วันนี้ออกทริปเดี่ยววัดใจตัวเองว่าจะเลยขีดจำกัดของตัวเองที่เคยทำวันเดียว 220 โล ได้หรือไม่ทีแรกน้องเอิ๊กบอกว่าจะไปด้วย
แต่สภาพร่างกายยังไม่ดีพอก็ขอผ่าน น้าวีก็เลยต้องบินเดี่ยวตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อไปเดี่ยวก็เลยไปเส้นทางที่ใกล้ที่สุดตามใจตัวเอง
จากบางพลีไปถึงเขื่อนก็ได้มา 136 โล นั่งชมวิว ความจริงนั่งหอบลิ้นห้อยมากกว่า เหนื่อยชิป..เลยตอนปั่นขึ้นเขื่อนหัวใจมันเต้นเป็น
เจ้าเข้า จะออกมาเต้นระบำนอกอกเอา ตอนลงก็เสียวชิปเหมื่อนกัน สงสัยน้าคงไม่ถูกกับพวกเนินหรือเขาเป็นแน่ จ้ดอยู่จำพวก
เห็นเนินเป็นลม เห็นนมโดดเข้าใส่
สรุปวันนี้ก็ได้มา
276 โล ไม่ถึง 300 โล แต่ถือว่าเลยขีดจำกัดตัวเองมาระดับหนึ่งเพราะตั้งใจให้เกิน 250 โล สเต็ปต่อไปก็ 300 โล
แต่คงอีกนานครับ ของฝึกแบบ 200 โลกว่าให้ชินก่อน บอกตามตรงเหนื่อยมากถึงมากที่สุด ขาไปลมช่วยส่ง ขากลับลมไม่เป็นใจโต้ตลอด
แถมวันนี้อากาศก็ 3 รสชาด เช้าเมฆเยอะไม่มีแดด แต่พอสายๆ ตอนเข้านครนายกฝนตกพอถึงเขื่อนแดดออกได้ใจ ขากลับก็สลับกัน
3 รสชาด เหมื่อนขามาตลอดทางจนเย็น
มีภาพมาเล็กน้อยระหว่างทางไม่ได้แวะถ่าย เพราะตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียว
เมื่อผ่านคลอง 13 แล้วไม่แวะร้านนี้ก็กะไรอยู่ เห็นเพื่อนๆ ไปกันบ่อย
ภาพนี้เป็นของใครเอย ดูเอาเองนะ
เข้าถนนรังสิต-นครนายกเลยดีกว่า
ผ่านตัวเมืองนครนายกก่อนจะเข้าเชตเชื่อนขุนด่านก็เจอนี้ ดูแล้วค่ายชื่นใจหน่อยแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว
เห็นเขื่อนแล้วครับ
ขึ้นเขื่อนระหว่าทางขึ้นก็แวะไหว้เจ้าพ่อปลัดจ่าง ขอพรท่านก่อน
ทางเนินขึ้นเขื่อนครับ ที่จอดถ่ายรูปนะ ไม่ใช่อะไรหรอก มันเหนื่อยนะ ก็ถือโอกาสพักมากกว่า
ถึงแล้วครับ..555
หลังจากนั้นปั่นกลับไม่สนอะไรทั้งนั้นต้องทำเวลาเพราะรู้ว่าต้องมืดแน่นอน แต่ไม่อยากให้ดึกมาก
เพราะปั่นกลางคืนมืดๆ ไม่ค่อยถูกกับผมเท่าไร
ทริปปั่นเดี่ยว บางพลี-เขื่อนขุนด่านปราการชล
แต่สภาพร่างกายยังไม่ดีพอก็ขอผ่าน น้าวีก็เลยต้องบินเดี่ยวตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อไปเดี่ยวก็เลยไปเส้นทางที่ใกล้ที่สุดตามใจตัวเอง
จากบางพลีไปถึงเขื่อนก็ได้มา 136 โล นั่งชมวิว ความจริงนั่งหอบลิ้นห้อยมากกว่า เหนื่อยชิป..เลยตอนปั่นขึ้นเขื่อนหัวใจมันเต้นเป็น
เจ้าเข้า จะออกมาเต้นระบำนอกอกเอา ตอนลงก็เสียวชิปเหมื่อนกัน สงสัยน้าคงไม่ถูกกับพวกเนินหรือเขาเป็นแน่ จ้ดอยู่จำพวก
เห็นเนินเป็นลม เห็นนมโดดเข้าใส่
สรุปวันนี้ก็ได้มา 276 โล ไม่ถึง 300 โล แต่ถือว่าเลยขีดจำกัดตัวเองมาระดับหนึ่งเพราะตั้งใจให้เกิน 250 โล สเต็ปต่อไปก็ 300 โล
แต่คงอีกนานครับ ของฝึกแบบ 200 โลกว่าให้ชินก่อน บอกตามตรงเหนื่อยมากถึงมากที่สุด ขาไปลมช่วยส่ง ขากลับลมไม่เป็นใจโต้ตลอด
แถมวันนี้อากาศก็ 3 รสชาด เช้าเมฆเยอะไม่มีแดด แต่พอสายๆ ตอนเข้านครนายกฝนตกพอถึงเขื่อนแดดออกได้ใจ ขากลับก็สลับกัน
3 รสชาด เหมื่อนขามาตลอดทางจนเย็น
มีภาพมาเล็กน้อยระหว่างทางไม่ได้แวะถ่าย เพราะตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียว
เมื่อผ่านคลอง 13 แล้วไม่แวะร้านนี้ก็กะไรอยู่ เห็นเพื่อนๆ ไปกันบ่อย
ภาพนี้เป็นของใครเอย ดูเอาเองนะ
เข้าถนนรังสิต-นครนายกเลยดีกว่า
ผ่านตัวเมืองนครนายกก่อนจะเข้าเชตเชื่อนขุนด่านก็เจอนี้ ดูแล้วค่ายชื่นใจหน่อยแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว
เห็นเขื่อนแล้วครับ
ขึ้นเขื่อนระหว่าทางขึ้นก็แวะไหว้เจ้าพ่อปลัดจ่าง ขอพรท่านก่อน
ทางเนินขึ้นเขื่อนครับ ที่จอดถ่ายรูปนะ ไม่ใช่อะไรหรอก มันเหนื่อยนะ ก็ถือโอกาสพักมากกว่า
ถึงแล้วครับ..555
หลังจากนั้นปั่นกลับไม่สนอะไรทั้งนั้นต้องทำเวลาเพราะรู้ว่าต้องมืดแน่นอน แต่ไม่อยากให้ดึกมาก
เพราะปั่นกลางคืนมืดๆ ไม่ค่อยถูกกับผมเท่าไร