ที่มา
http://rsnstock.wordpress.com/2013/01/25/homeless-billionaire-มหาเศรษฐีผู้ไม่มีบ้/
‘Whatever I own is only temporary , since we’re only here for a short period of time. It’s our actions that have real value’
- Nicolas Berggruen
ผู้ชายในรูปและเจ้าของประโยคข้างบนนี้ ชื่อว่า นาย Nicolas Berggruen ปัจจุบันอายุ 52 ปี มีฐานะร่ำรวยระดับเศรษฐีพันล้าน ($2.3 billion จากการประเมินของ Forbes) โดยมาจากการทำธุรกิจการลงทุน แต่สิ่งที่ทำให้ เค้าน่าสนใจไม่ใช่ความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นวิถีชีวิตของชายคนนี้ ซึ่งทางสื่อต่างประเทศเรียกว่าเป็น “Homeless Billonaire” เพราะว่า Berggruen ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ไม่มีบ้านที่เป็นชื่อของตัวเอง ไม่มีนาฬิากา และรถยนต์ แต่สิ่งที่เค้าครอบครองก็คือ iPhone และเครื่องบิน Jet ส่วนตัว สำหรับเดินทางไปส่วนต่างๆ ของโลก และพักอาศัยอยู่ที่โรงแรม 5 ดาว ซึ่ง Berggruen ให้เหตุผลว่า ได้ขายบ้าน และรถยนต์ส่วนตัวไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เนื่องจากไม่ต้องการถูกผูกมัดด้วยวัตถุ และนอกจากนั้น เค้ายังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีครอบครัวด้วย ลองมาดูประวัติคร่าวๆของชายคนนี้กัน
Nicolas Berggruen เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1961 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวเชื้อสาย ยิว-เยอรมัน ที่มีฐานะ โดยพ่อของเค้าเป็น นายหน้าซื้อขายรูปภาพชื่อดัง ตัว Berggruen เรียนจบที่ NYU ก็ได้เข้ทำงานกับบริษัทด้านการลงทุน และได้เปิดบริษัทด้านการลงทุน ที่ New York เพื่อรับบริหารเงินลงทุนในกับนักลงทุน แต่สุดท้ายก็ดูแลเงินลงทุนให้กับครอบครัวเค้าแต่เพียงอย่างเดียว โดยใช้ชื่อว่า Berggruen Holdings ซึ่งเริ่มลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ และได้ขยายการลงทุนมาใน ตลาดหุัน พันธบัตร และ Venture Capital Private Equity รวมไปถึง Hedge Fund ซึ่งบริษัท Berggruen Holdings นั้นเอง ที่เป็นจุดสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเค้าเองจนมีฐานะเป็น เศรษฐีพันล้านขึ้นมา การลงทุนที่มีชื่อของบริษัทก็เช่น ในปี 2012 ได้ลงทุนใน บริษัท Berger King เป็นเงินประมาณ $1 billion
ชีวิตส่วนตัวของ Nicolas นั้นเป็นหนุ่มสังคม ที่ชอบงานปาร์ตี้ และออกเดทกับดาราสาวสวย ไม่ซ้ำหน้า แต่ในปี 2000 เค้าก็ได้ตัดสินใจ ขายคอนโดหรูที่ New York และเกาะส่วนตัวที่ Miami รวมทั้งรถยนต์ และของสะสมทั้งหลาย ทิ้งไป และใช้ชีวิตอยู่ตามโรงแรม และเดินทางทำธุรกิจด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว โดย Nicolas ได้ให้เหตุผลว่า การเป็นอิสระจาก ทรัพย์สินทั้งหลาย ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น การครอบครองสิ่งต่างๆ เพื่อแสดงความมั่งคั่งของตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่ได้ดึงดูดใจเค้า การครอบครองเป็นเรื่องชั่วคราวเพราะวันนึงเราก็ต้องจากไป การกระทำต่างหากที่จะคงอยู่ตลอดไป และ Nicolas ยังได้ร่วมลงนาม ที่จะบริจาคทรัพย์สินมากกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเองแก่การกุศล กับโครงการของ Bill Gates และ Warren Buffett อีกด้วย
