http://ppantip.com/topic/30748993< ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/30756267 <ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
คำว่า “เลิก” พูดง่ายแต่ทำยาก ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ปากบอกว่าให้ตบแบบเจ็บๆไปเลย จะได้ไม่เรื้อรัง แต่มันก็ทำได้ยาก ยิ่งคิดว่าคนที่เรารักมากที่สุดจะกลายเป็นคนที่เกลียดกันที่สุด เขาเกลียดหน้าเราขนาดที่ชี้หน้าด่าได้ขนาดนี้...มันเจ็บ จุก จนร้องไห้ไม่ออก ฉันได้แต่ข่มตานอนให้หลับ ในขณะที่สามีออกไปเคลียกับผู้หญิงคนนั้น
ตีสามกว่า เขากลับมาบ้าน ฉันได้ยินเสียงเขาแต่ไม่ได้ลืมตามอง ใจมันเต้นตุ้มๆต่อมๆว่าเขาจะทำอย่างไร
“ขอโทษนะ” เขาคลานขึ้นมาบนที่นอน และกอดฉัน เอ่ยกระซิบข้างหูเหมือนที่เคยทำ ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมองหน้าเขา เขาหอบเล็กๆแปลว่าคงวิ่งมา จากตึกนั้นมาตึกนี้ห่างกันไม่กี่ช่วงถนนเท่านั้น
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ขอโทษที่พี่ด่าน้อง” สรรพนามของเขากลับมาเป็นปกติ
“เคลียกันเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่สนใจอดีต เขาสนใจแค่ปัจจุบันและอนาคต”
“หึ...นี่นะเหรอคนคิดมากของเธอ” ฉันหัวเราะในลำคอ พูดตามตรงว่าผู้หญิงคนนี้เก่งในการโน้มน้าวใจ ตอนที่คุยกับฉันเธอก็เผลอทำให้ฉันคิดว่าเธอน่าสงสารและไม่รู้จริงๆ ถ้าเกิดว่าการที่ฉันโทรไปทำให้เขาเลิกกัน เขาเป็นคนที่คิดมากแบบที่สามีบอก...ในฐานะผู้หญิงฉันเองก็สงสารเขาที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
แต่คำตอบของเธอ ตรงข้ามกับสิ่งที่สามีคิดโดยสิ้นเชิง
“ถามจริงๆเถอะ อยากให้พี่เกลียดจริงๆเหรอ”
ให้ตายสิ...ฉันคิดว่าฉันจะตัดสินใจเลิกกับเขาแล้วนะ แล้วทำไมน้ำตาฉันถึงไหลอีก
“รักพี่มากใช่มั้ย หืม” เขาค่อยๆปาดน้ำตาฉันอย่างเบามือแล้วกอดฉัน “พี่ขอโทษนะ น้องก็รู้ว่าพี่เป็นคนอารมณ์ร้อน...ทีหลังอย่าทำให้พี่โมโหสิคะ”
“แล้วมันน่าไหมล่ะ ฉันเป็นคนเจ็บนะ”
“พี่ก็ขอโทษแล้วไงคะ ไม่เป็นไรนะเดือนเจ็ดก็เดือนเจ็ด เรามาเริ่มกันใหม่ ไม่แน่หรอกนะถึงเวลานั้นพี่อาจจะคิดได้ เรามาเดินไปด้วยกันนะ พี่ก็จะขอเวลาคิดทบทวนเพราะถ้าพี่แค่หลง...มันก็น่าเสียดายนะในสิ่งที่เราเคยมีร่วมกัน น้องก็เหมือนกันนะ”
“ถ้าอย่างนั้น ขออะไรอย่างได้มั้ย” ในที่สุด ฉันก็ยอมพ่ายแพ้ความอ่อนแอ แพ้ใจตัวเอง
“ค่ะ”
“เวลามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นใส่ถุงยางได้มั้ย” อย่างน้อยสิ่งนี้ก็จะช่วยเซฟ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายในภายหลัง
“ค่ะ พี่สัญญา”
เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว เป็นไงเป็นกันฉันจะลองสู้กับผู้หญิงคนนี้ดูสักตั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าจริงๆแล้วสามีฉันรักหรือว่าแค่หลงผู้หญิงคนนี้กันแน่
*****
ไม่ว่าจะรัก หรือหลง อย่างไรมันก็ไม่อาจทำให้ฉันเสียใจน้อยลง ฉันยังคงฟุ้งซ่าน...ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจโทรหาแม่ของฉัน หลังจากที่ใครต่อใครรอบข้างเริ่มรับรู้เรื่องราวของเรา หลายคนบอกว่าเห็นเขาสองคนเดินด้วยกันมาสักพัก แต่ไม่กล้าบอก พวกเขาเองก็ยังไม่คิดว่าสามีที่แสนดีคนนั้นจะนอกใจฉัน
“แม่ หนูมีเรื่องจะบอก”
“มีอะไรลูก”
“เคนเค้ามีผู้หญิงอื่น”
“หา...อะไรกัน”
