สอบถามคนที่รู้จัก หรือคนที่เคยร่วมงานกับคุณเป็นเอกหน่อยค่ะว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นพวกอินดี้ที่รักการทำงานศิลปะ หรือเป็นพวกเห็นแก่เงินกันแน่
โดยส่วนตัวรู้สึกชอบผลงานของเขานะค่ะ เคยอ่านสัมภาษณ์หนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับหนังเรื่อง “หนังประชาธิป’ไทย” ที่เขาทำกับคนที่ชื่ภาสกรว่าทำหนังเรื่องนี้ เพราะอยากทำ เห็นประเด็นเรื่องสีเสื้อในสังคมแล้วไม่สบายใจ เลยควักเงินทำหนังกันเอง
ล่าสุดหนังออกจากโรงปกติ ซึ่งฉายเฉพาะวันธรรมดาทำให้ไม่สะดวกจะไปดู และมีข่าวว่าจะฉายตามสถานที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าเราไปไม่สามารถไปดูวันที่ฉายมหาวิทยาลัยได้ แต่ได้ข่าวว่าจะฉายที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งตลอดเดือนสิงหาคม เราเลยรีบจองตั๋วแต่เนิ่นๆ โดยเดินทางไปรับตั๋วตนเอง ปรากฎว่าพอไปถึงทางร้านบอกว่าได้งดฉายหนังแล้ว โดยไม่ให้เหตุผลใดๆ ที่แน่ชัด เราก็ไม่ว่าไร แต่ก็นึกโกรธที่ทำให้เราต้องเสียเวลาไปซื้อบัตรที่ร้าน คือถ้าจะงดฉายหนังก็ควรแจ้งให้ทราบก่อนเพื่อไม่ให้คนต้องเสียเวลาไป เซ็ง !!!
ด้วยความบังเอิญที่เรามีเพื่อนเป็นอาจารย์อยู่ที่มช.ก็บอกมาว่าจะมีหนังเรื่องนี้มาฉายในเดือนหน้าเช่นกัน เราถือโอกาสจะไปเที่ยวและดูหนังเรื่องนี้ด้วย ก็เลยจองตั๋วเครื่องบินว่าจะตามไปดูหนังเรื่องนี้ซะหน่อย ปรากฎจองตั๋วไปแล้ว วันรุ่งขึ้นเพื่อนโทรมาบอกว่าคนที่ Deal หนังมาฉายที่เชียงใหม่เขาโทรมาบอกว่าทางทีมหนังยกเลิกกระทันหัน เป็นอดดูรอบสอง เซ็งหนัก !!!
ด้วยความที่มีเพื่อนๆ อยู่ในแวดวงหนังอินดี้อยู่หลายคน ได้มีโอกาสคุยกันเพราะโดนเหมือนกันบางคนโอนเงินไปให้กับทางร้านแล้วด้วยซ้ำ เลยรู้มาว่าทางคนทำหนังยกเลิกการฉายทั้งหมดที่ Deal ไปแล้ว เพราะมีนายทุนมาของซื้อลิขสิทธิ์หนังไปทำแผ่น ส่วนพวกที่เป็นแฟนหนังที่ติดต่อขอหนังไปฉายก็เลยโดนลอยแพ แบบว่าบางที่นี่มีคนจองมาแล้วเกือบร้อยคนภายในสองสามวันที่ทราบข่าว แต่ทางคุณเป็นเอกก็ปฎิเสธที่จะให้ฉายเพราะกลัวนายทุนไม่ยอมเซ็นสัญญาด้วย โดยไม่แคร์กับแฟนหนังที่ตั้งใจอยากดูหนัง หรือข้อกตลงที่เคยให้ไว้กับคนที่เคยรับปากไปว่าจะให้หนังไปฉาย โดยที่คนเหล่านั้นได้ PR และ Process เรื่องการจองตั๋วไปแล้ว บางกระแสก็บอกมาว่าไม่จริงหรอกทีมคนทำหนังไม่ได้กังวลเรื่องเงิน เพราะหนังเรื่องนี้ “คุณเป็นเอกได้เงินเยอะสุดตั้งแต่ทำมาแล้ว เพราะต้นทุนต่ำมากใช้คนทำแค่ 4 คนเอง” ส่วนนักวิชาการที่อยู่ในหนังก็ไม่เสียตังค์ให้เขามาพูด แต่มีผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยติดต่อให้ เพราะเห็นว่าหนังเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ในเชิงประวัติศาสตร์การเมืองไทย” ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น หนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังต้นทุนต่ำเรื่องหนึ่ง และพยายามสร้างกระแสสังคมว่าทำเพื่อสังคม เพื่อหวังผลกำไร ..................... หรือเปล่า?
ใครที่อยู่วงใน หรือพอมีข้อมูลช่วยเล่าให้ฟังบ้างนะคะ เพราะเรื่องที่ได้ยินมาเหมือนตรงข้ามกับสิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์ เริ่มรู้สึกสงสัยว่าเขาทำหนังเพื่ออุมดมการณ์ หรือเพื่อเงินกันแน่ !!!
