คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
ให้ความเห็นตามปกติ
1. แพทย์ปลอมหรือไม่ปลอมนั้น ปกติแต่ละรพ.มีมาตรการในการตรวจสอบไม่เหมือนกัน บางรพ.คนจะไปทำงานได้ต้องเอาใบประกอบมาให้ดูก่อน
ในอดีตเคยมีกรณีหมอปลอมอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เจอบ่อย
ที่เจอบ่อยกว่าคือหมอจริงแต่คนไข้มองว่ารูปร่างหน้าตาการแต่งตัวและท่าทางไม่เหมือนหมอ
2. จับจุดจากกรณีนี้ได้สองจุดที่ทำให้เจ้าของกระทู้คิดว่าหมอเป็นหมอปลอม
- แปลความภาษากายของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลว่าแสดงออกว่าตื่นตระหนกตกใจ ที่มีคนไข้ เลยตีความต่อไปอีกว่าหมอในเวรนั้นต้องเป็นของปลอม
- รักษาแล้วไม่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าเป็นหมอปลอม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเชื่อว่ายาที่ฉีดเข้าร่างกายไม่ใช่ยาแต่ถูกหลองลวงฉีดน้ำเกลือให้
สรุปแล้วก็คือ เจ้าของกระทู้เข้าใจว่าหมอปลอม ถ้าไม่ใช่หมอปลอมก็คือหมอห่วย
ในกรณีที่ไม่มั่นใจหรือสงสัยในกรณีเหล่านี้ สามารถตรวจสอบได้ผ่านทางช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือระดับที่สูงไปกว่านั้น ทั้งกรณีว่าสงสัยว่าแพทย์ที่รักษาเป็นตัวปลอมหรือไม่ และสอบถามเรื่องมาตรฐานการรักษา
การรักษาเรื่องแพ้ก็ต้องดูว่าการรักษาที่ได้มา ได้รับการรักษาด้วยอะไร เหมาะสมหรือไม่ มีการตรวจในสิ่งที่ควรตรวจหรือไม่
ไปโรงพยาบาลแรกแล้วไม่หาย เกิดจากอะไร ทำไมจึงไม่หาย ไม่หายตามตัวโรคเอง หรือไม่หายเพราะอะไร ทำไมไม่หายจึงให้กลับ
ไปโรงพยาบาลที่สองแล้วรักษาต่างกันอย่างไร หรือรักษาเท่าเดิม โรงพยาบาลที่สองที่รักษาแล้วหาย รักษาถูกตามมาตรฐานหรือไม่
โรงพยาบาลแรกเอาอะไรมาฉีดให้ (ผมสงสัยแค่ตรงนี้แหละ)
ปล. การสงสัยว่าแพทย์ที่รักษาเป็ฯแพทย์จริงหรือไม่ถือเป็นสิทธิที่ทำได้และ"ควรทำ"
ปอ. ถ้าหากกระทู้เริ่มต้นมาว่า เป็นหมอจริงหรือเปล่า ไม่ฟันธงว่าหมอปลอม ผมว่าจะsoftกว่านี้
ปฮ. แต่เข้าใจแหละครับ รักษาไม่หาย เป็นใครก็สงสัย
ปA. สบู่ที่ผสมยาฆ่าเชื้อ / เดทตอลแบบไม่ใช่สบู่ โดยปกติไม่ควรใช้อาบน้ำในผู้ที่มีปัญหาเรื่องแพ้ เพราะว่าสารฆ่าเชื้อและสบู่ฆ่าเชื้อมีโอกาสทำให้ผิวเกิดการแห้งและแพ้ได้มากกว่าปกติ
ปB. โดยปกติ โรงพยาบาลเอกชนเมื่อหาแพทย์มาอยู่เวรฉุกเฉินไม่ได้ จะใช้การโยกหมอที่อยู่เวรอีกจุดมาอยู่ครับ ไม่น่ามีการให้หมอปลอมมา เพราะว่ามีแต่เสียกับเสีย