“แม่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นคือ อีจีจี้”
“แม่ว่าแล้ว ว่าผู้หญิงท่าทางเล่นหูเล่นตาแล้วนี่ไปคบกันได้ยังไง แม่ก็อุตส่าห์พูดดักคอเอาไว้ให้แล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน ไม่ใช่แฟนสิ เป็นสามีภรรยาเพราะมันถามแม่ว่าแม่เป็นแม่เคนหรือแม่เอมี่ แม่บอกเป็นแม่เอมี่ เป็นแม่ยายเคน”
“มันบอกว่ามันไม่รู้”
“ตอแหลน่ะสิ ขนาดตอนกินข้าวเค้าก็พูดกันว่าเราสองคนไปเมกาด้วยกัน มานี่มาสร้างครอบครัวด้วยกัน มันจะไม่รู้ได้ยังไง” แม่เหมือนจะของขึ้น แน่ล่ะท่านเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน ยังชมว่าหล่อนเป็นเด็กรักครอบครัวและบอกฉันว่าลองให้โอกาสเขาดู
กลายเป็นว่า ให้โอกาสเขาเดินเข้ามานอนกับสามีตัวเอง
“แล้วหนูเป็นไงบ้าง แม่เห็นตั้งแต่ที่ไทยแล้วว่าหนูซึมๆ หนูรู้มั้ยว่าหนูเจ็บ แม่เก็เจ็บนะ แล้วน้องรู้เรื่องไหม”
“หนูไม่รู้ว่าน้องรู้ไหม”
“แล้วไอ้เจ้าตัวมันอยู่ไหน มันไปอยู่กะอีนั่นเลยเหรอ”
“ก็ยังอยู่บ้าน ทุกอย่างเหมือนเดิมเพียงแต่เค้ามีอีกคนเข้ามา”
“เอมี่ ฟังแม่นะลูก ไหนๆเรื่องมันก็เกิดแล้ว หนูอย่าให้ผ้ายคนเดียวเค้าตัดอนาคตเรา แม่รู้ว่าหนูเคว้งเพราะหนูไปที่นั่นพร้อมกัน หนูมีเค้ามาตลอด แต่ต่อไปหนูต้องเข้มแข็งนะ แม่เชื่อว่าลูกของแม่เข้มแข็งพอ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครไม่เคยเจอถึงวันหนึ่งหนูจะผ่านมันไปได้ ฟังแม่นะลูก เงินในบัญชีร่วมหนูถอนออกมาให้หมด เพราะเราไม่รู้หรอกว่ามันจะหักหลังเราอีกเมื่อไหร่ แล้วเอกสารอะไรต่างๆหนูเก็บให้ดีนะลูก ตอนนี้เราไว้ใจเค้าไม่ได้แล้ว ธุรกิจเงินทองเราควรถือ”
“ค่ะ”
“แล้วเรื่องร้านเป็นยังไง คนที่ร้านรู้ไหม”
“รู้ วันก่อนพี่กอล์ฟก็โทรมา แกบอกว่าแกก็สงสัยมาสักพักแล้ว แต่ไม่คิดอะไรเพราะเห็นว่าจีจี้มีแฟนแล้ว ส่วนเคนก็มีหนูอยู่ พี่กอล์ฟบอกว่า มีวันนึงเคนมาลางานบอกจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่บ้าน เขาก็งงเพราะทำงานกะเคนมานานเคนไม่เคยลางาน แต่จริงๆมันไปเที่ยวเมลเบิร์นกะอินั่น แล้วเค้าก็โมโหจีจี้มาก เพราะเข้ามาทำงานแค่สองอาทิตย์ก็มาลางาน แล้วบอกว่า ถ้าวันไหนอยากให้หนูมาช่วยก็บอก แต่พอวันศุกร์ขาดคนให้เคนโทรตาม กลับบอกว่า ให้ทำวันเดียวใครจะทำ”
“แสดงว่าผูหญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ตั้งใจจะมาจับคนรวยๆสินะ”
“ก็น่าจะ หนูอ่านในข้อความที่มันส่งให้กัน ตอนนี้ผู้หญิงก็ไม่ทำงาน เคนไปคอยเทียวส่งข้าวส่งน้ำเช้าเย็น”
“เอมี่เอ้ย แม่รู้ว่าหนูรักเค้า แม่ก็เคยผ่านมาก่อน แต่แม่เชื่อหนูว่าหนูเข้มแข็งพอที่จะเดินต่อไปได้ คนเราล้มได้นะลูกแต่ล้มแล้วต้องลุกให้ได้ ตอนนี้หนูคงยังไม่พร้อมแต่จำไว้นะว่าหนูยังมีแม่ มีพ่อ มีน้อง อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าวู่วามใช้สติเยอะๆ หมั่นสวดมนต์ แล้วหันมาดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก ซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่ พอซะทีกับการอดออมเป็นบ้าเป็นบอ เพราะเราอดแทบตายสุดท้ายเค้าเอาไปให้ผู้หญิงอื่นใช้ คุ้มกันไหมลูก เชื่อแม่นะ อย่าปล่อยตัว เราต้องทำให้คนที่มันทิ้งเราเสียดายเรา”
“ค่ะ หนูเชื่อแม่”
หลังจากวางสายไปแล้วไม่นาน แม่สามีก็โทรมาหาฉันพร้อมกับเรื่องราวใหม่ที่ทำให้ฉันไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจกับมัน
“ม๊าถามหน่อย ผู้หญิงคนนั้นตาโต ผมยาวใช่ไหมลูก”
“ค่ะ”
“มีคนทักมาว่าเคนเค้าโดนของนะ เค้าบอกผู้หญิงลักษณะแบบนี้ใช่ไหม มีของอยู่เค้าลงมาที่ตัวของเค้า ของพวกสาลิกา ลงนะ แต่ไม่รู้ว่ามีของต่ำอื่นด้วยหรือเปล่า มันผ่านอะไรมาเยอะแล้วมันมาเมืองนอกก็อยากได้ใครสักคนที่เลี้ยงดูมัน”
“จริงเหรอม๊า” ในใจฉันมันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับเรื่องแบบนี้ เพราะปกติฉันเป็นคนไม่เชื่อหมอดู ไม่ดูดวง ฉันเชื่อว่าจะดีจะร้ายมันขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา พาลให้นึกถึงตอนกลับไทยที่ฉันไปทำบุญวัดหลวงพ่อพระใส (โพธิ์ชัย จ.หนองคาย) ความหมายของเซียมซีมีแค่ว่า ชีวิตคนเราเหมือนท้องทะเล มีคลื่นบ้าง มีสงบบ้าง เรื่องร้ายที่เข้ามามันจะผ่านพ้นไปเสมอ ในตอนนั้นฉันยังงงและคิดว่า มันก็ปกตินี่นา ชีวิตคนมีดีย่อมมีร้าย ไม่มีใครที่ขึ้นได้ตลอดและไม่มีใครที่จะตกต่ำตลอด ฉันไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร...จนมาวันนี้ฉันเข้าใจความหมายของเซียมซีใบนั้นแจ่มแจ้ง
“เอมี่อย่าเพิ่งทิ้งเคนไปไหนนะลูก ช่วยเค้าก่อน เดี๋ยวทางนี้ม้าจะหาน้ำมนต์และเดี๋ยวม้าส่งผ้าถุงไปให้”
“ค่ะ”
หลังจากวางสายแม่สามีฉันมานั่งครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิด ลองเปรียบเทียบว่าเขาแค่หลงผู้หญิงคนนั้นหรือโดนของจริงๆ
ฉันรู้ว่าสามีเป็นคนทุ่มเท หากรักแล้วจะแสดงออกชัดเจน เหมือนตอนที่รักกันใหม่ๆ เขาของฉันแต่งงานที่อเมริกาทั้งที่คบกันได้เพียงเดือนเดียว ฉันปฏิเสธไปเพราะมันแน่นอนอยู่แล้วว่าหนึ่งเดือนที่คบกันมันยังเห็นอะไรในตัวกันและกันไม่มากพอ แต่สิ่งที่เขาทำให้เห็นคือเขาขยัน แม่สอนเสมอว่าคนขยันไม่อดตาย เขาทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าอยากสร้างอนาคตร่วมกัน เขามีความรับผิดชอบ ฉันเคยชวนเขาให้ลางานแล้วไปเที่ยวต่างรัฐ แต่เขาก็ไม่ไปเพราะเขาบอกว่า
“เรามีโอกาสมาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์และเก็บเงิน(ที่เมกา) เราควรเก็บให้มากที่สุด เพื่อพ่อแม่จะได้ไว้ใจเราและต่อไปในอนาคตถ้าเราอยากไปประเทศไหน เราก็พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วว่าเราสามารถทำได้”
แต่กับผู้หญิงคนนี้ เขาไปเที่ยวทุกที่ ลางาน ขาดงาน เข้างานสาย คล้ายกับว่าทิ้งการงานไปเลย หุ้นส่วนร้านเขาก็โทรมาเล่าว่าไม่สนใจอะไร เป็นเชฟที่พอมีเวลาว่างก็กดโทรศัพท์ แทนที่จะเช็คขอ ทำของที่ยังขาด เคนไม่เคยเป็นคนแบบนี้
เรื่องเงิน...เราเป็นคนที่งกมาก ชนิดที่ว่าหากอาทิตย์นี้ฉันกดเงินใน ATM ไปใช้ 20 เหรียญเขาจะหักจากเงินของอาทิตย์หน้า เพราะถือว่าฉันใช้เงินในอนาคต เขาจะนั่งนับเงินและมีความสุขที่เห็นเงินงอกเงยขึ้น กระเป๋าตังค์จะติดตัวและเขาเป็นคนไม่เคยทำกระเป๋าหาย กระเป๋าตังค์เหมือนหัวใจของเขาที่เขานึกถึงตลอดเวลา
แต่ล่าสุดได้ข่าวว่าเขาลืมกระเป๋าไว้ในรถของพี่กอล์ฟ และไม่รู้ว่าหายจนกระทั่งไปซื้อของ ตอนนั้นยังโทรมาและบอกพี่กอล์ฟว่าเขามาเจอจีจี้ที่ห้าง เลยยืมเงินไปก่อน น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนเลยที่เงินหาย
จากคนที่ไม่สนใจเรื่องการแต่งตัว เป็นคนง่ายๆ สบายๆ กลายเป็นว่าต้องมีพร๊อปติดตัวเป็นแว่นกันแดด ผ้าพันคอ ฉีดน้ำหอมทุกครั้ง มีครั้งหนึ่งเขาไปทำงานสายแล้ว แต่เดินกลับมาบ้านและบอกว่า ลืมแว่นตา
