ขอความช่วยเหลือด่วนค่ะ ฟ้องร้องสินสมรสให้ลูกๆ เพราะสามีหย่าขาดไปอยู่กินกับภรรยาใหม่

ดิฉันเรียนขอคำปรึกษาการฟ้องร้องสิทธิในทรัพย์สินกรณีสินสมรสค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่าน้าสาวของดิฉันแต่งงานกับสามีมาเกือบ 15 ปีค่ะ โดยจดทะเบียนสมรสตามหลักศาสนาอิสลาม (ทั้งคู่มีภูมิลำเนาอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และนับถือศาสนาอิสลาม) โดยมีบุตรด้วยกันทั้งหมดสามคน คนโตผู้หญิงอายุ 13 ปี คนรองและคนเล็กเป็นชายทั้งคู่อายุ 11 และ 7 ปีตามลำดับ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันก็ลำบากด้วยกัน น้าของดิฉันทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งสามคน ส่วนสามีทำงานนอกบ้าน แต่ในช่วงสามีตกงานอยู่หลายปีเป็นช่วงที่ลำบากกันมาก ก็ได้แต่ช่วยกันทำขนมขายกับสามีและมีลูกๆ เป็นลูกมือช่วยในงานเล็กๆ น้อยๆ พอมีกินมีใช้ในแต่ละวัน

จนมาเมื่อประมาณสองปีก่อนที่พอจะลืมตาอ้าปากได้ สภาพคล่องในบ้านดีขึ้นพอที่จะมีเงินไปซื้อบ้าน (ก่อนหน้านี้เช่าบ้านอยู่ค่ะ) อยู่มาไม่นานตัวสามีก็ดันไปติดพันผู้หญิงใหม่ (โคโยตี้) น้าดิฉันรู้ทั้งรู้ก็ต้องทนทั้งน้ำตาเพราะเห็นแก่ลูกๆ ที่ยังเล็กรวมทั้งตัวเองก็ไม่ได้ทำงานมาหลายปีก็ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน ที่สำคัญสามีดันให้ความหวังว่าก็แค่หลงไปกับของเล่นใหม่ยังไงก็ยังรักครอบครัวรักลูกเหมือนเดิม สภาพที่เป็นอยู่ตลอดสองปีที่ผ่านมาคือต้องหวานอมขมกลืนมาตลอด จนท้ายที่สุดคือฝ่ายสามีกำลังจะมีลูกกับเมียน้อยเลยตัดสินใจมาหย่าขาดจากน้าของดิฉันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

น้าดิฉันก็ยอมหย่าให้ค่ะเพราะไม่อยากต้องทนอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไปเพียงแต่ขอให้ทางสามีเซ็นมอบโอนบ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบันนี้กับลูกๆ ทั้งสามคนให้เป็นของลูกสาวคนโต (ปัจจุบันอายุ 13 ปีค่ะ เรียนอยู่ชั้น ม.1) ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นหลักประกันในอนาคตให้กับเด็กๆ ว่าอย่างน้อยก็มีบ้านอยู่ ส่วนน้าดิฉันก็ตั้งใจจะออกหางานทำนอกบ้านเพื่อมาจุนเจือเลี้ยงดูครอบครัวที่เหลือแต่แม่เป็นเสาหลักเสาเดียวเพราะจะหวังพึ่งพารายได้จากอดีตสามีคงไม่ได้อีกแล้ว

สำหรับเด็กทั้งสามคน เรื่องที่จะยกลูกๆ ให้อยู่ในความดูแลของอดีตสามี เธอก็ไม่ยอมค่ะเพราะเธอแน่ใจว่าไม่มีใครรักและเลี้ยงดูอบรมลูกๆ ของเธอได้ดีกว่าตัวเธอเอง แต่กลับกลายเป็นว่าทางฝ่ายอดีตสามีไม่ยอมยกสินสมรสใดๆ ให้เธอค่ะ ให้เธอไปแต่ตัว (ทั้งที่อดีตสามีรู้เต็มอกว่าเธอต้องเลี้ยงดูลูกๆ ของเขาด้วย) ตะคอกใส่หน้าต่อหน้าพยานตอนเซ็นหย่า (ตามหลักอิสลาม) ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมยกอะไรให้โดยตัวเองก็มีบ้านอยู่อีกหลังกับภรรยาใหม่ไปแล้ว (และกำลังจะมีลูกในอนาคตนี้)