ปC. เดี๋ยวนะ จะป.อะไรกันเนี่ย พอ พอ พอ
1. แพทย์ปลอมหรือไม่ปลอมนั้น ปกติแต่ละรพ.มีมาตรการในการตรวจสอบไม่เหมือนกัน บางรพ.คนจะไปทำงานได้ต้องเอาใบประกอบมาให้ดูก่อน
ในอดีตเคยมีกรณีหมอปลอมอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เจอบ่อย
ที่เจอบ่อยกว่าคือหมอจริงแต่คนไข้มองว่ารูปร่างหน้าตาการแต่งตัวและท่าทางไม่เหมือนหมอ
2. จับจุดจากกรณีนี้ได้สองจุดที่ทำให้เจ้าของกระทู้คิดว่าหมอเป็นหมอปลอม
- แปลความภาษากายของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลว่าแสดงออกว่าตื่นตระหนกตกใจ ที่มีคนไข้ เลยตีความต่อไปอีกว่าหมอในเวรนั้นต้องเป็นของปลอม
- รักษาแล้วไม่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าเป็นหมอปลอม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเชื่อว่ายาที่ฉีดเข้าร่างกายไม่ใช่ยาแต่ถูกหลองลวงฉีดน้ำเกลือให้
สรุปแล้วก็คือ เจ้าของกระทู้เข้าใจว่าหมอปลอม ถ้าไม่ใช่หมอปลอมก็คือหมอห่วย
ในกรณีที่ไม่มั่นใจหรือสงสัยในกรณีเหล่านี้ สามารถตรวจสอบได้ผ่านทางช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือระดับที่สูงไปกว่านั้น ทั้งกรณีว่าสงสัยว่าแพทย์ที่รักษาเป็นตัวปลอมหรือไม่ และสอบถามเรื่องมาตรฐานการรักษา
การรักษาเรื่องแพ้ก็ต้องดูว่าการรักษาที่ได้มา ได้รับการรักษาด้วยอะไร เหมาะสมหรือไม่ มีการตรวจในสิ่งที่ควรตรวจหรือไม่
ไปโรงพยาบาลแรกแล้วไม่หาย เกิดจากอะไร ทำไมจึงไม่หาย ไม่หายตามตัวโรคเอง หรือไม่หายเพราะอะไร ทำไมไม่หายจึงให้กลับ
ไปโรงพยาบาลที่สองแล้วรักษาต่างกันอย่างไร หรือรักษาเท่าเดิม โรงพยาบาลที่สองที่รักษาแล้วหาย รักษาถูกตามมาตรฐานหรือไม่
โรงพยาบาลแรกเอาอะไรมาฉีดให้ (ผมสงสัยแค่ตรงนี้แหละ)
ปล. การสงสัยว่าแพทย์ที่รักษาเป็ฯแพทย์จริงหรือไม่ถือเป็นสิทธิที่ทำได้และ"ควรทำ"
ปอ. ถ้าหากกระทู้เริ่มต้นมาว่า เป็นหมอจริงหรือเปล่า ไม่ฟันธงว่าหมอปลอม ผมว่าจะsoftกว่านี้
ปฮ. แต่เข้าใจแหละครับ รักษาไม่หาย เป็นใครก็สงสัย
ปA. สบู่ที่ผสมยาฆ่าเชื้อ / เดทตอลแบบไม่ใช่สบู่ โดยปกติไม่ควรใช้อาบน้ำในผู้ที่มีปัญหาเรื่องแพ้ เพราะว่าสารฆ่าเชื้อและสบู่ฆ่าเชื้อมีโอกาสทำให้ผิวเกิดการแห้งและแพ้ได้มากกว่าปกติ
ปB. โดยปกติ โรงพยาบาลเอกชนเมื่อหาแพทย์มาอยู่เวรฉุกเฉินไม่ได้ จะใช้การโยกหมอที่อยู่เวรอีกจุดมาอยู่ครับ ไม่น่ามีการให้หมอปลอมมา เพราะว่ามีแต่เสียกับเสีย
