ยิ่งลักษณ์ ยิ้มเย้ยยุทธจักร 3 " มาร์ค "

สารขัณฑ์ประเทศนามสมมุติยุทธจักร   ใครที่พลัดหลงเข้ามาสู่ ดินแดน แคว้น นี้  มักจะปากอ้า  ตาเพ่ง   
  เมื่อได้พบแต่ของใหญ่ๆ เช่น พระแก้วมรกตใหญ่ที่สุด  หลวงปู่ทวดใหญ่ที่สุด  ไส้อั่วใหญ่ที่สุด  หมูยอใหญ่ที่สุด   

ในแวดวงการเมือง การปกครอง ก็ล้วนมีแต่ระดับใหญ่ๆ เช่น  พ่อใหญ่จิ๋ว   นายใหญ่ท่านทักษิณ  ครูใหญ่ห้อยเนวิน   

และหล่อใหญ่


ปี 2535 การมาถึงของหล่อใหญ่อภิสิทธิ์ ในปีนั้น   เป็นการมาแบบสร้างความสั่นสะเทือนในวงการ  

เสียดายที่มาร์คไม่เลือกเดินบนเส้นทางบันเทิง   ไม่อย่างนั้น คุณชายแห่งจุฑาเทพ  อาจจะมี 6 คน  
ครบตามชื่อที่คล้องจองกันยิ่งนัก   นั่นคือ

คุณชายธราธร  ปวรรุจ  พุฒิภัทร  รัชชานนท์  รณพีร์   อภิสิทธิ์  ( ฮา )   


ปีนั้น  ปี 2535 วงการหนังไทยตกต่ำสุดขีด    และปี  2535 นี่เอง เป็นปีที่ มาร์คเป็น ส.ส ครั้งแรก

  ปีนั้นการกลับมาของ " ปอบหยิบ " ตัวละครในหนัง บ้านผีปอบ ช่วยต่อลมหายใจให้กับวงการ
  เหมือนกับที่มาร์ค ต่อลมหายใจให้พรรคที่ตาย มิตายแหล่เวลานั้น กับกระแสคนกรุงเทพฯ   

แต่กาลเวลาโหดร้ายยิ่งนัก   เวลานี้พรรคยังอยู่   แต่มาร์คตายสนิท จากใจประชาชน
  

ในหนัง  บ้านผีปอบ  หนังแสดงออกถึงวิธีต่างๆนานาในการหลบหนีผีอย่างชนิดที่ต่างประเทศก็ไม่เคยใช้มาก่อน

เช่น วิ่งขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็ว  ตึ้ดๆ ๆ ๆ  หรือวิ่งข้ามคลอง  ตึ้ด ๆ ๆ ๆ  หรือวิ่งลงโอ่งมังกร ตึ้ดๆ ๆ ๆ   เป็นสิบๆคน

แต่หนังผีปอบ และหนังสารพัดผีก็ไม่ได้ยกระดับภาพรวมของวงการหนังแต่อย่างใด

เวลานั้นค่ายหนังต่างๆเริ่มมองหาทางเลือกใหม่
นอกจากหนังผีวิ่งลงโอ่ง หนังบู๊ระเบิดภูเขา เผากระท่อม หนังตลกเริ่มเป็นที่จับตามอง

สภาพของตลาดหนังไทยเวลานั้น ตกอยู่ในสภาวะลูกผี ลูกคนเข้าขั้นโคม่า

  หนังไทยดีๆอย่าง บ้านทรายทอง   ดาวพระศุกร์   ดอกโศก  
หัวใจเถื่อน  มนต์รักอสูร  ฯลฯ คนไทยไม่ชอบ ไม่รู้เพราะอะไร


ทั้งๆที่เป็นหนังอาร์ต   หนังโชว์เมืองคานส์   หนังเอากล่อง   หนังขึ้นหิ้ง  เป็นหนังแฝงปรัชญา
  มีประเด็นให้ตีความตลอดเวลา  เพื่อหานัยยะที่ซ่อนเร้น    หาปานดำ ปานแดง แย่งสมบัติ  แย่งสามี

ตลาดหนังไทยซบเซา  เงียบเหงา   ยิ่งมาร์คตัดสินใจเล่นการเมือง  แทนเล่นหนัง เล่นละคร
อนิจจา   วงการหนังไทย   ขาดเพชรเม็ดงามไปอย่างน่าเสียดาย

หากวันนั้น วันที่มาร์คเลือกวงการบันเทิง  ป่านนี้รางวัลต่างๆคงเต็มตู้ เต็มชั้นโชว์ แทบไม่มีที่เก็บ
เพราะเป็นคนที่ตีหน้า เล่นได้ทุกบท อย่างสมจริง

  ยิ่งหากได้ประกบกับ สุเทพ  จะเข้าขา  ปาน อูม่งต๊ะ เล่นคู่ โจวซิงฉือ

ต่างกันก็ตรง อูม่งต๊ะ และโจวซิงฉือ เล่นบทตลก     ส่วนมาร์ค สุเทพ ถนัดเล่นบทชีวิต
ยิ่งหากฉากโศกเศร้า เคล้าน้ำตา กระซิกๆ  มาร์ค สุเทพ ร้องไห้เก่ง ตีบทแตกกระจุย   

ขึ้นเวทีไหน  จับไมค์ปุ๊บ  น้ำตาไหลปั๊บ น้ำหู น้ำตาไหล   เห็นน้ำตาเท่านั้น หัวใจบรรดาแม่ยกก็อ่อนปวกเปียก



วงการหนังไทย ยุคสมัยนั้นอาภัพ  ได้แต่พึ่งพาอาศัยคนในวงการด้วยกันเอง  

รัฐบาลในสมัยนั้นยังไม่มีโครงการหนังไทยเข้มแข็ง    ยังไม่มีโครงการ หนังไทยชั่งกิโล   

ยังไม่มีกระบวนการพยุงราคาหนัง   ยังไม่มีกระบวนการแทรกแซงราคาหนัง  

ยังไม่มีการประกันราคาหนัง   


ที่สำคัญ ยังไม่มีการรับจำนำหนัง   


เมื่อยุคสมัยนั้นยังไม่มีโครงการ รับจำนำหนัง

  คนไทยจึงโชคดี    หนังไทยจึงโชคดี

เพราะไม่อย่างนั้น   อาจจะโดนพวกพรรคโรคจิต  ออกมาใช้วิธีการต่ำๆ ป้ายสีโจมตี

ว่า หนังไทย  ไม่ปลอดภัย

หนังไทยมีสารปนเปื้อน

  

และต่ำสุดๆคือ ป้ายสีว่า   หนังไทย      ดูแล้วตาย  ( ฮา )  


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่