หลายครั้งหลายคราที่เห็นข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนในผ้าเหลือง
ฟังข่าวแล้วรู้สึกเอือมระอา การมีพระชั่วๆยังไม่หนักใจเท่าคนโง่ๆที่ไปหลงนับถืองมงายบ้าบอ ใช้อะไรคิด...?
ในความคิดเรา ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีและอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
สิ่งที่เราควรทำคือพิจารณาจากคำสอนของศาสดาของตน (อ่านคำสอนแล้วใช้สมองคิดด้วยว่าคำสอนนั้นเหมาะกับปัจจุบันมั้ย)
แต่ที่แย่คือคนสมัยนี้เอาแต่มุ่งมั่นไปในทางพิธีกรรม ซึ่งมันจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าคุณๆไม่รู้คำสอนที่แท้จริง
เมื่อวันจันทร์มีโอกาสได้ไปเวียนเทียน นานทีปีหนจะทำกับเขาซักที ทุกทีไม่เคยเข้าวัดหรอก
ถ้าจะทำบุญเรามักจะเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า อาหารหมาแมวอะไรทำนองนี้มากกว่า เพราะรู้สึกว่าวัดก็คือธุรกิจดีๆนี่เอง
กลับมาเรื่องเวียนเทียน อันดับแรกก็ต้องเตรียมดอกไม้ธูปเทียน ในวัดก็มีไว้ให้พร้อมกับให้เราบริจากเงินตามศรัทธา
มองเข้าไปในโบสถ์ (เรียกว่าโบสถ์รึเปล่า?....ที่เราต้องเดินวนสามรอบน่ะ) ก็เห็นคนจำนวนหนึ่งเดินเวียนเทียนกันอยู่ก่อนแล้ว
ได้ยินเสียงพระประกาศใส่ไมโครโฟนว่าอย่าเพิ่งเวียนๆ มาฟังพระเทศน์ก่อน นั่งก่อน...
พระท่านพูดอยู่หลายต่อหลายรอบ แต่ไม่มีใครฟัง ตูจะเดินอ่ะ มีอะไรมั้ยพระ?
คนที่มาทำบุญส่วนหนึ่งที่ได้ยินพระท่านบอก ก็ต่างนั่งรอบโบสถ์รอพระท่านเทศน์ (ส่วนคนที่เวียนก็หน้าด้านเวียนต่อไปไม่รู้จบ)
พระท่านก็เทศน์เรื่องโน้นเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้สนใจจะฟังมากเท่าไหร่หรอก ก็ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเดิมๆ
ประมาณว่าวันอาสาฯคืออะไร พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ตอนไหน บลาๆๆ
แต่มาสะดุดตรงช่วงหนึ่งที่พระท่านบอกว่า
"พวกเราควรทำบุญใส่บาตรไปให้ญาติที่เสียไปแล้ว ไม่เช่นนั้นญาติจะเป็นผีร้องโหยหวน...."
เกิดความสงสัยที่ไม่ได้ถามออกไป...แล้วถ้าฉันไม่ได้นับถือพุทธล่ะ? จะใส่บาตรยังไง??
