ครั้งก่อนผมได้
แนะนำมือถือจอใหญ่อย่าง Mega 6.3 และก็มีเสียงเรียกร้องให้รีวิว Mega 5.8 ด้วย ผมก็ดิ้นรนหาเครื่องมาให้ตามเสียงเรียกร้องแล้ว ^^
สเป็กที่น่าสนใจ
- CPU 2 Core 1.4 GHz
- RAM 1.5 GB
- ขนาดจอ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 540 x 960 (190 PPI)
- พื้นที่ 8 GB (ใส่ MicroSD ได้สูงสุด 64 GB)
- กล้อง 8 ล้าน กล้องหน้า 1.9 ล้าน
- android 4.2.2
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม (ไมโครซิม)
- ความจุแบต 2600mAh
- หนัก 182 กรัม
- ราคา 12,500 บาท
ลองถือดู ขนาดก็กระชับกว่า Mega 6.3 มากๆ
สำหรับคนที่จินตนาการขนาดความใหญ่ไม่ถูก ผมก็วางคู่กับไม้บรรทัดให้ดูนะครับ
ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา แทบจะไม่ต้องอธิบายเลย เพราะว่า Samsung Galaxy จัดวางตำแหน่งปุ่มเหมือนกันแทบทุกรุ่น
เริ่มจากด้านล่าง เป็นช่องเสียบ Micro USB สำหรับชาร์จ หรือต่อเข้าคอม
ทางด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิดอย่างเดียว
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง
ด้านซ้ายมีปุ่มปรับเสียง
ส่วนด้านหลังจะต่างจาก Mega 6.3 เล็กน้อย เพราะย้ายลำโพงจากด้านล่าง มาไว้ข้างๆกล้องแทน
และข้อเสียของซัมซุงที่ผมบ่นทุกรุ่นก็คือกล้องครับ... กล้องมันยื่นออกมาจากตัวเครื่อง มีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายมากๆ ทำให้จำเป็นต้องใส่เคสเพื่อป้องกันรอยขูดที่กล้องครับ
เมื่อแกะฝาหลังออกมา ก็จะมีช่องใส่ซิม 2 อัน ซึ่งใช้ซิมแบบไมโคร และมีช่องเสียบ MicroSD รองรับสูงสุด 64 GB
ส่วนปุ่ม menu และ back จะดูกลืนไปกับตัวบอดี้ จะมองเห็นเฉพาะเวลาที่มีแสงไฟเท่านั้น
เมื่อเทียบกับ Mega 6.3
- CPU เป็น 2 core 1.4 GHz ส่วน Mega 6.3 เป็น 1.7 GHz
- RAM เท่ากัน
- กล้อง เท่ากัน
- ความละเอียดหน้าจอ 190 PPI แพ้ทาง Mega 6.3 ที่เป็น 233 PPI
- พื้นที่ภายใน 8 GB น้อยกว่า Mega 6.3 ที่มี 16 GB
- ไม่มี NFC
- ไม่มีอินฟราเรด
- ระบบปฏิบัติการ android 4.2.2 เหมือนกัน
- รองรับ MultiWindow เหมือนกัน
- รองรับ 2 ซิม
- น้ำหนัก 182 เบากว่า Mega 6.3 ที่มีน้ำหนัก 199 กรัม
- แบต 2600 น้อยกว่า Mega 6.3 ที่ให้มา 3200 mAh
ถ้ามองในภาพรวมแล้ว Mega 5.8 แพ้เกือบทุกส่วน เพราะถูกลดสเป็กลงจาก Mega 6.3 แต่ถ้ามองในแง่การใช้งาน มันก็เพียงพอต่อการใช้งานจริง และมีจุดเด่นเรื่อง 2 ซิมครับ
ลองเทียบขนาดกันเรียงลำดับจาก Galaxy Mega 6.3, Galaxy Mega 5.8, Xperia Z
ที่น่าแปลกใจก็คือ ในการทดสอบเล่นเกมจริงไม่อิงสเป็ค ตัว Mega 5.8 เล่นได้ลื่นกว่า Mega 6.3 ครับ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะความละเอียดจอที่ต่ำกว่าด้วย เลยทำให้เครื่องไม่ต้องประมวลผลหนัก