หากเป็นเคนคนเดิมคงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยประเภทนี้
มันทำให้ใจฉันเอนเอียงไปว่า...เคนอาจจะโดนของ
จริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาโดนของจริง หรือเป็นการเข้าข้างตัวเองกันแน่ แต่การที่ฉันคิดว่าเขาโดนของมันก็เหมือนต่อความหวังลมๆแล้งๆของตนเองไปเรื่อย คิดว่าหากโดนของ สิ่งที่แสดงออกมาทั้งหมดไม่ใช่ตัวเขา เขาแคไขว้เขวเพราะมีสิ่งอื่นมาดลใจ
เชื่อเถอะค่ะ ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยเมื่อแฟนนอกใจ มักคิดว่าเขาโดนของ
แต่ฉันก็ไม่ได้คิดแค่นั้นนะคะ ฉันมองยอนมาดูตัวเองและเริ่มปรับปรุงตัวใหม่ จากที่เมื่อก่อนไปทำงาน 7 วัน ฉันไม่มีเวลาดูแลเขาดูแลบ้านได้เต็มที่ บ้านที่ปล่อยเช่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายค่ะอยู่ มีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียว เรามีเกาหลีอยู่ด้วย มันจึงค่อนข้างรก ช่วงนี้ฉันว่างและฟุ้งซ่านจึงจัดการเก็บกวาดบ้าน ทำความสะอาด ทำหารรอสามีกลับมา ก็ตั้งใจไว้แล้วนี่ว่าจะลองสู้ดูสักตั้ง
อย่างน้อย ถ้าถึงเดือนกรกฏาแล้วอะไรๆมันยังไม่ดีขึ้น นั่นก็แปลว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว
*******
สามีฉันทำงานตอนเช้าเลิกประมาณเที่ยง เขาจะแวะไปหาผู้หญิงคนนั้นและอยู่ด้วยกันจนกระทั่งไปทำงานตอนเย็น ซึ่งก็เป็นเวลาที่ฉันสามารถตามไปที่ร้านได้ ฉันอยากอยู่ใกล้เขา อยากมีเวลาร่วมกัน แต่แล้วยิ่งไปก็ยิ่งเจ็บเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคอยโทรหาสามีเป็นระยะๆ
ลองนึกภาพดูเถอะว่า ฉันนั่งข้างเขาบนรถ เห็นเขากดส่งข้อความหาผู้หญิงคนนั้นตลอดเวลา นอนข้างเขาต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนั้นโทรมาเรียกเขาออกไปหา เห็นเขาผิวปากอารมณ์ดีเพื่อแต่งองค์ทรงเครื่องออกไปหากัน
เขาเช่าห้องไว้แถวใกล้ๆร้าน เพื่อเป็นรังรัก เพราะบ้านหลังนี้มีฉันอยู่ และบ้านหลังนั้นเขาอยู่แชร์ในห้องรวมกับคนอื่น และจะนอนด้วยกันทุกคืนวันเสาร์ สามีจะหายไปในวันเสาร์และวันอาทิตย์ทั้งวัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตคือ ถุงยางอนามัยในกระเป๋าสามีไม่พร่องลงไปเลย ...ลืมไปบอกไปว่าเราสองคนตกลงกันแล้ว ฉันบอกเขาว่าเราคบกันมาห้าปีเขาอ้าปากฉันก็รู้ว่าอะไรจริงไม่จริง ดังนั้นอย่าโกหก เขาจะโกหกผู้หญิงของเขาว่าเลิกกับฉันแล้วหรืออะไรก็ตามสบาย แต่สำหรับฉันขอความจริง
“ถามจริงๆได้ใส่ถุงยางที่ซื้อให้มั้ย”
สามีนิ่ง “คือ ไม่ค่อยได้ใส่”
“ทำไม ก็สัญญากันแล้วหนิ”
“จีจี้เขาไม่ชอบให้ใส่ เขาบอกว่าเขาเจ็บ”
??!!? ถ้าคุณเห็นหน้าฉันคงรู้ว่าอาการอึ้งมันเป็นยังไง “เฮ้ยพี่ ถุงยางนะไม่ใช่ถุงก็อปแก๊ปจะใส่แล้วเจ็บ ทุเรศว่ะ”
“ก็เขาเจ็บ เขาไม่อยากให้ใส่แล้วพี่ก็คิดว่าไม่ใส่แล้วมันรู้สึกดีกว่า”
“ถ้าไม่กลัวโรคติดต่อ ก็กลัวเรื่องท้องบ้างนะ...คิดบ้างหรือเปล่าว่าก่อนที่เขาจะเจ็บกับพี่เขาเจ็บกับใครต่อใครมาบ้าง พี่พูดเองไม่ใช่เหรอว่าเขามีสามีมาเยอะ ผ่านอะไรมาก็รู้อยู่แก่ใจ”
“ก็ได้ ต่อไปจะพยายามใส่”
“ใส่ไม่ใส่ก็เรื่องของเธอ โรคของเธอไม่ใช่ของชั้น” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจมันเจ็บนะคะทำไมสามีถึงหลงได้ไม่ลืมหูลืมตาขนาดนี้..แยกแยะไม่ออกเลยหรือว่าอะไรควรไม่ควร
แต่ที่กลัวมากกว่าโรคติดต่อคือถ้าเกิดนางปล่อยท้อง...ทุกอย่างจะจบทันที
To be continue
