เพราะว่ามีความจริงอย่างหนึ่งว่า
นักการเมืองชั่วช้าเป็นส่วนใหญ่
ทั่วทั้งโลกเป็นอย่างนี้ทุกที่ไป
หาซื่อสัตย์จริงใจแทบไม่มี
บ้านเมืองจึงต้องมีกรรมการ
ไว้ป้องขัดทัดทานประจานจี้
นักการเมืองสับปรับและอับปลี
ไม่ให้ลี้โกงกินจนสิ้นเมือง
......................................................................................................
พวกท่านคือกรรมการ คือผู้ที่ต้องดำรงความยุติธรรมเพื่อให้ความขัดแย้งในบ้านเมืองจบลงด้วยธรรม
แล้วพวกท่านเป็นเช่นนั้นไหม ?
พวกท่านไม่เลย ทำตัวเหมือนเด็กอมมือ ไร้ความรับผิดชอบ ขาดวุฒิภาวะ เ็ห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
พวกท่านเงินเดือนเป็นแสน มีที่ทำงานอันโอ่อ่า มีรถประจำตำแหน่ง มีทุกอย่างพร้อม
กว่าพวกท่านจะดำรงตำแหน่งจนครบวาระ พวกท่านแต่ละคนได้รับเงินใช้เงินจากภาษีของประชาชนไปคนละเป็นสิบล้าน
แต่พวกท่านไม่ทำงานรับใช้ประชาชน กลับไปทำงานรับใช้การเมือง !!!
ซึ่งแทนที่พวกท่านจะทำให้บ้านเมืองยุติความขัดแย้ง กลับกลายเป็นว่าพวกท่านทำให้ความขัดแย้งรุนแรงกว่าเดิม
และยังทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งไปซะเองอีกด้วย
ขอยกตัวอย่างสักสองสามเรื่อง
ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เรื่องมาตรา 68
ที่ตัวบทกฎหมายชัดเจน เจตนารมณ์ผู้ร่างมาตรานี้ก็ชัดเจน บันทึกการประชุมก็มี ว่าต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด
แต่เพราะำพวกท่านต้องการช่วยเหลือ เข้าข้างนักการเมืองฝ่ายที่ท่านเลือก ท่านก็ตะแบงตีความกฎหมายอย่างไร้ความรับผิดชอบ
ไม่นับเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
ป.ป.ช. ล่าสุดก็เรื่องชี้มูลความผิดหมอเลี้ยบ
นี่ก็คงเพราะเรื่องราวเชื่อมโยงกับชินคอร์ปที่ทักษิณเป็นเจ้าของ (ถือหุ้นใหญ่)
หมอเลี้ยบกว่าจะลงนามแก้ไขสัญญาให้ชินคอร์ป ได้ปรึกษาหารือกับอัยการสูงสุด ใช้เวลา 10 เดือน
ไม่ใช่การเร่งรีับ หรือสะเพร่า หรือเจตนาเอื้อประโยชน์
แต่พวกท่านก็ใช้เหตุผลผสมจินตนาการว่าเป็นการเือื้อประโยชน์
หากใช้เหตุผลและจินตนาการแบบนี้ ในเมืองไทยคงไม่มีใครรอดครับ ติดคุกหมด
ดูสิ ไม่ว่าซีพี เบียร์ช้าง เซ็นทรัล ล้วนได้รับสัญญา และ/หรือมีการแก้ไขสัญญากันทั้งนั้น
เอื้อประโยชน์ทั้งนั้น ซึ่งหากเอาตามเหตุผลผสมจินตนาการของ ป.ป.ช. ติดคุกหมด
เปรียบเทียบกับคดี sms ของนายอภิสิทธิ์ ที่พวกท่านก็ชี้มูลง่าย ๆ ว่าไม่ผิด
ทั้งที่หากดูด้วยใจเป็นธรรม ผิด ไม่รอด
นายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ส่ง sms ในนามนายกฯ
เื้อื้อประโยชน์ให้ตัวเองโดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทมือถือหลายสิบล้านบาท
แต่พวกท่านบอกว่าไม่ผิด
พวกท่านอาจมองว่า เพราะทักษิณมีธุรกิจ การกระทำต่าง ๆ จึงทำเพื่อเอื้อธุรกิจตัวเอง
พวกท่านจึงหาช่องทางเอาผิดให้ได้
แต่กับอภิสิทธิ์ พวกท่านมองว่าไม่มีธุรกิจหรือผลประโยชน์ใด ๆ ไม่สมควรเอาผิด
พวกท่านจึงเลือกชี้มูลแบบไม่เอาผิด
ซึ่งมันเป็นหลักคิดที่ผิด และทำให้หลัีกของบ้านเมืองเสียหาย
อภิสิทธิ์ไม่มีธุรกิจ ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
แต่กรณี sms นี่ มันทำให้อภิสิทธิ์ได้ประโยชน์ บริษัทมือถือได้ประโยชน์
เป็นความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว แต่พวกท่านกลับเอามุมมองอันเกิดจากอคติชอบมาเป็นเครื่องชี้วัด
ต่างกับทักษิณ ที่พวกท่านรับใช้การเมือง ท่านจะมองอยู่มิติเดียวว่าเขามีผลประโยชน์ ทำเพื่ดผลประโยชน์
โดยไม่ยึดหลักกฎหมาย ไม่คำนึงหลักฐานทางข้อกฎหมาย ใช้วิธีเอาผิดแบบครอบจักรวาล
กกต. กรณีนายอภิชาต อาศัยตำแหน่งนายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งยุติเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งที่อนุกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ มีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิชาติอ้างอย่างหน้ามึน ๆ ว่า ใช้ความเป็นผู้พิพากษาพิจาณาเรื่องนี้
ด้วยการอ้างว่า พรรค ปชป. ไม่มีเจตนาทำผิด และก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชน
ก็อยากถามนายอภิชาติว่า แล้วกรณีนายจตุพรล่ะ ที่โดนเพิกถอนสมชิกภาพ ส.ส.