ปC. เดี๋ยวนะ จะป.อะไรกันเนี่ย พอ พอ พอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
ซึ่งมาเจอหมอแมว หมอแมวจะซัด IV CPM IV Dexa
ถ้ามีWheeze ซัด Adrenaline กับ Ranitidine IV
ถ้าเป็นบุ้งที่เปรู โดนจับadmit
ถ้ากลับบ้านเจอยา prednisolone + ranitidine + cpm + atarax + steroid lotion
แจ้งข้อบ่งชี้ของการใช้ยากับอาการที่ต้องกลับมา
แล้วก็จะเจอเอามาลงพันทิปว่า
"ไปหาหมอเรื่องแพ้ แต่หมอให้ยากระเพาะมา"
ถ้ามีWheeze ซัด Adrenaline กับ Ranitidine IV
ถ้าเป็นบุ้งที่เปรู โดนจับadmit
ถ้ากลับบ้านเจอยา prednisolone + ranitidine + cpm + atarax + steroid lotion
แจ้งข้อบ่งชี้ของการใช้ยากับอาการที่ต้องกลับมา
แล้วก็จะเจอเอามาลงพันทิปว่า
"ไปหาหมอเรื่องแพ้ แต่หมอให้ยากระเพาะมา"
ความคิดเห็นที่ 46
มโนเองทั้งนั้น อ่านแล้วเพลีย
คิดได้ยังไงหมอปลอม ทำอย่างกับว่าเป็น รพ เถื่อน
และที่ไปว่าเค้าไม่เก่งอะนะ คือ บางทีคุณต้องรู้กลไกโรคนิดนึงนะ
ฉีดยาแค่เข็มเดียวมันไม่ได้หายทันทีหรอกค่ะ
คิดว่าฉีดน้ำเกลือให้อีกต่างหาก มโนแจ่มมากๆ
น่าจะมีหมอฟ้องคนไข้บ้างเนอะ
ไม่ได้อยากดราม่าแต่จั่วหัวซะ แถมจิกว่าหมอปลอมทุกคำ เห้อ
คิดได้ยังไงหมอปลอม ทำอย่างกับว่าเป็น รพ เถื่อน
และที่ไปว่าเค้าไม่เก่งอะนะ คือ บางทีคุณต้องรู้กลไกโรคนิดนึงนะ
ฉีดยาแค่เข็มเดียวมันไม่ได้หายทันทีหรอกค่ะ
คิดว่าฉีดน้ำเกลือให้อีกต่างหาก มโนแจ่มมากๆ
น่าจะมีหมอฟ้องคนไข้บ้างเนอะ
ไม่ได้อยากดราม่าแต่จั่วหัวซะ แถมจิกว่าหมอปลอมทุกคำ เห้อ
ความคิดเห็นที่ 14
ขอขอบคุณคุณ YamRollCakEz ที่กรุณาช่วยส่งเว็บไซต์ข้อมูลรายชื่อ และรูปถ่าย ของรพ.เอกชนแห่งนั้นมาให้ดิฉันได้ตรวจสอบอย่างรวดเร็วทางหลังไมค์นะคะ สรุปว่าหน้าตาตรงกันค่ะ เขาเป็นแพทย์จริงไม่ใช่แพทย์ปลอมอย่างที่ดิฉันเข้าใจผิดด้วยความสงสัยในพิรุธ หรือคิดมากไป
สรุปว่าดิฉันเจอแพทย์จริงๆ แต่เขาอาจไม่เก่งและรักษาไม่ถูกจนดิฉันเข้าใจผิดว่าเป็นแพททย์ปลอมค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งที่ช่วยแสดงความคิดเห็น คำเตือน และการช่วยเหลือนะคะ จขกท.มิได้มีเจตนาดราม่าแต่อย่างใด เพียงแค่มาแชร์ให้ฟัง ปนอารมณ์โมโหนิดๆ ที่ไปเจอแพทย์ที่เหมือนไม่ใช่แพทย์อ่ะค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ
สรุปว่าดิฉันเจอแพทย์จริงๆ แต่เขาอาจไม่เก่งและรักษาไม่ถูกจนดิฉันเข้าใจผิดว่าเป็นแพททย์ปลอมค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งที่ช่วยแสดงความคิดเห็น คำเตือน และการช่วยเหลือนะคะ จขกท.มิได้มีเจตนาดราม่าแต่อย่างใด เพียงแค่มาแชร์ให้ฟัง ปนอารมณ์โมโหนิดๆ ที่ไปเจอแพทย์ที่เหมือนไม่ใช่แพทย์อ่ะค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 73
ขอโทษนะคะ ยังไม่เห็นบรรทัดไหนเลย ที่แสดงถึงหมอคนดังกล่าวไร้ประสิทธิภาพ
อาการแพ้ขอบคุณดูแล้ว น่าจะเปน ผื่นลมพิษ หรือ acute urticaria ซึ่งถ้าเปนแค่ลมพิษ มันก็ไม่มีอะไร ให้ยาต้านฮีสตามีน แล้วสังเกตอาการก็จบแล้ว เพียงแต่ด้วยตัวของโรคมันมี ลักษณะการดำเนินการของมัน ไม่ใช่ว่าฉีดยาแล้วจะหายเปนปลิดทิ้งทันที เพราะว่ากันตามตรงตามกลไกการเกิดของ urticaria มันเปน hypersensitivity type I ซึ่ง mediator ไม่ได้มีแค่ histamine ดังนั้น การฉีดยาต้านฮีตามีนจะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ทันที ต้องใช้เวลา (แล้วแต่ความรุนแรงของแต่ละคนด้วย)
ดังนั้น เป็นไปได้เยอะเลยค่ะ ที่ฉีดยาต้านฮีสตามีนแล้ว อาจจะไม่หายในทันที แล้วจะให้คนไข้มานั่งรอจนกว่าผื่นจะหายก้ใช่ที่ ใช้วิธีนัดมาดูอาการวันต่อไป เปนวิธีที่ใช้กันทั่วไปค่ะ
อนึ่ง ยาต้านฮีสตามีน โดยเฉพาะ CPM หรือ Chlopheniramine มีทั้ง ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และ ฉีดเข้าเส้นเลือดดำค่ะ ซึ่งส่วนตัวที่เข้าใจการบริหารทางหลอดเลือดดำ ยาจะเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แล้วขึ้นถึงจุด peak ของยาไวกว่า การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ดังนั้นผลข้างเคียงของยาต่างๆ เช่น ง่วงนอน อาจจะเกิดขึ้นได้ไว แบบที่คุณหมอผิวหนังที่คุณชมว่าเก่งคนนั้นฉีดให้ แต่ในกรณีของ การฉีดเข้ากล้ามเนื้ออาจจะทำให้ยาค่อยๆถึงจุด peak มากกว่า อาจจะมีอาการง่วงไม่ได้ชัดเจน
แล้วอีกอย่างนะคะ อ่านแล้วขัดหูขัดตามาก ประสิทธิภาพของยาแก้แพ้ ไม่ได้ถูกวัดโดยอาการง่วง ซึ่งเป็น "ผลข้างเคียง"ค่ะ บางคนให้ไปก็ไม่เกิด บางคนเกิดแต่น้อยจนตัวเองสังเกตความผิดปกติไม่ได้ คุณจะมาใช้จุดนี้วัดประสิทธิภาพของยาไม่ได้ ถามว่าจุดวัดประสิทธิภาพคืออะไร จริงๆก็คือเรื่องการหายของผื่นแหละค่ะ แต่อย่างที่ได้พูดไป ถ้าคุณแำพ้อย่างรุนแรง บางทีตัวโรคยังดำเนินไปอยู่ บวกกับสารที่ก่อการแพ้ ไม่ได้มีแค่ฮีสตามีน มันเลยยังไม่หายค่ะ และค่อยๆหายในเวลาต่อมา (ปกติ hypersentivity type I เช่น acute urticaria หรือผื่นลมพิษ จะอยู่ได้เต็มที่ 24 ชม. ค่ะ)