****เมื่อสามีมีเมียน้อยร้อย(ล้าน)เล่มเกวียน****ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/30756267 <ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
คำว่า “เลิก” พูดง่ายแต่ทำยาก ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ปากบอกว่าให้ตบแบบเจ็บๆไปเลย จะได้ไม่เรื้อรัง แต่มันก็ทำได้ยาก ยิ่งคิดว่าคนที่เรารักมากที่สุดจะกลายเป็นคนที่เกลียดกันที่สุด เขาเกลียดหน้าเราขนาดที่ชี้หน้าด่าได้ขนาดนี้...มันเจ็บ จุก จนร้องไห้ไม่ออก ฉันได้แต่ข่มตานอนให้หลับ ในขณะที่สามีออกไปเคลียกับผู้หญิงคนนั้น
ตีสามกว่า เขากลับมาบ้าน ฉันได้ยินเสียงเขาแต่ไม่ได้ลืมตามอง ใจมันเต้นตุ้มๆต่อมๆว่าเขาจะทำอย่างไร
“ขอโทษนะ” เขาคลานขึ้นมาบนที่นอน และกอดฉัน เอ่ยกระซิบข้างหูเหมือนที่เคยทำ ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมองหน้าเขา เขาหอบเล็กๆแปลว่าคงวิ่งมา จากตึกนั้นมาตึกนี้ห่างกันไม่กี่ช่วงถนนเท่านั้น
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ขอโทษที่พี่ด่าน้อง” สรรพนามของเขากลับมาเป็นปกติ
“เคลียกันเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่สนใจอดีต เขาสนใจแค่ปัจจุบันและอนาคต”
“หึ...นี่นะเหรอคนคิดมากของเธอ” ฉันหัวเราะในลำคอ พูดตามตรงว่าผู้หญิงคนนี้เก่งในการโน้มน้าวใจ ตอนที่คุยกับฉันเธอก็เผลอทำให้ฉันคิดว่าเธอน่าสงสารและไม่รู้จริงๆ ถ้าเกิดว่าการที่ฉันโทรไปทำให้เขาเลิกกัน เขาเป็นคนที่คิดมากแบบที่สามีบอก...ในฐานะผู้หญิงฉันเองก็สงสารเขาที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
แต่คำตอบของเธอ ตรงข้ามกับสิ่งที่สามีคิดโดยสิ้นเชิง
“ถามจริงๆเถอะ อยากให้พี่เกลียดจริงๆเหรอ”
ให้ตายสิ...ฉันคิดว่าฉันจะตัดสินใจเลิกกับเขาแล้วนะ แล้วทำไมน้ำตาฉันถึงไหลอีก
“รักพี่มากใช่มั้ย หืม” เขาค่อยๆปาดน้ำตาฉันอย่างเบามือแล้วกอดฉัน “พี่ขอโทษนะ น้องก็รู้ว่าพี่เป็นคนอารมณ์ร้อน...ทีหลังอย่าทำให้พี่โมโหสิคะ”
“แล้วมันน่าไหมล่ะ ฉันเป็นคนเจ็บนะ”
“พี่ก็ขอโทษแล้วไงคะ ไม่เป็นไรนะเดือนเจ็ดก็เดือนเจ็ด เรามาเริ่มกันใหม่ ไม่แน่หรอกนะถึงเวลานั้นพี่อาจจะคิดได้ เรามาเดินไปด้วยกันนะ พี่ก็จะขอเวลาคิดทบทวนเพราะถ้าพี่แค่หลง...มันก็น่าเสียดายนะในสิ่งที่เราเคยมีร่วมกัน น้องก็เหมือนกันนะ”
“ถ้าอย่างนั้น ขออะไรอย่างได้มั้ย” ในที่สุด ฉันก็ยอมพ่ายแพ้ความอ่อนแอ แพ้ใจตัวเอง
“ค่ะ”
“เวลามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นใส่ถุงยางได้มั้ย” อย่างน้อยสิ่งนี้ก็จะช่วยเซฟ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายในภายหลัง
“ค่ะ พี่สัญญา”
เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว เป็นไงเป็นกันฉันจะลองสู้กับผู้หญิงคนนี้ดูสักตั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าจริงๆแล้วสามีฉันรักหรือว่าแค่หลงผู้หญิงคนนี้กันแน่
*****
ไม่ว่าจะรัก หรือหลง อย่างไรมันก็ไม่อาจทำให้ฉันเสียใจน้อยลง ฉันยังคงฟุ้งซ่าน...ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจโทรหาแม่ของฉัน หลังจากที่ใครต่อใครรอบข้างเริ่มรับรู้เรื่องราวของเรา หลายคนบอกว่าเห็นเขาสองคนเดินด้วยกันมาสักพัก แต่ไม่กล้าบอก พวกเขาเองก็ยังไม่คิดว่าสามีที่แสนดีคนนั้นจะนอกใจฉัน
“แม่ หนูมีเรื่องจะบอก”
“มีอะไรลูก”
“เคนเค้ามีผู้หญิงอื่น”
“หา...อะไรกัน”