ข่าววงใน “หนังประชาธิป’ไทย” และ “คุณเป็นเอก” ความจริงคือ.......???!!!?
โดยส่วนตัวรู้สึกชอบผลงานของเขานะค่ะ เคยอ่านสัมภาษณ์หนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับหนังเรื่อง “หนังประชาธิป’ไทย” ที่เขาทำกับคนที่ชื่ภาสกรว่าทำหนังเรื่องนี้ เพราะอยากทำ เห็นประเด็นเรื่องสีเสื้อในสังคมแล้วไม่สบายใจ เลยควักเงินทำหนังกันเอง
ล่าสุดหนังออกจากโรงปกติ ซึ่งฉายเฉพาะวันธรรมดาทำให้ไม่สะดวกจะไปดู และมีข่าวว่าจะฉายตามสถานที่ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าเราไปไม่สามารถไปดูวันที่ฉายมหาวิทยาลัยได้ แต่ได้ข่าวว่าจะฉายที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งตลอดเดือนสิงหาคม เราเลยรีบจองตั๋วแต่เนิ่นๆ โดยเดินทางไปรับตั๋วตนเอง ปรากฎว่าพอไปถึงทางร้านบอกว่าได้งดฉายหนังแล้ว โดยไม่ให้เหตุผลใดๆ ที่แน่ชัด เราก็ไม่ว่าไร แต่ก็นึกโกรธที่ทำให้เราต้องเสียเวลาไปซื้อบัตรที่ร้าน คือถ้าจะงดฉายหนังก็ควรแจ้งให้ทราบก่อนเพื่อไม่ให้คนต้องเสียเวลาไป เซ็ง !!!
ด้วยความบังเอิญที่เรามีเพื่อนเป็นอาจารย์อยู่ที่มช.ก็บอกมาว่าจะมีหนังเรื่องนี้มาฉายในเดือนหน้าเช่นกัน เราถือโอกาสจะไปเที่ยวและดูหนังเรื่องนี้ด้วย ก็เลยจองตั๋วเครื่องบินว่าจะตามไปดูหนังเรื่องนี้ซะหน่อย ปรากฎจองตั๋วไปแล้ว วันรุ่งขึ้นเพื่อนโทรมาบอกว่าคนที่ Deal หนังมาฉายที่เชียงใหม่เขาโทรมาบอกว่าทางทีมหนังยกเลิกกระทันหัน เป็นอดดูรอบสอง เซ็งหนัก !!!
ด้วยความที่มีเพื่อนๆ อยู่ในแวดวงหนังอินดี้อยู่หลายคน ได้มีโอกาสคุยกันเพราะโดนเหมือนกันบางคนโอนเงินไปให้กับทางร้านแล้วด้วยซ้ำ เลยรู้มาว่าทางคนทำหนังยกเลิกการฉายทั้งหมดที่ Deal ไปแล้ว เพราะมีนายทุนมาของซื้อลิขสิทธิ์หนังไปทำแผ่น ส่วนพวกที่เป็นแฟนหนังที่ติดต่อขอหนังไปฉายก็เลยโดนลอยแพ แบบว่าบางที่นี่มีคนจองมาแล้วเกือบร้อยคนภายในสองสามวันที่ทราบข่าว แต่ทางคุณเป็นเอกก็ปฎิเสธที่จะให้ฉายเพราะกลัวนายทุนไม่ยอมเซ็นสัญญาด้วย โดยไม่แคร์กับแฟนหนังที่ตั้งใจอยากดูหนัง หรือข้อกตลงที่เคยให้ไว้กับคนที่เคยรับปากไปว่าจะให้หนังไปฉาย โดยที่คนเหล่านั้นได้ PR และ Process เรื่องการจองตั๋วไปแล้ว บางกระแสก็บอกมาว่าไม่จริงหรอกทีมคนทำหนังไม่ได้กังวลเรื่องเงิน เพราะหนังเรื่องนี้ “คุณเป็นเอกได้เงินเยอะสุดตั้งแต่ทำมาแล้ว เพราะต้นทุนต่ำมากใช้คนทำแค่ 4 คนเอง” ส่วนนักวิชาการที่อยู่ในหนังก็ไม่เสียตังค์ให้เขามาพูด แต่มีผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยติดต่อให้ เพราะเห็นว่าหนังเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ในเชิงประวัติศาสตร์การเมืองไทย” ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น หนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังต้นทุนต่ำเรื่องหนึ่ง และพยายามสร้างกระแสสังคมว่าทำเพื่อสังคม เพื่อหวังผลกำไร ..................... หรือเปล่า?
ใครที่อยู่วงใน หรือพอมีข้อมูลช่วยเล่าให้ฟังบ้างนะคะ เพราะเรื่องที่ได้ยินมาเหมือนตรงข้ามกับสิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์ เริ่มรู้สึกสงสัยว่าเขาทำหนังเพื่ออุมดมการณ์ หรือเพื่อเงินกันแน่ !!!