ด้านแอพต่างๆ ซัมซุงก็ยัดมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น S Memo, S Voice, S Translator และอื่นๆ
ในส่วนของปฏิทินก็ถูกแทนที่ด้วย S Planner ซึ่งผมรู้สึกว่ามันสวยกว่าแบบเดิมๆของแอนดรอยครับ
สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ S Memo ผมขออธิบายสั้นๆว่ามันคือแอพสำหรับจดบันทึก ด้วยการพิมพ์ เขียน รวมทั้งสามารถใส่รูปลงไปได้ด้วย แต่ข้อดีของมันคือการ sync ข้ามอุปกรณ์ระหว่าง Samsung Galaxy ด้วยกัน
Group Play เป็นอีกลูกเล่นหนึ่งที่ทางซัมซุงพยายามนำเสนอซะเหลือเกิน มันเหมาะสำหรับคนที่มีเพื่อนใช้ Galaxy เหมือนกัน เพราะมันสามารถแบ่งปันข้อมูลให้เครื่องเพื่อนได้ และสามารถควบคุมทุกเครื่องได้พร้อมๆกัน เช่น เราปิดเพลงเครื่องเรา เครื่องเพื่อนๆก็จะปิดเพลงด้วย
ส่วนขนาดจอ 5.8 นิ้ว ที่มาพร้อมระบบ MultiWindow ก็ทำให้สามารถเปิด 2 แอพได้พร้อมกัน
อีกอย่างที่ผมชอบก็คือแอพสำหรับดูหนัง ซึ่งสามารถทำ popup ออกมาเป็นหน้าต่างเล็กๆได้
นอกจากนี้ยังสามารถล็อกหน้าจอระหว่างดูหนังด้วยการกดปิดเครื่องระหว่างที่เราเปิดหนังอยู่ เพื่อป้องกันมือไปโดนหน้าจอหรือปุ่มต่างๆครับ
จุดเด่นของรุ่นนี้คือระบบการทำงาน 2 ซิมพร้อมกัน เช่น เมื่อเราโทรด้วยซิมที่ 1 แต่มีสายเข้าจากซิมที่ 2 ก็สามารถรับสายได้ ซึ่งการเปิดใช้งานโหมดนี้ต้องเข้าไปตั้งค่าก่อนครับ และการตั้งค่าก็จะมีหน้าต่างเตือนเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย (ในทางเทคนิคมันคือการโอนสาย หมายความว่ามีค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนสายด้วย)
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าให้เล่นเนทระหว่างโทรได้ด้วย เช่น เราโทรจากซิมที่ 1 แต่เล่นเนทจากซิมที่ 2 ได้
ด้านการออกแบบ UI สำหรับการใช้งาน 2 ซิมถือว่าทำมาได้ดี เพราะว่ามีปุ่มให้เลือกว่าจะโทรหรือส่งข้อความจากซิมไหน
ส่วนเรื่อง UI หน้าตาก็ไม่ต่างจาก Mega 6.3 เลยครับ เหมือนกันเกือบหมด
อีกลูกเล่นที่มีเกือบทุกรุ่น แต่ถูกมองข้ามก็คือ easy mode
ที่ผมหยิบโหมดนี้มาพูด เพราะว่ารุ่นนี้เป็น 2 ซิม จอใหญ่ ฐานผู้ใช้อาจจะเป็นกลุ่มที่ไม่เน้นลูกเล่นมาก แต่ขอใช้ง่ายๆไว้ก่อน ซึ่ง easy mode จะลดความซับซ้อนในการใช้งาน เหมาะสำหรับมือใหม่ครับ
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าหน้า lock screen ในส่วนของ Multiple widgets และ shortcuts ได้ด้วย
อีกโหมดที่ผมชอบก็คือ blocking mode ใช้ปิดการแจ้งเตือนในช่วงเวลาที่เราไม่การให้ใครมารบกวน... แต่เราสามารถเลือกใส่เบอร์คนพิเศษไว้ได้ครับ
และส่วนที่มีมาให้เกือบทุกรุ่นของซัมซุงก็คือ Power saving ใช้สำหรับยืดอายุแบต เหมาะสำหรับเวลาเดินทางออกนอกสถานที่ครับ
รุ่นนี้มี Driving mode ซึ่งจุดประสงค์จริงๆมีไว้สำหรับคนที่ขับรถแล้วไม่สะดวกมองหน้าจอมือถือ มันจะทำการอ่านชื่อให้ฟังครับ