“แม่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นคือ อีจีจี้”
“แม่ว่าแล้ว ว่าผู้หญิงท่าทางเล่นหูเล่นตาแล้วนี่ไปคบกันได้ยังไง แม่ก็อุตส่าห์พูดดักคอเอาไว้ให้แล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน ไม่ใช่แฟนสิ เป็นสามีภรรยาเพราะมันถามแม่ว่าแม่เป็นแม่เคนหรือแม่เอมี่ แม่บอกเป็นแม่เอมี่ เป็นแม่ยายเคน”
“มันบอกว่ามันไม่รู้”
“ตอแหลน่ะสิ ขนาดตอนกินข้าวเค้าก็พูดกันว่าเราสองคนไปเมกาด้วยกัน มานี่มาสร้างครอบครัวด้วยกัน มันจะไม่รู้ได้ยังไง” แม่เหมือนจะของขึ้น แน่ล่ะท่านเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน ยังชมว่าหล่อนเป็นเด็กรักครอบครัวและบอกฉันว่าลองให้โอกาสเขาดู
กลายเป็นว่า ให้โอกาสเขาเดินเข้ามานอนกับสามีตัวเอง
“แล้วหนูเป็นไงบ้าง แม่เห็นตั้งแต่ที่ไทยแล้วว่าหนูซึมๆ หนูรู้มั้ยว่าหนูเจ็บ แม่เก็เจ็บนะ แล้วน้องรู้เรื่องไหม”
“หนูไม่รู้ว่าน้องรู้ไหม”
“แล้วไอ้เจ้าตัวมันอยู่ไหน มันไปอยู่กะอีนั่นเลยเหรอ”
“ก็ยังอยู่บ้าน ทุกอย่างเหมือนเดิมเพียงแต่เค้ามีอีกคนเข้ามา”
“เอมี่ ฟังแม่นะลูก ไหนๆเรื่องมันก็เกิดแล้ว หนูอย่าให้ผ้ายคนเดียวเค้าตัดอนาคตเรา แม่รู้ว่าหนูเคว้งเพราะหนูไปที่นั่นพร้อมกัน หนูมีเค้ามาตลอด แต่ต่อไปหนูต้องเข้มแข็งนะ แม่เชื่อว่าลูกของแม่เข้มแข็งพอ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครไม่เคยเจอถึงวันหนึ่งหนูจะผ่านมันไปได้ ฟังแม่นะลูก เงินในบัญชีร่วมหนูถอนออกมาให้หมด เพราะเราไม่รู้หรอกว่ามันจะหักหลังเราอีกเมื่อไหร่ แล้วเอกสารอะไรต่างๆหนูเก็บให้ดีนะลูก ตอนนี้เราไว้ใจเค้าไม่ได้แล้ว ธุรกิจเงินทองเราควรถือ”
“ค่ะ”
“แล้วเรื่องร้านเป็นยังไง คนที่ร้านรู้ไหม”
“รู้ วันก่อนพี่กอล์ฟก็โทรมา แกบอกว่าแกก็สงสัยมาสักพักแล้ว แต่ไม่คิดอะไรเพราะเห็นว่าจีจี้มีแฟนแล้ว ส่วนเคนก็มีหนูอยู่ พี่กอล์ฟบอกว่า มีวันนึงเคนมาลางานบอกจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่บ้าน เขาก็งงเพราะทำงานกะเคนมานานเคนไม่เคยลางาน แต่จริงๆมันไปเที่ยวเมลเบิร์นกะอินั่น แล้วเค้าก็โมโหจีจี้มาก เพราะเข้ามาทำงานแค่สองอาทิตย์ก็มาลางาน แล้วบอกว่า ถ้าวันไหนอยากให้หนูมาช่วยก็บอก แต่พอวันศุกร์ขาดคนให้เคนโทรตาม กลับบอกว่า ให้ทำวันเดียวใครจะทำ”
“แสดงว่าผูหญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ตั้งใจจะมาจับคนรวยๆสินะ”
“ก็น่าจะ หนูอ่านในข้อความที่มันส่งให้กัน ตอนนี้ผู้หญิงก็ไม่ทำงาน เคนไปคอยเทียวส่งข้าวส่งน้ำเช้าเย็น”
“เอมี่เอ้ย แม่รู้ว่าหนูรักเค้า แม่ก็เคยผ่านมาก่อน แต่แม่เชื่อหนูว่าหนูเข้มแข็งพอที่จะเดินต่อไปได้ คนเราล้มได้นะลูกแต่ล้มแล้วต้องลุกให้ได้ ตอนนี้หนูคงยังไม่พร้อมแต่จำไว้นะว่าหนูยังมีแม่ มีพ่อ มีน้อง อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าวู่วามใช้สติเยอะๆ หมั่นสวดมนต์ แล้วหันมาดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก ซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่ พอซะทีกับการอดออมเป็นบ้าเป็นบอ เพราะเราอดแทบตายสุดท้ายเค้าเอาไปให้ผู้หญิงอื่นใช้ คุ้มกันไหมลูก เชื่อแม่นะ อย่าปล่อยตัว เราต้องทำให้คนที่มันทิ้งเราเสียดายเรา”
“ค่ะ หนูเชื่อแม่”
หลังจากวางสายไปแล้วไม่นาน แม่สามีก็โทรมาหาฉันพร้อมกับเรื่องราวใหม่ที่ทำให้ฉันไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจกับมัน
“ม๊าถามหน่อย ผู้หญิงคนนั้นตาโต ผมยาวใช่ไหมลูก”
“ค่ะ”
“มีคนทักมาว่าเคนเค้าโดนของนะ เค้าบอกผู้หญิงลักษณะแบบนี้ใช่ไหม มีของอยู่เค้าลงมาที่ตัวของเค้า ของพวกสาลิกา ลงนะ แต่ไม่รู้ว่ามีของต่ำอื่นด้วยหรือเปล่า มันผ่านอะไรมาเยอะแล้วมันมาเมืองนอกก็อยากได้ใครสักคนที่เลี้ยงดูมัน”
“จริงเหรอม๊า” ในใจฉันมันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับเรื่องแบบนี้ เพราะปกติฉันเป็นคนไม่เชื่อหมอดู ไม่ดูดวง ฉันเชื่อว่าจะดีจะร้ายมันขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา พาลให้นึกถึงตอนกลับไทยที่ฉันไปทำบุญวัดหลวงพ่อพระใส (โพธิ์ชัย จ.หนองคาย) ความหมายของเซียมซีมีแค่ว่า ชีวิตคนเราเหมือนท้องทะเล มีคลื่นบ้าง มีสงบบ้าง เรื่องร้ายที่เข้ามามันจะผ่านพ้นไปเสมอ ในตอนนั้นฉันยังงงและคิดว่า มันก็ปกตินี่นา ชีวิตคนมีดีย่อมมีร้าย ไม่มีใครที่ขึ้นได้ตลอดและไม่มีใครที่จะตกต่ำตลอด ฉันไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร...จนมาวันนี้ฉันเข้าใจความหมายของเซียมซีใบนั้นแจ่มแจ้ง
“เอมี่อย่าเพิ่งทิ้งเคนไปไหนนะลูก ช่วยเค้าก่อน เดี๋ยวทางนี้ม้าจะหาน้ำมนต์และเดี๋ยวม้าส่งผ้าถุงไปให้”
“ค่ะ”
หลังจากวางสายแม่สามีฉันมานั่งครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิด ลองเปรียบเทียบว่าเขาแค่หลงผู้หญิงคนนั้นหรือโดนของจริงๆ
ฉันรู้ว่าสามีเป็นคนทุ่มเท หากรักแล้วจะแสดงออกชัดเจน เหมือนตอนที่รักกันใหม่ๆ เขาของฉันแต่งงานที่อเมริกาทั้งที่คบกันได้เพียงเดือนเดียว ฉันปฏิเสธไปเพราะมันแน่นอนอยู่แล้วว่าหนึ่งเดือนที่คบกันมันยังเห็นอะไรในตัวกันและกันไม่มากพอ แต่สิ่งที่เขาทำให้เห็นคือเขาขยัน แม่สอนเสมอว่าคนขยันไม่อดตาย เขาทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าอยากสร้างอนาคตร่วมกัน เขามีความรับผิดชอบ ฉันเคยชวนเขาให้ลางานแล้วไปเที่ยวต่างรัฐ แต่เขาก็ไม่ไปเพราะเขาบอกว่า
“เรามีโอกาสมาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์และเก็บเงิน(ที่เมกา) เราควรเก็บให้มากที่สุด เพื่อพ่อแม่จะได้ไว้ใจเราและต่อไปในอนาคตถ้าเราอยากไปประเทศไหน เราก็พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วว่าเราสามารถทำได้”
แต่กับผู้หญิงคนนี้ เขาไปเที่ยวทุกที่ ลางาน ขาดงาน เข้างานสาย คล้ายกับว่าทิ้งการงานไปเลย หุ้นส่วนร้านเขาก็โทรมาเล่าว่าไม่สนใจอะไร เป็นเชฟที่พอมีเวลาว่างก็กดโทรศัพท์ แทนที่จะเช็คขอ ทำของที่ยังขาด เคนไม่เคยเป็นคนแบบนี้
เรื่องเงิน...เราเป็นคนที่งกมาก ชนิดที่ว่าหากอาทิตย์นี้ฉันกดเงินใน ATM ไปใช้ 20 เหรียญเขาจะหักจากเงินของอาทิตย์หน้า เพราะถือว่าฉันใช้เงินในอนาคต เขาจะนั่งนับเงินและมีความสุขที่เห็นเงินงอกเงยขึ้น กระเป๋าตังค์จะติดตัวและเขาเป็นคนไม่เคยทำกระเป๋าหาย กระเป๋าตังค์เหมือนหัวใจของเขาที่เขานึกถึงตลอดเวลา
แต่ล่าสุดได้ข่าวว่าเขาลืมกระเป๋าไว้ในรถของพี่กอล์ฟ และไม่รู้ว่าหายจนกระทั่งไปซื้อของ ตอนนั้นยังโทรมาและบอกพี่กอล์ฟว่าเขามาเจอจีจี้ที่ห้าง เลยยืมเงินไปก่อน น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนเลยที่เงินหาย
จากคนที่ไม่สนใจเรื่องการแต่งตัว เป็นคนง่ายๆ สบายๆ กลายเป็นว่าต้องมีพร๊อปติดตัวเป็นแว่นกันแดด ผ้าพันคอ ฉีดน้ำหอมทุกครั้ง มีครั้งหนึ่งเขาไปทำงานสายแล้ว แต่เดินกลับมาบ้านและบอกว่า ลืมแว่นตา