น้าของดิฉันเรียนมาน้อยค่ะ หวังอยู่ลึกๆว่าสามีอาจยังพอมีน้ำใจเห็นแก่ลูกๆ อย่างน้อยคงจะยอมยกบ้านหลังนี้ให้ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์อะไรหรือเธอเองก็ไม่เคยเรียกร้องในทรัพย์สมบัติใดๆ ที่ได้มาหลังจากแต่งงานโดยเฉพาะในช่วงท้ายของชีวิตสมรส ที่สำคัญใจจริงของเธอไม่ได้ต้องการให้สามีมาส่งเสียอีกต่อไปเพียงแต่หวังอยากได้บ้านหลังที่อยู่นี้เก็บไว้ให้ลูกๆ ทั้งสามคนเพราะเชื่อแน่ว่าในอนาคตอดีตสามีก็จะไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกๆ ของเธออีกเลย แต่กลับกลายเป็นว่าฝ่ายชายเห็นแก่ตัวขนาดหนักถึงกับประกาศใส่หน้าเธอว่าอย่ามาหวังได้อะไรจากเขา
ดิฉันจึงหวังจะขอความช่วยเหลือจากทุกท่านในที่นี่ช่วยให้คำปรึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการเรียกร้องสิทธิ์ที่เธอและลูกๆ พึงจะมีค่ะ ตัวดิฉันเองไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับเรื่องนี้เพราะอาศัยอยู่ต่างประเทศแต่ถ้าจะปล่อยให้เรื่องผ่านเลยไปโดยไม่คิดสู้เพื่อสักอย่าง ดิฉันก็คงเสียใจมากๆ หากไม่ได้คิดช่วยเหลืออะไร ณ เวลานี้สิ่งที่พอทำได้คือเขียนเล่าเรื่องราวเพื่อขอคำแนะนำจากทุกท่านค่ะ

ดิฉันขอเรียนปรึกษาผู้รู้ทางกฏหมายดังนี้ค่ะ

1. น้าดิฉันมีสิทธิ์เรียกร้องตามกฏหมายให้อดีตสามีของน้าเซ็นโอนบ้านให้เป็นของลูกสาวโตหรือลูกทั้งสามคนหรือไม่ เพราะเธอจดทะเบียนสมรสตามหลักกฏหมายอิสลามที่ใช้กันอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่งงานอยู่กินด้วยกันมาเกือบ 15 ปีโดยไม่มีทะเบียนสมรสหลักตามกฎหมายทั่วไป น้าของดิฉันได้เลิกกับสามีไปเพื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ เธอยังพอมีโอกาสที่จะเรียกร้องสิทธิในบ้านที่พักอาศัยหรือไม่ (อดีตสามีมีบ้านอยู่อีกหลังอยู่แล้ว)

จุดประสงค์คือน้าดิฉันต้องการเรียกร้องเพียงสิทธิโดยเด็ดขาดในตัวบ้านเพื่อใช้อาศัยอยู่ตลอดไปค่ะ ไม่มีความตั้งใจใดๆ ที่จะขายทิ้งภายหลังเพราะเธอคิดว่าหากมีบ้านอยู่อย่างน้อยก็ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ

2.       ในกรณีการฟ้องร้องนั้น มีขั้นตอนอย่างไรบ้างคะ

3.       ในกรณีที่ต้องติดต่อทนาย มีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่คะ (ในกรณีที่พอมีหวังเราต้องการให้ทนายเป็นธุระติดต่อกับทางอดีตสามีเพราะคิดว่าน่าจะได้ผลกว่าให้น้าติดต่อไปเองรวมทั้งเพื่อร่างสัญญาอย่างครอบคลุมเพื่อมอบบ้านให้เป็นสิทธิ์ขาดของลูกๆ ค่ะ)



ดิฉันกำลังรอทุกความเห็นจากท่าน

ขอขอบคุณทุกๆ ท่านล่วงหน้าในทุกคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และแนวทางในการดำเนินการเรียกร้องสิทธิ์ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่