หลังจากนั้นก็ตั้งใจฟังท่านเทศน์ด้วยความสงสัยในหลายเรื่อง
เรากำลังรู้สึกว่า เออเนอะ ถ้าคนฟังพระแล้วไม่คิดตามนี่จะเป็นยังไง เห็นท่านเป็นพระแล้วก็เชื่อไปเสียทุกอย่าง ไม่น่าล่ะคนมันถึงเชื่อไอ้สมีคำไปได้
จบจากนั่งฟังพระเทศน์ไปยาวกว่า 20 นาที (เมื่อยมาก) ท่านก็ให้ลุกขึ้นยืนสวดมนต์ อันนี้หนักเลย สวดยาวมากกกกกกก
เรายิ่งเป็นคนที่ยืนในที่อับๆนานๆไม่ได้ ตอนนั้นยิ่งมีเสียงสวดมนต์แล้วแทบจะเป็นลม @_@
บทสวดก็ยาวเสียนี่กระไร หันข้างไปถามแม่ว่าแปลว่าอะไรหรอ แม่ก็ไม่รู้
คือ....เราเชื่อนะว่าคนส่วนมากก็ไม่รู้ความหมายของบทสวดหรอก แต่ก็สวดๆตามๆกันไป
บางคนก็ check-in บ้าง ไลน์บ้าง เราก็ว่าไม่ได้บาปนะ ในเมื่อก็ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่สวดอยู่แล้ว
และแล้วก็ถึงพิธีกรรมอันแสนทรหด เนื่องจากวัดให้เราถอดรองเท้าไว้ข้างนอก การเวียนเทียนต้องเดินเท้าเปล่า
ดูเหมือนไม่ลำบากนะ แต่คิดสภาพผู้คนเป็นร้อยถือธูปเทียนที่จุดแล้ว ควันโขมงโฉงเฉงเลยจ้า
ไม่ต้องพนมมืออะไรทั้งนั้น เอาชีวิตรอดด้วยการปัดควันให้พ้นจากหน้าก่อนเถอะ
เวียนไปก็ได้ยินเสียงร้องโอ้ยอ้ายไป จะอะไรล่ะ ก็ธูปจิ้มหลังบ้าง จิ้มหน้าบ้าง
เหยียบเศษธูปบ้าง น้ำตาเทียนหยดใส่ ที่หนักคือพ่อเราเดินเหยียบเศษแก้วชิ้นเบ้อเร้อ
เอาเข้าไป ได้แผลแทนได้บุญแล้วมั้ง
จบพิธีกรรมอันวุ่นวายเสร็จบอกกับตัวเองว่า พอเถ๊อะ ฉันคงไม่เหมาะกับวัดจริงๆ - -"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราเชื่อว่าการเวียนเทียนไม่ได้ช่วยให้ทุกคนเป็นคนดีขึ้น ไม่ได้เสริมบุญอะไรให้คุณหรอก มันก็แค่เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของชาวพุทธที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำแล้วสบายใจ ไม่เดือดร้อนใคร ถามว่าสิ่งที่ทำแล้วได้บุญคืออะไร เราก็คงตอบแน่ชัดไม่ได้ ที่แน่ๆการที่เราใช้ชีวิตคิดดีทำดีทุกวัน ไม่เบียดเบียนใคร เท่านี้ก็ดีมากพอแล้ว และจะดีกว่านี้มากถ้ารู้จักแบ่งปันความสุขให้คนอื่น
อย่าเอาแต่คิดว่าเข้าวัดมากอบโกยบุญ มันไม่ใช่ เพราะถ้าก้าวออกนอกวัดแล้วคุณประพฤติตนไม่ดียังไงก็คือคนไม่ดี ต่อให้สร้างวัดกี่สิบที่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร....
คหสต. เอาเงินที่บริจากฝังทองปิดลูกนิมิต ไปให้เด็กยากไร้ยังช่วยคนได้เยอะกว่าอีก
การเวียนเทียนอันแสนทรหด
ฟังข่าวแล้วรู้สึกเอือมระอา การมีพระชั่วๆยังไม่หนักใจเท่าคนโง่ๆที่ไปหลงนับถืองมงายบ้าบอ ใช้อะไรคิด...?
ในความคิดเรา ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีและอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
สิ่งที่เราควรทำคือพิจารณาจากคำสอนของศาสดาของตน (อ่านคำสอนแล้วใช้สมองคิดด้วยว่าคำสอนนั้นเหมาะกับปัจจุบันมั้ย)
แต่ที่แย่คือคนสมัยนี้เอาแต่มุ่งมั่นไปในทางพิธีกรรม ซึ่งมันจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าคุณๆไม่รู้คำสอนที่แท้จริง
เมื่อวันจันทร์มีโอกาสได้ไปเวียนเทียน นานทีปีหนจะทำกับเขาซักที ทุกทีไม่เคยเข้าวัดหรอก
ถ้าจะทำบุญเรามักจะเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า อาหารหมาแมวอะไรทำนองนี้มากกว่า เพราะรู้สึกว่าวัดก็คือธุรกิจดีๆนี่เอง
กลับมาเรื่องเวียนเทียน อันดับแรกก็ต้องเตรียมดอกไม้ธูปเทียน ในวัดก็มีไว้ให้พร้อมกับให้เราบริจากเงินตามศรัทธา
มองเข้าไปในโบสถ์ (เรียกว่าโบสถ์รึเปล่า?....ที่เราต้องเดินวนสามรอบน่ะ) ก็เห็นคนจำนวนหนึ่งเดินเวียนเทียนกันอยู่ก่อนแล้ว
ได้ยินเสียงพระประกาศใส่ไมโครโฟนว่าอย่าเพิ่งเวียนๆ มาฟังพระเทศน์ก่อน นั่งก่อน...