ส่วนหมออีก รพ. ก็เทพไปเลยค่ะ จขกท. ไปหาช่วงขาลงของโรคพอดี พอฉีดยาต้านฮีสตามีนไปอีกตัว (คิดว่าตัวเดิมด้วย) คงหายเป็นปลิดทิ้ง ด้วยฤทธิ์ของยาใหม่ ผสมยาเก่า
Atarax 25 mg ครึ่งเม็ด กับ Atarax 10 mg 1 เม็ดให้ผลไม่แตกต่างกันค่ะ เพราะ dose เฉลี่ยจะประมาณ 10 mg ซึ่งเปน dose ที่เพียงพอสำหรับการต้านฮีสตามีนของ Atarax หรือ cetirizine
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งที่ดีสิ่งที่สุดยิ่งกว่าการรักษาเป็นคือ บุคคลิก และการเอาอกเอาใจ คนไข้ค่ะ ถ้าเกิดทำอะไรให้ไม่พอใจ ถึงแม้จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ก็จะกลา่ยเป็นการจับผิด ผลการรักษาที่ตามมา ไม่ว่าจะหายหรือไม่หาย หรือเปนผลข้างเคียง ก็จะกลายเปนข้อจำผิดหมด
หมายเหตุ* เอาใบเสร็จมารึป่าวคะ? ช่วยดูหน่อยค่ะว่า ยาที่คุณหมอปลอมคนแรกฉีดให้ กับยาที่คุณหมอผิวหนังเทพมากฉีดให้ ตัวเดียวกันหรือไม่ dosage เดียวกันรึป่าว
อาการแพ้ขอบคุณดูแล้ว น่าจะเปน ผื่นลมพิษ หรือ acute urticaria ซึ่งถ้าเปนแค่ลมพิษ มันก็ไม่มีอะไร ให้ยาต้านฮีสตามีน แล้วสังเกตอาการก็จบแล้ว เพียงแต่ด้วยตัวของโรคมันมี ลักษณะการดำเนินการของมัน ไม่ใช่ว่าฉีดยาแล้วจะหายเปนปลิดทิ้งทันที เพราะว่ากันตามตรงตามกลไกการเกิดของ urticaria มันเปน hypersensitivity type I ซึ่ง mediator ไม่ได้มีแค่ histamine ดังนั้น การฉีดยาต้านฮีตามีนจะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ทันที ต้องใช้เวลา (แล้วแต่ความรุนแรงของแต่ละคนด้วย)
ดังนั้น เป็นไปได้เยอะเลยค่ะ ที่ฉีดยาต้านฮีสตามีนแล้ว อาจจะไม่หายในทันที แล้วจะให้คนไข้มานั่งรอจนกว่าผื่นจะหายก้ใช่ที่ ใช้วิธีนัดมาดูอาการวันต่อไป เปนวิธีที่ใช้กันทั่วไปค่ะ
อนึ่ง ยาต้านฮีสตามีน โดยเฉพาะ CPM หรือ Chlopheniramine มีทั้ง ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และ ฉีดเข้าเส้นเลือดดำค่ะ ซึ่งส่วนตัวที่เข้าใจการบริหารทางหลอดเลือดดำ ยาจะเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แล้วขึ้นถึงจุด peak ของยาไวกว่า การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ดังนั้นผลข้างเคียงของยาต่างๆ เช่น ง่วงนอน อาจจะเกิดขึ้นได้ไว แบบที่คุณหมอผิวหนังที่คุณชมว่าเก่งคนนั้นฉีดให้ แต่ในกรณีของ การฉีดเข้ากล้ามเนื้ออาจจะทำให้ยาค่อยๆถึงจุด peak มากกว่า อาจจะมีอาการง่วงไม่ได้ชัดเจน
