บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) รายงานว่า เปิดเผยว่า บริษัทได้รับหนังสือแสดง
ความจำนงที่จะเสนอซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมอีกจากนักลงทุนจำนวน 8 ราย จากก่อนหน้านั้นที่ขาย
ไปแล้ว 9 ราย จำนวน 2,000 ล้านหุ้น โดยครั้งนี้บริษัทสามารถจัดสรรหุ้นได้ทั้งจำนวน รวมทั้งสิ้น
500 ล้านหุ้น ดังนั้น หากคำนวณราคาปิด 14 วัน ราคาเฉลี่ยเท่ากับ 0.9186 บาท ซึ่งหากคิดใน
อัตรา 90% จะเท่ากับ 0.8268 บาท บริษัทจึงตกลงกับนักลงทุนที่จะให้จองซื้อเท่ากับ 0.83
บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมคือ ราคาหุ้นละ 0.75 บาทต่อหุ้น
โดยนักลงทุนทั้ง 8 ราย ได้แก่ 1. นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล 45 ล้านหุ้น มูลค่า
37.35 ล้านบาท 2 นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุลโดย บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด 80 ล้านหุ้น
66.40 ล้านบาท 3 นายธีระ กิติจารุรัตน์ 90 ล้านหุ้น 74.70 ล้านบาท
4 นายสันติ เชาวนันทกุล 150 ล้านหุ้น มูลค่า 124.50 ล้านบาท 5 นายอริยะฉัตร ตรี
ครุธพันฑ์ 60 ล้านบาท มูลค่า 49.80 ล้านบาท 6 นางวลัยพร สมภักดี 20 ล้านหุ้น มูลค่า 16.60
ล้านบาท 7. นางวรพรรณ จึงทรัพย์ไพศาล 25 ล้านหุ้น 20.75 ล้านบาท 8 .นายอรรณพ ลิ้ม
ประเสริฐ 30 ล้านหุ้น มูลค่า 24.90 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 500 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 415 ล้านบาท
โดยจำนวนที่นักลงทุนเข้ามาถือหุ้นในบริษัทฯ ไม่เข้าเกณฑ์ในการทำ Tender
Offer และนักลงทุนทั้ง 8 ราย ไม่มีส่วนในการบริหารงานของบริษัทฯ
สำหรับ เหตุผลและความจำเป็นในการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทั้งที่บริษัทเพิ่งเพิ่มทุนและยัง
มีเงินเพิ่มทุนเหลืออยู่
1.ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ในสถานะที่ธนาคารยังมีข้อจำกัดในการปล่อยกู้ให้กับบริษัทค่อน
ข้างมาก เนื่องจากผลการดำเนินานในอดีตที่ขาดทุน ในขณะที่บริษัทต้องดำเนินโครงการต่อไป
ทั้งลงทุนในธุรกิจผลิตเสาเข็ม และโครงการใหม่ๆ เมื่อมีนักลงทุนสนใจที่จะลงทุน จึงเสนอเห็น
ควรขายหุ้นดังกล่าวให้กับนักลงทุนดังกล่าว เพื่อให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนสำรองที่เพียงพอไว้ดำเนิน
ธุรกิจในอนาคต
2.ทำให้บริษัทมีเงินทุนสำรอง ประหยัดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ 3. การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน
คราวละจำนวนมาก ทำให้ลดจำนวนการเพิ่มทุนลง ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งการจดทะเบียน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กำหนดชำระเงินค่าหุ้นสำหรับนักลงทุนภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2556 ซึ่งการ
จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในคราวนี้ บริษัทกำหนดระยะเวลาชำระเงินค่าหุ้นไว้ค่อนข้างสั้น เนื่องจากต้อง
การเพิ่มความเชื่อมั่นของเงินเพิ่มทุนที่บริษัทจะได้รับให้มีความแน่นอนมากขึ้น