ปัจจุบัน Nicolas ก็ยังเป็นนักธุรกิจ นักลงทุนอยู่ และออกเดทกับสาวสวยอยู่เหมือนเดิม แต่ลดการออกงานลง และเค้าได้พยายามผลักดันแนวคิดทางการเมืองเชิงปฎิรูปของตนเองออกไป โดยในปี 2010 เค้าได้ตั้งองค์กรขึ้นมา เพื่อที่จะพยายามผลักดัน แนวคิดทางการเมืองแบบปฎิรูป สู่สังคมโลกตะวันตก ซึ่ง Nicolas ให้ความเห็นว่า จะเป็นแนวทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างในทุกวันนี้ หลักคร่าวๆก็คือ ระบบการเมืองแบบปัจจุบัน ทำให้นักการเมือง สนใจในเรื่องการได้รับเลือกตั้งมากเกินไป ทำให้มีแต่ความขัดแย้ง แม้แต่ในการบริหารประเทศ ยังกลายเป็นการกระทำเพื่อการเอาชนะกันทางการเมือง โดยวิธีแก้ปัญหาคือ ต้องรับระบบการเมืองแบบเบ็ดเสร็จในเอเชีย อย่างสิงคโปร์ มาใช้บางอย่างบ้าง โดยรายละเอียด อยู่ในหนังสือ ที่ Nicolas ได้เขียนออกมา โดยตัวเค้านั้นหวังว่า ผู้คนจะจดจำผลงานทางด้านนี้ของเค้าได้มากกว่า ที่จะจำว่าเค้าเป็นมหาเศรษฐีเพลย์บอย (คล้ายๆ George Soros ที่เขียนหนังสือทางด้านทฤษฎีเศรษฐาสตร์ การเงิน)
Homeless Billionaire – มหาเศรษฐีผู้ไม่มีบ้าน By R-S-N
‘Whatever I own is only temporary , since we’re only here for a short period of time. It’s our actions that have real value’
- Nicolas Berggruen
ผู้ชายในรูปและเจ้าของประโยคข้างบนนี้ ชื่อว่า นาย Nicolas Berggruen ปัจจุบันอายุ 52 ปี มีฐานะร่ำรวยระดับเศรษฐีพันล้าน ($2.3 billion จากการประเมินของ Forbes) โดยมาจากการทำธุรกิจการลงทุน แต่สิ่งที่ทำให้ เค้าน่าสนใจไม่ใช่ความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นวิถีชีวิตของชายคนนี้ ซึ่งทางสื่อต่างประเทศเรียกว่าเป็น “Homeless Billonaire” เพราะว่า Berggruen ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ไม่มีบ้านที่เป็นชื่อของตัวเอง ไม่มีนาฬิากา และรถยนต์ แต่สิ่งที่เค้าครอบครองก็คือ iPhone และเครื่องบิน Jet ส่วนตัว สำหรับเดินทางไปส่วนต่างๆ ของโลก และพักอาศัยอยู่ที่โรงแรม 5 ดาว ซึ่ง Berggruen ให้เหตุผลว่า ได้ขายบ้าน และรถยนต์ส่วนตัวไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เนื่องจากไม่ต้องการถูกผูกมัดด้วยวัตถุ และนอกจากนั้น เค้ายังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีครอบครัวด้วย ลองมาดูประวัติคร่าวๆของชายคนนี้กัน