ต่อมาก็คือ One-handed ซึ่งซัมซุงจะยัดมาพร้อมกับมือถือจอใหญ่ๆ เพื่อปรับแป้นพิมพ์ให้มีขนาดเล็กลง จะได้พิมพ์ได้สะดวกขึ้นเมื่อเล่นมือเดียวครับ (แต่ผมใช้ไม่ถนัดเลย... ให้ตายสิ)
ส่วนของ Motions and gestures เป็นการสั่งงานเครื่องด้วยท่าทาง เช่น คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง
สุดท้ายก็เป็นเรื่องของ Smart stay ซึ่งซัมซุงเคยนำมาโปรโมท S3 เมื่อปีก่อน... จอจะไม่ดับ ถ้าเรายังมองหน้าจออยู่
ซึ่งการใช้จริง ผมคิดว่าระบบ Smart stay ไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร เพราะต้องอยู่ในที่แสงสว่างเพียงพอ และอยู่ในมุมองศาที่พอเหมาะ เพื่อให้ตัวเครื่องตรวจจับดวงตาเราได้
ด้านกล้องจัดมาให้ 8 ล้าน กล้องหน้า 1.9 ล้าน และถอดแบบมาจาก S4 แต่ถูกตัดทอนความสามารถบางตัวออกไป ซึ่งผมมองว่ามันเพียงพอกับการใช้งานจริงครับ
ตัวอย่างรูปถ่ายจากโหมด auto
ถ้าถามว่าความละเอียดหน้าจอแย่รึเปล่า... จากการใช้งานจริง ถ้าไม่นั่งเพ่งหน้าจอจริงๆจังๆ ผมกว่าจอมันก็สวยดีนะครับ
และแน่นอนว่าต้องมีคนอยากให้เทียบกับ Galaxy Grand ...ผมไม่อยากเสียเวลาเทียบ ขอตอบสั้นๆว่า Mega 5.8 น่าใช้กว่าครับ ฮ่าๆ
http://www.bacidea.com/review-galaxy-mega-5-8.html
http://www.facebook.com/bacidea
http://www.bacidea.com
[SR] รีวิว Galaxy Mega 5.8 by bacidea
ครั้งก่อนผมได้แนะนำมือถือจอใหญ่อย่าง Mega 6.3 และก็มีเสียงเรียกร้องให้รีวิว Mega 5.8 ด้วย ผมก็ดิ้นรนหาเครื่องมาให้ตามเสียงเรียกร้องแล้ว ^^
สเป็กที่น่าสนใจ
- CPU 2 Core 1.4 GHz
- RAM 1.5 GB
- ขนาดจอ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 540 x 960 (190 PPI)
- พื้นที่ 8 GB (ใส่ MicroSD ได้สูงสุด 64 GB)
- กล้อง 8 ล้าน กล้องหน้า 1.9 ล้าน
- android 4.2.2
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม (ไมโครซิม)
- ความจุแบต 2600mAh
- หนัก 182 กรัม
- ราคา 12,500 บาท
ลองถือดู ขนาดก็กระชับกว่า Mega 6.3 มากๆ
สำหรับคนที่จินตนาการขนาดความใหญ่ไม่ถูก ผมก็วางคู่กับไม้บรรทัดให้ดูนะครับ
ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา แทบจะไม่ต้องอธิบายเลย เพราะว่า Samsung Galaxy จัดวางตำแหน่งปุ่มเหมือนกันแทบทุกรุ่น
เริ่มจากด้านล่าง เป็นช่องเสียบ Micro USB สำหรับชาร์จ หรือต่อเข้าคอม
ทางด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิดอย่างเดียว
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง
ด้านซ้ายมีปุ่มปรับเสียง
ส่วนด้านหลังจะต่างจาก Mega 6.3 เล็กน้อย เพราะย้ายลำโพงจากด้านล่าง มาไว้ข้างๆกล้องแทน
และข้อเสียของซัมซุงที่ผมบ่นทุกรุ่นก็คือกล้องครับ... กล้องมันยื่นออกมาจากตัวเครื่อง มีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายมากๆ ทำให้จำเป็นต้องใส่เคสเพื่อป้องกันรอยขูดที่กล้องครับ