แล้วอีกอย่างนะคะ อ่านแล้วขัดหูขัดตามาก ประสิทธิภาพของยาแก้แพ้ ไม่ได้ถูกวัดโดยอาการง่วง ซึ่งเป็น "ผลข้างเคียง"ค่ะ บางคนให้ไปก็ไม่เกิด บางคนเกิดแต่น้อยจนตัวเองสังเกตความผิดปกติไม่ได้ คุณจะมาใช้จุดนี้วัดประสิทธิภาพของยาไม่ได้ ถามว่าจุดวัดประสิทธิภาพคืออะไร จริงๆก็คือเรื่องการหายของผื่นแหละค่ะ แต่อย่างที่ได้พูดไป ถ้าคุณแำพ้อย่างรุนแรง บางทีตัวโรคยังดำเนินไปอยู่ บวกกับสารที่ก่อการแพ้ ไม่ได้มีแค่ฮีสตามีน มันเลยยังไม่หายค่ะ และค่อยๆหายในเวลาต่อมา (ปกติ hypersentivity type I เช่น acute urticaria หรือผื่นลมพิษ จะอยู่ได้เต็มที่ 24 ชม. ค่ะ)
ส่วนหมออีก รพ. ก็เทพไปเลยค่ะ จขกท. ไปหาช่วงขาลงของโรคพอดี พอฉีดยาต้านฮีสตามีนไปอีกตัว (คิดว่าตัวเดิมด้วย) คงหายเป็นปลิดทิ้ง ด้วยฤทธิ์ของยาใหม่ ผสมยาเก่า
Atarax 25 mg ครึ่งเม็ด กับ Atarax 10 mg 1 เม็ดให้ผลไม่แตกต่างกันค่ะ เพราะ dose เฉลี่ยจะประมาณ 10 mg ซึ่งเปน dose ที่เพียงพอสำหรับการต้านฮีสตามีนของ Atarax หรือ cetirizine
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งที่ดีสิ่งที่สุดยิ่งกว่าการรักษาเป็นคือ บุคคลิก และการเอาอกเอาใจ คนไข้ค่ะ ถ้าเกิดทำอะไรให้ไม่พอใจ ถึงแม้จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ก็จะกลา่ยเป็นการจับผิด ผลการรักษาที่ตามมา ไม่ว่าจะหายหรือไม่หาย หรือเปนผลข้างเคียง ก็จะกลายเปนข้อจำผิดหมด
หมายเหตุ* เอาใบเสร็จมารึป่าวคะ? ช่วยดูหน่อยค่ะว่า ยาที่คุณหมอปลอมคนแรกฉีดให้ กับยาที่คุณหมอผิวหนังเทพมากฉีดให้ ตัวเดียวกันหรือไม่ dosage เดียวกันรึป่าว
แสดงความคิดเห็น
เจอแพทย์ปลอม ในห้องฉุกเฉิน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง วันหยุดที่ผ่านมา มารักษาเรา ฟ้องเอาผิดรพ.ได้หรือไม่คะ
เมื่อวันเข้าพรรษาที่ผ่านมาดิฉันไปหาหมอที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยอาการเป็นผื่นแพ้จากการแพ้บุ้ง บุ้งมันเกาะแขนดิฉัน ผื่นคันเต็มแขนสองข้างและลำคอแดงเต็มไปหมด ทั้งตุ่มเล็ก ตุ่มใหญ่ บางแห่งเป็นปื้นหนา ผิวเหมือนคางคกเลย คันสุดๆ จะเล่าที่จับพิรุธได้เป็นข้อๆตามลำดับ ดังนี้ค่ะ