GEN เผยขายหุ้นเพิ่มทุน PP อีก 500 ล้านหุ้นให้นักลงทุน 8 ราย ที่ราคา 0.83 บาท/หุ้น
ความจำนงที่จะเสนอซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมอีกจากนักลงทุนจำนวน 8 ราย จากก่อนหน้านั้นที่ขาย
ไปแล้ว 9 ราย จำนวน 2,000 ล้านหุ้น โดยครั้งนี้บริษัทสามารถจัดสรรหุ้นได้ทั้งจำนวน รวมทั้งสิ้น
500 ล้านหุ้น ดังนั้น หากคำนวณราคาปิด 14 วัน ราคาเฉลี่ยเท่ากับ 0.9186 บาท ซึ่งหากคิดใน
อัตรา 90% จะเท่ากับ 0.8268 บาท บริษัทจึงตกลงกับนักลงทุนที่จะให้จองซื้อเท่ากับ 0.83
บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมคือ ราคาหุ้นละ 0.75 บาทต่อหุ้น
โดยนักลงทุนทั้ง 8 ราย ได้แก่ 1. นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล 45 ล้านหุ้น มูลค่า
37.35 ล้านบาท 2 นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุลโดย บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด 80 ล้านหุ้น
66.40 ล้านบาท 3 นายธีระ กิติจารุรัตน์ 90 ล้านหุ้น 74.70 ล้านบาท
4 นายสันติ เชาวนันทกุล 150 ล้านหุ้น มูลค่า 124.50 ล้านบาท 5 นายอริยะฉัตร ตรี
ครุธพันฑ์ 60 ล้านบาท มูลค่า 49.80 ล้านบาท 6 นางวลัยพร สมภักดี 20 ล้านหุ้น มูลค่า 16.60
ล้านบาท 7. นางวรพรรณ จึงทรัพย์ไพศาล 25 ล้านหุ้น 20.75 ล้านบาท 8 .นายอรรณพ ลิ้ม
ประเสริฐ 30 ล้านหุ้น มูลค่า 24.90 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 500 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 415 ล้านบาท
โดยจำนวนที่นักลงทุนเข้ามาถือหุ้นในบริษัทฯ ไม่เข้าเกณฑ์ในการทำ Tender
Offer และนักลงทุนทั้ง 8 ราย ไม่มีส่วนในการบริหารงานของบริษัทฯ
สำหรับ เหตุผลและความจำเป็นในการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทั้งที่บริษัทเพิ่งเพิ่มทุนและยัง
มีเงินเพิ่มทุนเหลืออยู่
1.ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ในสถานะที่ธนาคารยังมีข้อจำกัดในการปล่อยกู้ให้กับบริษัทค่อน
ข้างมาก เนื่องจากผลการดำเนินานในอดีตที่ขาดทุน ในขณะที่บริษัทต้องดำเนินโครงการต่อไป
ทั้งลงทุนในธุรกิจผลิตเสาเข็ม และโครงการใหม่ๆ เมื่อมีนักลงทุนสนใจที่จะลงทุน จึงเสนอเห็น
ควรขายหุ้นดังกล่าวให้กับนักลงทุนดังกล่าว เพื่อให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนสำรองที่เพียงพอไว้ดำเนิน
ธุรกิจในอนาคต
2.ทำให้บริษัทมีเงินทุนสำรอง ประหยัดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ 3. การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน
คราวละจำนวนมาก ทำให้ลดจำนวนการเพิ่มทุนลง ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งการจดทะเบียน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กำหนดชำระเงินค่าหุ้นสำหรับนักลงทุนภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2556 ซึ่งการ
จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในคราวนี้ บริษัทกำหนดระยะเวลาชำระเงินค่าหุ้นไว้ค่อนข้างสั้น เนื่องจากต้อง
การเพิ่มความเชื่อมั่นของเงินเพิ่มทุนที่บริษัทจะได้รับให้มีความแน่นอนมากขึ้น