พระท่านพูดอยู่หลายต่อหลายรอบ แต่ไม่มีใครฟัง ตูจะเดินอ่ะ มีอะไรมั้ยพระ?
คนที่มาทำบุญส่วนหนึ่งที่ได้ยินพระท่านบอก ก็ต่างนั่งรอบโบสถ์รอพระท่านเทศน์ (ส่วนคนที่เวียนก็หน้าด้านเวียนต่อไปไม่รู้จบ)
พระท่านก็เทศน์เรื่องโน้นเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้สนใจจะฟังมากเท่าไหร่หรอก ก็ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเดิมๆ
ประมาณว่าวันอาสาฯคืออะไร พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ ตอนไหน บลาๆๆ
แต่มาสะดุดตรงช่วงหนึ่งที่พระท่านบอกว่า "พวกเราควรทำบุญใส่บาตรไปให้ญาติที่เสียไปแล้ว ไม่เช่นนั้นญาติจะเป็นผีร้องโหยหวน...."
เกิดความสงสัยที่ไม่ได้ถามออกไป...แล้วถ้าฉันไม่ได้นับถือพุทธล่ะ? จะใส่บาตรยังไง??
หลังจากนั้นก็ตั้งใจฟังท่านเทศน์ด้วยความสงสัยในหลายเรื่อง
เรากำลังรู้สึกว่า เออเนอะ ถ้าคนฟังพระแล้วไม่คิดตามนี่จะเป็นยังไง เห็นท่านเป็นพระแล้วก็เชื่อไปเสียทุกอย่าง ไม่น่าล่ะคนมันถึงเชื่อไอ้สมีคำไปได้
จบจากนั่งฟังพระเทศน์ไปยาวกว่า 20 นาที (เมื่อยมาก) ท่านก็ให้ลุกขึ้นยืนสวดมนต์ อันนี้หนักเลย สวดยาวมากกกกกกก
เรายิ่งเป็นคนที่ยืนในที่อับๆนานๆไม่ได้ ตอนนั้นยิ่งมีเสียงสวดมนต์แล้วแทบจะเป็นลม @_@
บทสวดก็ยาวเสียนี่กระไร หันข้างไปถามแม่ว่าแปลว่าอะไรหรอ แม่ก็ไม่รู้
คือ....เราเชื่อนะว่าคนส่วนมากก็ไม่รู้ความหมายของบทสวดหรอก แต่ก็สวดๆตามๆกันไป
บางคนก็ check-in บ้าง ไลน์บ้าง เราก็ว่าไม่ได้บาปนะ ในเมื่อก็ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่สวดอยู่แล้ว
และแล้วก็ถึงพิธีกรรมอันแสนทรหด เนื่องจากวัดให้เราถอดรองเท้าไว้ข้างนอก การเวียนเทียนต้องเดินเท้าเปล่า
ดูเหมือนไม่ลำบากนะ แต่คิดสภาพผู้คนเป็นร้อยถือธูปเทียนที่จุดแล้ว ควันโขมงโฉงเฉงเลยจ้า
ไม่ต้องพนมมืออะไรทั้งนั้น เอาชีวิตรอดด้วยการปัดควันให้พ้นจากหน้าก่อนเถอะ
เวียนไปก็ได้ยินเสียงร้องโอ้ยอ้ายไป จะอะไรล่ะ ก็ธูปจิ้มหลังบ้าง จิ้มหน้าบ้าง
เหยียบเศษธูปบ้าง น้ำตาเทียนหยดใส่ ที่หนักคือพ่อเราเดินเหยียบเศษแก้วชิ้นเบ้อเร้อ
เอาเข้าไป ได้แผลแทนได้บุญแล้วมั้ง
จบพิธีกรรมอันวุ่นวายเสร็จบอกกับตัวเองว่า พอเถ๊อะ ฉันคงไม่เหมาะกับวัดจริงๆ - -"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้