1. ดิฉันไปติดต่อที่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับก่อน เค้าถามว่าดิฉันเป็นอะไรมา ดิฉันบอก แพ้บุ้งค่ะ พร้อมโชว์แขนให้ดู เค้าเห็นแล้วก็ตกใจหน้าซีดกันเล็กน้อยอุทาน โอ้โห แต่ฝืนยิ้ม เพราะรู้ว่าดิฉันเป็นเยอะ ดิฉันถามว่าวันนี้มีคุณหมออยู่มั๊ยคะ ในใจกลัวจะไม่มีหมออยู่แล้วเพราะเป็นวันหยุดและมัน7โมงเช้า เค้าบอก รอเดี๋ยวนะคะ แล้วซักอาการเพ่ิมโดยละเอียด ปานจะเป็นแพทย์เสียเอง ประชาสัมพันธ์ผู้หญิงสอง ชายหนึ่ง มองหน้ากันเลิกลั่ก ยิ้มแหยๆ แล้วต่อโทรศัพท์ คุยกับใครไม่รู้ เล่าอาการดิฉันโดยละเอียด พร้อมย้ำว่าดิฉันเป็นมากด้วย ที่จริงปกติพนักงานต้อนรับจะถามอาการเราแค่คร่าวๆ เพื่อจะได้รู้ว่าควรจะส่งไปให้ถูกห้องมากกว่า นี่เหมือนว่าจะเตี๊ยมกัน เพื่อจัดฉากให้ใครไม่รู้มาใส่เสื้อกาวน์ในฉากต่อไป
2. เค้าส่งตัวมาห้องฉุกเฉิน ในนั้นไม่เห็นมีหมอสแตนบายอยู่สักคนเลย มีแต่พยาบาล พยาบาลพามาที่เตียง แล้วมาซักอาการดิฉันโดยละเอียด ตั้งสามคน โดยเข้ามาทีละคน ดิฉันฉายให้ฟังหลายรอบจนเหนื่อย กว่าหมอปลอมจะปรากฏกายใส่ชุดกาวน์ออกมาตอนหลัง บุคลิกก็ไม่เหมือนหมอ พูดคล่องก็จริงแต่ไม่มีความรู้ บุคลิกเหมือนพวกเซลหรือการตลาด ประชาสัมพันธ์มากกว่า บอกดิฉันว่าจะฉีดยาให้ อาจง่วงหน่อย แล้วรอดูอาการซัก 15 นาที ค่อยกลับ ดิฉันบอกง่วงไม่เป็นไรคะ ดิฉันมาคนเดียว ไม่ได้ขับรถมา เพราะรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวเขาคงฉีดยาแก้แพ้ง่วงๆให้ จะกลับแท๊กซี่ค่ะ พยาบาลฉีดยาให้แล้วบอกว่าอาจจะปวดกล้ามเนื้อหน่อยนะคะ แล้วถามย้ำหลายครั้งระหว่างที่ฉีดว่า ปวดหรือยังคะ ปวดหรือยัง ดิฉันบอกไม่เห็นปวดเลยคะ เขายิ้มแหยๆ หน้าตากังวลเล็กน้อย มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆค่ะ แล้วก็ไม่ง่วงด้วย ดิฉันคิดว่าที่ฉีดไปเป็นน้ำเกลือเฉยๆมากกว่า (จนกลับถึงบ้านก็ไม่ง่วง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย คันสุดๆ เหมือนเดิม ผื่นคันไม่มีแววยุบ เท่าเก่า แถมจะคันมากขึ้นด้วย)
3. ไม่มีใครถามดิฉันทั้งที่แผนกต้อนรับ หรือพยาบาล หรือหมอ ว่าดิฉันจะเอาใบรับรองแพทย์หรือเปล่า ซึ่งปกติทุกที่เขาต้องถามก่อน แต่นี่ไม่ถาม แล้วดิฉันก็ลืมขอด้วย
4. หลังจากฉีดยา ให้ดิฉันรอไม่ถึง15 นาที ประมาณ แค่ 5 นาทีเอง แล้วหมอปลอมรีบมาบอกพยาบาลให้เอาคนมาเข็นรถให้ดิฉันนั่งไปจ่ายเงินค่ายา แล้วเข็นไปหน้ารพ.เพื่อเรียกแท๊กซี่ให้กลับบ้าน (รีบไล่ตูกลับอย่างไว )
5. ก่อนกลับดิฉันบอกหมอปลอมว่า ก่อนมารพ.ดิฉันกินยาแก้แพ้ Atarax 25 mg ไปตั้งเม็ดครึ่ง ไม่มีผลอะไรเลย แถมไม่ง่วง ไม่หลับด้วย เพราะคันมากๆ แต่เหลือเชื่อจริงๆ ตอนที่ดิฉันไปเอายา หมอปลอมเค้าสั่งยา Atarax 10 mg ให้ดิฉันด้วย แม่เจ้า! ทั้งๆที่รู้แล้วว่ายานั้นไม่ตอบสนอง ยังสั่งมาให้กินอีก แถมโดสน้อยกว่าเดิมด้วย ไม่ make sense เลย
