Trip ประทับใจ...ระหว่างทางไปภูทับเบิก

ด้วยความที่อยากไปภูทับเบิกมานาน จากที่เห็นเพื่อนๆในห้อง blue review กัน เมื่อวันหยุดยาวที่ผ่านมา เลยตัดสินใจไปพักผ่อนกับครอบครัว เราเลือก The Sense เขาค้อ เพราะอยากเห็นทะเลหมอกชัดๆสักครั้งในชีวิต

กลับมาครั้งนี้เลยขอประเดิมกระทู้แรกด้วยความประทับใจฝุดๆ ทั้งกับสถานที่่ และ ผู้คนที่นั่น  เนื่องจากเราไปประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝันและได้รับการช่วยเหลืออย่างดีมากจนผ่านมาได้แบบชิวสุดๆค่ะ

เรื่องของเรื่อง สามีเราขาเจ็บก่อนเดินทางไม่สามารถขับรถได้ เราเลยต้องขับรถเองตลอดทริป ทั้งๆที่ไม่เคยขับรถขึ้นเขามาก่อน แหม...อุปสรรคแค่นี้ ไม่สามารถขัดขวางความอยากเที่ยวเมืองไทย..ไม่ไปไม่รู้ได้หรอก

ประเด็นมันอยู่ที่วันที่สอง เป้าหมายคือภูทับเบิก ถึงแม้จะหวั่นๆบ้างเพราะอ่านข้อมูลมาก็เหวอกับเส้นทางชันนิดหน่อย แต่เมื่อคิดว่ารถพร้อม คนพร้อม ใจพร้อม เราก็ลุยเลย ท่ามกลางความหวาดหวั่นของสามีและลูกเพราะปกติเราก็ไม่ได้ช่ำชองในการขับรถเท่าไหร่  ตลอดทางที่ผ่านก่อนขึ้นเขาก็เพลิดเพลินแม้ในใจจะลุ้นๆว่าถึงบริเวณที่เค้าว่าโหด โค้งเยอะๆทางชัน รึยังเนี่ย

ในไม่ช้า จากกำลังใจ 99 % เมื่อเจอกับกลุ่มหมอกหนาทึบตลอดทางขึ้นเขาในเวลาเกือบเที่ยง ประกอบกับเราเป็นคนขับ ใจเราฝ่อเหลือนี้สเดียวแต่ไม่กล้าบอกใคร ทั้งสามีและลุกก็พากษ์ไปตลอดทาง ลดเกียร์ เพิ่มเกียร์ ระวัง ช้าๆ เร่งขึ้น กลุ่มหมอกหนาทึบมากๆมองเห็นได้ในระยะใกล้ๆ จนต้องเปิดไฟหน้ากันทุกคัน  เพื่อทัศนวิสัยที่ดีขึ้น เราตัดสินใจเปิดกระจกเผื่อมองเส้นทึบให้ชัดๆ บวกกับอารมณ์อ่อนไหว อยากเอื้อมมือสัมผัสหมอกใกล้ๆ และในเมื่อเปิดกระจกแล้ว ก็ต้องปิดแอร์ซิ รถที่สวนลงมาเค้าก็ทำแบบนี้ทุกคันแหละ  ดีเลยเครื่องยนต์ไม่ใช้แอร์จะได้มีกำลังส่งให้ขึ้นเขาไหวเพราะทางทั้งโค้งและลาดชันจริงๆ

อีกนิดเดียวจะถึงภูทับเบิกอยู่แล้ว แต่อยู่ๆรถก็เหยียบไม่ไป ไม่ใช่ทางชันแล้วนี่หน่า?? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย  

Oh!My God!!! เครื่องยนต์ฮีทขึ้น  บนความสูง 1600 กว่าเมตรจากน้ำทะเลเนี่ยนะ ฮือๆ พอรู้ตัวปุ๊ป กลิ่นไหม้ลอยมาเลย พยายามรวบรวมสติแต่คิดยังไม่ออก  จังหวะนั้นวิ่งลงจากรถกันก่อนเพราะควันลอยออกมาจากฝากระโปรงรถแล้ว แต่ไม่ได้สังเกตเพราะหมอกหนาทึบมาก