เมื่อแกะฝาหลังออกมา ก็จะมีช่องใส่ซิม 2 อัน ซึ่งใช้ซิมแบบไมโคร และมีช่องเสียบ MicroSD รองรับสูงสุด 64 GB
ส่วนปุ่ม menu และ back จะดูกลืนไปกับตัวบอดี้ จะมองเห็นเฉพาะเวลาที่มีแสงไฟเท่านั้น
เมื่อเทียบกับ Mega 6.3
- CPU เป็น 2 core 1.4 GHz ส่วน Mega 6.3 เป็น 1.7 GHz
- RAM เท่ากัน
- กล้อง เท่ากัน
- ความละเอียดหน้าจอ 190 PPI แพ้ทาง Mega 6.3 ที่เป็น 233 PPI
- พื้นที่ภายใน 8 GB น้อยกว่า Mega 6.3 ที่มี 16 GB
- ไม่มี NFC
- ไม่มีอินฟราเรด
- ระบบปฏิบัติการ android 4.2.2 เหมือนกัน
- รองรับ MultiWindow เหมือนกัน
- รองรับ 2 ซิม
- น้ำหนัก 182 เบากว่า Mega 6.3 ที่มีน้ำหนัก 199 กรัม
- แบต 2600 น้อยกว่า Mega 6.3 ที่ให้มา 3200 mAh
ถ้ามองในภาพรวมแล้ว Mega 5.8 แพ้เกือบทุกส่วน เพราะถูกลดสเป็กลงจาก Mega 6.3 แต่ถ้ามองในแง่การใช้งาน มันก็เพียงพอต่อการใช้งานจริง และมีจุดเด่นเรื่อง 2 ซิมครับ
ลองเทียบขนาดกันเรียงลำดับจาก Galaxy Mega 6.3, Galaxy Mega 5.8, Xperia Z
ที่น่าแปลกใจก็คือ ในการทดสอบเล่นเกมจริงไม่อิงสเป็ค ตัว Mega 5.8 เล่นได้ลื่นกว่า Mega 6.3 ครับ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะความละเอียดจอที่ต่ำกว่าด้วย เลยทำให้เครื่องไม่ต้องประมวลผลหนัก
ด้านแอพต่างๆ ซัมซุงก็ยัดมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น S Memo, S Voice, S Translator และอื่นๆ
ในส่วนของปฏิทินก็ถูกแทนที่ด้วย S Planner ซึ่งผมรู้สึกว่ามันสวยกว่าแบบเดิมๆของแอนดรอยครับ
สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ S Memo ผมขออธิบายสั้นๆว่ามันคือแอพสำหรับจดบันทึก ด้วยการพิมพ์ เขียน รวมทั้งสามารถใส่รูปลงไปได้ด้วย แต่ข้อดีของมันคือการ sync ข้ามอุปกรณ์ระหว่าง Samsung Galaxy ด้วยกัน
Group Play เป็นอีกลูกเล่นหนึ่งที่ทางซัมซุงพยายามนำเสนอซะเหลือเกิน มันเหมาะสำหรับคนที่มีเพื่อนใช้ Galaxy เหมือนกัน เพราะมันสามารถแบ่งปันข้อมูลให้เครื่องเพื่อนได้ และสามารถควบคุมทุกเครื่องได้พร้อมๆกัน เช่น เราปิดเพลงเครื่องเรา เครื่องเพื่อนๆก็จะปิดเพลงด้วย
ส่วนขนาดจอ 5.8 นิ้ว ที่มาพร้อมระบบ MultiWindow ก็ทำให้สามารถเปิด 2 แอพได้พร้อมกัน
อีกอย่างที่ผมชอบก็คือแอพสำหรับดูหนัง ซึ่งสามารถทำ popup ออกมาเป็นหน้าต่างเล็กๆได้
นอกจากนี้ยังสามารถล็อกหน้าจอระหว่างดูหนังด้วยการกดปิดเครื่องระหว่างที่เราเปิดหนังอยู่ เพื่อป้องกันมือไปโดนหน้าจอหรือปุ่มต่างๆครับ
จุดเด่นของรุ่นนี้คือระบบการทำงาน 2 ซิมพร้อมกัน เช่น เมื่อเราโทรด้วยซิมที่ 1 แต่มีสายเข้าจากซิมที่ 2 ก็สามารถรับสายได้ ซึ่งการเปิดใช้งานโหมดนี้ต้องเข้าไปตั้งค่าก่อนครับ และการตั้งค่าก็จะมีหน้าต่างเตือนเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย (ในทางเทคนิคมันคือการโอนสาย หมายความว่ามีค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนสายด้วย)