Nicolas Berggruen เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1961 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวเชื้อสาย ยิว-เยอรมัน ที่มีฐานะ โดยพ่อของเค้าเป็น นายหน้าซื้อขายรูปภาพชื่อดัง ตัว Berggruen เรียนจบที่ NYU ก็ได้เข้ทำงานกับบริษัทด้านการลงทุน และได้เปิดบริษัทด้านการลงทุน ที่ New York เพื่อรับบริหารเงินลงทุนในกับนักลงทุน แต่สุดท้ายก็ดูแลเงินลงทุนให้กับครอบครัวเค้าแต่เพียงอย่างเดียว โดยใช้ชื่อว่า Berggruen Holdings ซึ่งเริ่มลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ และได้ขยายการลงทุนมาใน ตลาดหุัน พันธบัตร และ Venture Capital Private Equity รวมไปถึง Hedge Fund ซึ่งบริษัท Berggruen Holdings นั้นเอง ที่เป็นจุดสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเค้าเองจนมีฐานะเป็น เศรษฐีพันล้านขึ้นมา การลงทุนที่มีชื่อของบริษัทก็เช่น ในปี 2012 ได้ลงทุนใน บริษัท Berger King เป็นเงินประมาณ $1 billion
ชีวิตส่วนตัวของ Nicolas นั้นเป็นหนุ่มสังคม ที่ชอบงานปาร์ตี้ และออกเดทกับดาราสาวสวย ไม่ซ้ำหน้า แต่ในปี 2000 เค้าก็ได้ตัดสินใจ ขายคอนโดหรูที่ New York และเกาะส่วนตัวที่ Miami รวมทั้งรถยนต์ และของสะสมทั้งหลาย ทิ้งไป และใช้ชีวิตอยู่ตามโรงแรม และเดินทางทำธุรกิจด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว โดย Nicolas ได้ให้เหตุผลว่า การเป็นอิสระจาก ทรัพย์สินทั้งหลาย ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น การครอบครองสิ่งต่างๆ เพื่อแสดงความมั่งคั่งของตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่ได้ดึงดูดใจเค้า การครอบครองเป็นเรื่องชั่วคราวเพราะวันนึงเราก็ต้องจากไป การกระทำต่างหากที่จะคงอยู่ตลอดไป และ Nicolas ยังได้ร่วมลงนาม ที่จะบริจาคทรัพย์สินมากกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเองแก่การกุศล กับโครงการของ Bill Gates และ Warren Buffett อีกด้วย
ปัจจุบัน Nicolas ก็ยังเป็นนักธุรกิจ นักลงทุนอยู่ และออกเดทกับสาวสวยอยู่เหมือนเดิม แต่ลดการออกงานลง และเค้าได้พยายามผลักดันแนวคิดทางการเมืองเชิงปฎิรูปของตนเองออกไป โดยในปี 2010 เค้าได้ตั้งองค์กรขึ้นมา เพื่อที่จะพยายามผลักดัน แนวคิดทางการเมืองแบบปฎิรูป สู่สังคมโลกตะวันตก ซึ่ง Nicolas ให้ความเห็นว่า จะเป็นแนวทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างในทุกวันนี้ หลักคร่าวๆก็คือ ระบบการเมืองแบบปัจจุบัน ทำให้นักการเมือง สนใจในเรื่องการได้รับเลือกตั้งมากเกินไป ทำให้มีแต่ความขัดแย้ง แม้แต่ในการบริหารประเทศ ยังกลายเป็นการกระทำเพื่อการเอาชนะกันทางการเมือง โดยวิธีแก้ปัญหาคือ ต้องรับระบบการเมืองแบบเบ็ดเสร็จในเอเชีย อย่างสิงคโปร์ มาใช้บางอย่างบ้าง โดยรายละเอียด อยู่ในหนังสือ ที่ Nicolas ได้เขียนออกมา โดยตัวเค้านั้นหวังว่า ผู้คนจะจดจำผลงานทางด้านนี้ของเค้าได้มากกว่า ที่จะจำว่าเค้าเป็นมหาเศรษฐีเพลย์บอย (คล้ายๆ George Soros ที่เขียนหนังสือทางด้านทฤษฎีเศรษฐาสตร์ การเงิน)