ยังไม่ทันจะคิด 1-2-3 มีรถที่สวนลงเขา จอดทันทีพร้อมตะโกนถาม รถเสียเหรอครับ พร้อมวิ่งมาช่วยด้วยอุปกรณ์ครบมือมาก จริงๆมันก็คือขวดน้ำแต่น้องเค้ามีวิธีและเทคนิคที่ทำให้น้ำเดือดๆระบายออกมาไม่ค้างอยู่ในหม้อน้ำ แล้วเปลี่ยนเติมใหม่ หมุนออก จนในที่สุดเครื่องก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วมากจนเราและแฟนคิดว่าเป็นช่างซะอีก ระหว่างนั้นคุยกันถึงรู้ว่าจบช่างไฟฟ้า แต่ปัจจุบันเปิดร้านรับซักรีดเพราะมาแต่งงานกับสาวที่นี่  ระหว่างดูรถให้ ภรรยาของน้องคนนั้นก็อุ้มลูกเล็กๆไม่เกิน 2 ขวบคอยให้กำลังใจพ่ออยู่ข้างๆ เราซะอีกจังหวะเปิดฝาหม้อน้ำ กระโจนออกอย่างห่างเลยเพราะควันพวยพุ่งมาก   รู้สึกซาบซึ้งใจกับการช่วยเหลือครั้งนี้จริงๆ เราให้เงินเล็กๆน้อยๆแทนคำขอบคุณน้องเค้าก็ไม่รับจนต้องเอาเงินไปยัดใส่มือเจ้าหนูน้อยลูกชายเค้าแทน

มาคิดดูอีกที ถ้าไม่เจอเค้าช่วย เราก็ไปต่อกันไม่เป็นเลย ถึงมันจะแค่เครื่องฮีท แต่เล่นฮีทบนความสูงขนาดนี้ เครื่องก็เหมือนน็อคไปแล้ว แถมหมอกหนา วันหยุด อู่ในเมืองคงปิดหมด ไม่รู้จักใครอีก ตามศูนย์มาดูให้เรียกค่าบริการจ๊ากแน่ๆ แล้วจะลงเขาได้มั้ยหล่ะเนี่ย โอย...อีกมากมายความกังวลตอนนั้น หายไปในฉับพลันที่มีคนช่วย  

แถมได้ความรู้เพิ่มอีกว่า จากรถดีๆไม่เคยมีปัญหา อาจจะฮีทขึ้นเพราะเราปิดแอร์ พัดลมหยุดทำงาน1ตัว ใช้เครื่องเกียร์ต่ำ ก็เป็นได้ ข้อนี้รอเซียนผู้รู้มให้คำตอบอีกที

จริงๆเรื่องราวมียาวกว่านี้ เพราะหลังลงเขามาซักพักก็ฮีทอีก แต่เหตุผลเพราะฝาปิดหม้อน้ำพังไปตอนฮีทบนเขา ก็ได้น้องคนเดิมบวกกับเจ้าหน้าที่โรงแรมที่เราพัก ช่วยโทรหาร้านอะไหล่ที่เปิด รวมถึงพาไปซื้อถึงร้านเลย

หลักๆของกระทู้นี้ อยากแชร์ว่า ระหว่างการท่องเที่ยวที่ไปพบเจอกับสถานที่และธรรมชาติที่ว่าสวยงามแล้ว น้ำใจของผู้คนที่ช่วยเหลือกันในยามลำบากก็งามยิ่งกว่า  เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ค่ะ

ปล.สุดท้ายเจ้าของกระทู้เลยยังขึ้นไปไม่ถึงภูทับเบิก อีกนิดเดียวแท้ๆ แต่มา confirm ว่าเขาค้อและภูทับเบิกหน้าฝน เป็น The Must!จริงๆ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เที่ยวภูเขา อุบัติเหตุบนท้องถนน จิตอาสา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่