หากเป็นเคนคนเดิมคงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยประเภทนี้
มันทำให้ใจฉันเอนเอียงไปว่า...เคนอาจจะโดนของ
จริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาโดนของจริง หรือเป็นการเข้าข้างตัวเองกันแน่ แต่การที่ฉันคิดว่าเขาโดนของมันก็เหมือนต่อความหวังลมๆแล้งๆของตนเองไปเรื่อย คิดว่าหากโดนของ สิ่งที่แสดงออกมาทั้งหมดไม่ใช่ตัวเขา เขาแคไขว้เขวเพราะมีสิ่งอื่นมาดลใจ
เชื่อเถอะค่ะ ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยเมื่อแฟนนอกใจ มักคิดว่าเขาโดนของ
แต่ฉันก็ไม่ได้คิดแค่นั้นนะคะ ฉันมองยอนมาดูตัวเองและเริ่มปรับปรุงตัวใหม่ จากที่เมื่อก่อนไปทำงาน 7 วัน ฉันไม่มีเวลาดูแลเขาดูแลบ้านได้เต็มที่ บ้านที่ปล่อยเช่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายค่ะอยู่ มีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียว เรามีเกาหลีอยู่ด้วย มันจึงค่อนข้างรก ช่วงนี้ฉันว่างและฟุ้งซ่านจึงจัดการเก็บกวาดบ้าน ทำความสะอาด ทำหารรอสามีกลับมา ก็ตั้งใจไว้แล้วนี่ว่าจะลองสู้ดูสักตั้ง
อย่างน้อย ถ้าถึงเดือนกรกฏาแล้วอะไรๆมันยังไม่ดีขึ้น นั่นก็แปลว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว
*******
สามีฉันทำงานตอนเช้าเลิกประมาณเที่ยง เขาจะแวะไปหาผู้หญิงคนนั้นและอยู่ด้วยกันจนกระทั่งไปทำงานตอนเย็น ซึ่งก็เป็นเวลาที่ฉันสามารถตามไปที่ร้านได้ ฉันอยากอยู่ใกล้เขา อยากมีเวลาร่วมกัน แต่แล้วยิ่งไปก็ยิ่งเจ็บเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคอยโทรหาสามีเป็นระยะๆ
ลองนึกภาพดูเถอะว่า ฉันนั่งข้างเขาบนรถ เห็นเขากดส่งข้อความหาผู้หญิงคนนั้นตลอดเวลา นอนข้างเขาต้องสะดุ้งตื่นทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนั้นโทรมาเรียกเขาออกไปหา เห็นเขาผิวปากอารมณ์ดีเพื่อแต่งองค์ทรงเครื่องออกไปหากัน
เขาเช่าห้องไว้แถวใกล้ๆร้าน เพื่อเป็นรังรัก เพราะบ้านหลังนี้มีฉันอยู่ และบ้านหลังนั้นเขาอยู่แชร์ในห้องรวมกับคนอื่น และจะนอนด้วยกันทุกคืนวันเสาร์ สามีจะหายไปในวันเสาร์และวันอาทิตย์ทั้งวัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตคือ ถุงยางอนามัยในกระเป๋าสามีไม่พร่องลงไปเลย ...ลืมไปบอกไปว่าเราสองคนตกลงกันแล้ว ฉันบอกเขาว่าเราคบกันมาห้าปีเขาอ้าปากฉันก็รู้ว่าอะไรจริงไม่จริง ดังนั้นอย่าโกหก เขาจะโกหกผู้หญิงของเขาว่าเลิกกับฉันแล้วหรืออะไรก็ตามสบาย แต่สำหรับฉันขอความจริง
“ถามจริงๆได้ใส่ถุงยางที่ซื้อให้มั้ย”
สามีนิ่ง “คือ ไม่ค่อยได้ใส่”
“ทำไม ก็สัญญากันแล้วหนิ”
“จีจี้เขาไม่ชอบให้ใส่ เขาบอกว่าเขาเจ็บ”
??!!? ถ้าคุณเห็นหน้าฉันคงรู้ว่าอาการอึ้งมันเป็นยังไง “เฮ้ยพี่ ถุงยางนะไม่ใช่ถุงก็อปแก๊ปจะใส่แล้วเจ็บ ทุเรศว่ะ”
“ก็เขาเจ็บ เขาไม่อยากให้ใส่แล้วพี่ก็คิดว่าไม่ใส่แล้วมันรู้สึกดีกว่า”
“ถ้าไม่กลัวโรคติดต่อ ก็กลัวเรื่องท้องบ้างนะ...คิดบ้างหรือเปล่าว่าก่อนที่เขาจะเจ็บกับพี่เขาเจ็บกับใครต่อใครมาบ้าง พี่พูดเองไม่ใช่เหรอว่าเขามีสามีมาเยอะ ผ่านอะไรมาก็รู้อยู่แก่ใจ”
“ก็ได้ ต่อไปจะพยายามใส่”
“ใส่ไม่ใส่ก็เรื่องของเธอ โรคของเธอไม่ใช่ของชั้น” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจมันเจ็บนะคะทำไมสามีถึงหลงได้ไม่ลืมหูลืมตาขนาดนี้..แยกแยะไม่ออกเลยหรือว่าอะไรควรไม่ควร
แต่ที่กลัวมากกว่าโรคติดต่อคือถ้าเกิดนางปล่อยท้อง...ทุกอย่างจะจบทันที
To be continue