6. ดิฉันถามหมอปลอมว่าก่อนมารพ.ดิฉันไปซื้อสบู่เดทตอลมาอาบน้ำฆ่าเชื้อโรค ควรจะใช้ต่อไปหรือไม่คะ เค้าตอบดิฉันแบบไม่มองหน้าว่า คงไม่ดีมั๊งคะ เดี๋ยว PH จะไม่เป็นกลาง ใช้สบู่ธรรมดาดีกว่าคะ แล้วไม่ได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวอะไรเลย แถมรีบเดินหนีอย่างไวกลัวดิฉันจะถามต่ออีก แล้วให้ใบนัดมาหาแพทย์ผิวหนังในวันรุ่งขึ้น
ดิฉันกลับบ้านทนคันคะเยอถึงเช้าอีกวัน ตัดสินใจไม่กลับไปรพ.เอกชนแห่งนั้นอีกตามนัด แต่ไปใช้ประกันสังคมที่รพ.เลิดสินแทน แม้จะไกลบ้านมากกว่า ที่นั่นดิฉันได้พบแพทย์ผิวหนังของจริง โดนฉีดยาไป 1 เข็ม ผื่นคันยุบ และหยุดคัน ภายใน 2 ชม. และง่วงจนมึนเบลอ พร้อมยาทานแก้แพ้ แก้คัน อีก 3 อย่าง พร้อมให้ตำแนะนำในการปฏิบัติตัวมาอีกเยอะ และให้ของเหลวมา 1 ขวด ใช้ฟอกแทนสบู่โดยที่ดิฉันยังไม่ทันถาม เปรียบเทียบความแตกต่างชัดเจนสุดๆระหว่างหมอจริงกับหมอปลอม
ดิฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เจอแพทย์ผิวหนังในห้องฉุกเฉินอยู่แล้ว แค่แพทย์ทั่วไป ที่เป็นแพทย์จริงๆก็พอ ซึ่งแพทย์จริงน่าจะทราบว่าจะต้องฉีดยาอะไร และสั่งให้ฉีดยาที่ถูกต้องได้ เพื่อระงับอาการแพ้ได้ทันท่วงที เพราะไม่ใช่โรคยากเย็นอะไร หากดิฉันแพ้มากกว่านั้น เช่นหายใจติดขัด หรือหายใจไม่ออกด้วยจะเป็นอย่างไร เมื่อเจอหมอปลอมคนนั้น อันตรายมากค่ะ
ขออภัยที่ไม่อาจเปิดเผยชื่อรพ.เอกชนแห่งนั้นได้ในตอนนี้ เพราะเคยทราบมาว่า แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ไปกล่าวหาเขา แต่ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าเขาผิดจริง เราก็เอามาพูดในที่สาธารณะไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเราจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทซะเอง ดิฉันมีแค่หลักฐานบางอย่าง เช่นใบเสร็จค่ายา และรอยเข็มฉีดยา และอาการผื่นบนแขน ที่ถ่ายรูปไว้ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปหมอปลอมไว้ แต่ดิฉันจำหน้าได้แม่น ชี้ตัวถูกแน่ๆ ถ้ามาให้เจออีกครั้งแค่นั้นเองค่ะ คนเราดูภายนอกไม่ได้จริงๆค่ะ รพ.ที่สวยหรู ดูดี บริการสุดยอดประทับใจ พูดเพราะ เอาใจคนไข้สาระพัด แต่ข้างในต๊ะติ๊งโหน่งค่ะ ยอมรอคิวใช้ประกันสังคมต่อไปดีกว่า รพ.เอกชนสมัยนี้แม้หมอจริงไม่อยู่ แต่ business must go on ค่ะ เค้าถึงใช้วิธีนั้นตบตาคนไข้กัน เฮ้อ !!!