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าให้เล่นเนทระหว่างโทรได้ด้วย เช่น เราโทรจากซิมที่ 1 แต่เล่นเนทจากซิมที่ 2 ได้
ด้านการออกแบบ UI สำหรับการใช้งาน 2 ซิมถือว่าทำมาได้ดี เพราะว่ามีปุ่มให้เลือกว่าจะโทรหรือส่งข้อความจากซิมไหน
ส่วนเรื่อง UI หน้าตาก็ไม่ต่างจาก Mega 6.3 เลยครับ เหมือนกันเกือบหมด
อีกลูกเล่นที่มีเกือบทุกรุ่น แต่ถูกมองข้ามก็คือ easy mode
ที่ผมหยิบโหมดนี้มาพูด เพราะว่ารุ่นนี้เป็น 2 ซิม จอใหญ่ ฐานผู้ใช้อาจจะเป็นกลุ่มที่ไม่เน้นลูกเล่นมาก แต่ขอใช้ง่ายๆไว้ก่อน ซึ่ง easy mode จะลดความซับซ้อนในการใช้งาน เหมาะสำหรับมือใหม่ครับ
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าหน้า lock screen ในส่วนของ Multiple widgets และ shortcuts ได้ด้วย
อีกโหมดที่ผมชอบก็คือ blocking mode ใช้ปิดการแจ้งเตือนในช่วงเวลาที่เราไม่การให้ใครมารบกวน... แต่เราสามารถเลือกใส่เบอร์คนพิเศษไว้ได้ครับ
และส่วนที่มีมาให้เกือบทุกรุ่นของซัมซุงก็คือ Power saving ใช้สำหรับยืดอายุแบต เหมาะสำหรับเวลาเดินทางออกนอกสถานที่ครับ
รุ่นนี้มี Driving mode ซึ่งจุดประสงค์จริงๆมีไว้สำหรับคนที่ขับรถแล้วไม่สะดวกมองหน้าจอมือถือ มันจะทำการอ่านชื่อให้ฟังครับ
ต่อมาก็คือ One-handed ซึ่งซัมซุงจะยัดมาพร้อมกับมือถือจอใหญ่ๆ เพื่อปรับแป้นพิมพ์ให้มีขนาดเล็กลง จะได้พิมพ์ได้สะดวกขึ้นเมื่อเล่นมือเดียวครับ (แต่ผมใช้ไม่ถนัดเลย... ให้ตายสิ)
ส่วนของ Motions and gestures เป็นการสั่งงานเครื่องด้วยท่าทาง เช่น คว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง
สุดท้ายก็เป็นเรื่องของ Smart stay ซึ่งซัมซุงเคยนำมาโปรโมท S3 เมื่อปีก่อน... จอจะไม่ดับ ถ้าเรายังมองหน้าจออยู่
ซึ่งการใช้จริง ผมคิดว่าระบบ Smart stay ไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร เพราะต้องอยู่ในที่แสงสว่างเพียงพอ และอยู่ในมุมองศาที่พอเหมาะ เพื่อให้ตัวเครื่องตรวจจับดวงตาเราได้
ด้านกล้องจัดมาให้ 8 ล้าน กล้องหน้า 1.9 ล้าน และถอดแบบมาจาก S4 แต่ถูกตัดทอนความสามารถบางตัวออกไป ซึ่งผมมองว่ามันเพียงพอกับการใช้งานจริงครับ
ตัวอย่างรูปถ่ายจากโหมด auto
ถ้าถามว่าความละเอียดหน้าจอแย่รึเปล่า... จากการใช้งานจริง ถ้าไม่นั่งเพ่งหน้าจอจริงๆจังๆ ผมกว่าจอมันก็สวยดีนะครับ
และแน่นอนว่าต้องมีคนอยากให้เทียบกับ Galaxy Grand ...ผมไม่อยากเสียเวลาเทียบ ขอตอบสั้นๆว่า Mega 5.8 น่าใช้กว่าครับ ฮ่าๆ
http://www.bacidea.com/review-galaxy-mega-5-8.html
http://www.facebook.com/bacidea
http://www.bacidea.com