังจะดูแลลูกต่อไป”

       
       “คืออาจจะคุยกันได้แค่โทรศัพท์แต่อย่ามา แต่ตัวเขามาคนเดียวได้ไม่เป็นไร แต่อย่าเอาผู้ชายคนนั้นเข้ามา แต่ผมคิดว่าจากนี้จะเรียกลูกมาคุยว่าจะเอายังไงจำทำอะไร ถ้าเกิดลูกอยากได้อะไรเล็กๆ ร้านเล็กๆ ทำไมผมจะทำให้ไม่ได้ และที่สำคัญคือลูกออกเรือนไปแล้วอายุไม่น้อยแล้ว 24 แล้ว ออกเรือนไปเพราะคนไทยถือว่าไม่ได้ว่าอะไรกันตรงนี้ ผมรับเขาไม่ได้จริงๆ เขาบอกว่าผมเป็นศัตรูหมายเลยหนึ่งของเขา เพราะเขาหาว่าผมไปแยกครอบครัวเขา ทั้งๆ ที่บอกเองว่าจะเลิกกัน พอจะเลิกกันบอกว่าผมเป็นคนที่เลวร้ายที่สุด ไปทำลายครอบครัวเขา บอกเตรียมเลย เตรียมมาต่อยกับเขา”


       
       อยากให้เรื่องจบแบบทุกอย่างดีหมด

       “ก็อยากให้จบแบบดีทุกอย่างลูกก็ดี เป็นลูกกันมันตัดกันไม่ขาดหรอก ลูกตัดพ่อได้ตัดแม่ได้ ทิ้งพ่อทิ้งแม่ได้ แต่พ่อแม่ทิ้งลูกไม่ได้หรอก มันเป็นสายเลือดเหมือนกับหยิกเล็บเจ็บเนื้อ ลูกมันก็ลูกของเราทุกคนแหละ เรามีเลือดเนื้ออยู่ได้ถึงทุกวันนี้ก็พ่อแม่ของเรานี้แหละ (ถ้าลูกยังไม่เลิกคบกับฝรั่งคนเดิมยังจะเลี้ยงดูลูกอีกไหม?) ก็คงต้องมานั่งคุยกัน แต่ลูกออกเรือนไปแล้ว เขาก็ต้องเป็นคนดูแล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมาคุยกัน แต่ถ้าเป็นคนเดิมไม่เอาไม่ต้องมา ถ้าเป็นคนอื่นก็ดูอีกทีว่าจะเป็นยังไง”
       


        ยืนยันข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับตน

       “ไม่มีผลกระทบอะไรเลย มีแต่คนบอกว่า ดีด้วยซ้ำไป ที่ผมมีโอกาสได้บอกว่าผมไม่ได้ทิ้งลูก และก็ไม่ได้ละเลยในความรับผิดชอบ ลูกชายของผม (วุฒิไกร บัวงาม) ก็อยู่กับผม และ ผมกำลังทำเพลงให้ เขาอยากจะเป็นนักร้องผมก็ทำให้ แต่คือผมเองก็ต้องขอโทษแฟนๆเพลง ด้วย คือจริงๆแล้ว ผมไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรว่า ผมมีแฟนผมมีลูกแล้ว คนในวงการบันเทิงก็รู้จักกันหมด เพราะผมก็พาเค้าไปไหนต่อไหนด้วย เพียงแต่ว่าผมไม่ได้มาออกมาบอกสื่อเท่านั้นเอง ว่านี่เมียผมนี่ลูกผมนะ”






              http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093924
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่