จตุพรมีเจตนาไม่ไปเลือกตั้งไหม ? ทำไมเรื่องนี้ไม่มองที่เจตนาบ้าง
จตุพรไม่ได้โดนจำคุก แค่โดนขังระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี
หากจะยึดตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าหากโดนสั่งจำคุกเป็นอันขาดสมาชิกภาพพรรค อันส่งผลให้ขาดความเป็น ส.ส.
ทางพรรคเพื่อไทย เขาก็ชี้แจงกับ กกต. แล้วว่า ตามข้อบังคับพรรคนั้น เขาหมายถึงโดนสั่งจำคุกจริง ๆ
และหากจะอ้างข้อบังคับพรรค มันก็ขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์จตุพรอยู่
ข้อบังคับพรรคกับรัฐธรรมนูญ อะไรใหญ่กว่ากัน กกต.ควรยึดอะไรเป็นหลักในการพิจารณา
ผู้ตรวจการแผ่นดิน และ กสม. ไม่อยากเอ่ยถึง ยิ่งกว่าเด็กประถม
ถ้าเรื่องของฝ่ายหนึ่งออกแอคชั่นทันที แต่ถ้าอีกฝ่าย เงียบเหมือนหมาปากป่วย
ยิ่ง กสม. นี่ยิ่งน่าเกลียด
เรื่อง 99 ศพ บาดเจ็บสองพัน เฉย ทั้งที่ชัดเจนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้น
แต่กับเรื่องนายเอกยุทธ โห ยังกะญาติผู้ใหญ่ประสบเคราะห์กรรม
บ่อยากสิเว้า มันสิฮากกกกกกก...
พวกท่านไร้ความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว ไร้วุฒิภาวะ
บางหน่วยงานก็ถืออำนาจ อวดอำนาจ ไม่ถึงขั้นกร่าง แต่ชอบพูดแบบชี้นำ เข้าข้าง ไม่มีจิตสำนึกในการทำงาน
บางหน่วยงานก็ทำงานหมาไม่แดรก อยากมีอำนาจ อยากมีบทบาท
แต่ดันแสดงอำนาจ แสดงบทบาทออกมาแบบเด็กอมมือ
การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง ใครผิดว่าไปตามผิด ใครถูกปล่อยเขาไป
กฎหมายไม่ถึง หลักฐานไม่พอ ก็ต้องปล่อยไป ไม่ใช่ใช้วิธีเอาผิดให้ได้ จนหลักบ้านเมืองเสียหาย
แล้วพอมีคำถาม ขอคำชี้แจง ก็แถไปเรื่อย ข้าง ๆ คู ๆ
ซึ่งเป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยกให้บ้านเมือง
อย่าทำตัวเป็นเด็กรับใช้การเมืองเพียงเพราะเห็นผลประโยชน์ที่ตนจะได้ เพราะเพราะความชอบความชัง
อย่าทำตัวเป็นเด็กในโอวาทผู้มีอำนาจ เหมือนเด็กรับใช้ที่ทำให้ผู้ใหญ่พอใจ
พวกท่านคือกรรมการ พวกท่านมีวัยวุฒิ มีคุณวุฒิ มีความรู้ มีประสบการณ์
ที่ควรใช้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้บ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อใครหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เมื่อยมือบ่ะ
ก็คงแบบ ตักน้ำรดหัวหลักหัวตอ
แก่ ๆ กันทั้งนั้น อย่าตายไปแบบใครอ่านหนังสืองานศพแล้วส่ายหน้าเลย
(เพราะหนังสืองานศพจะสรรเสริญเยินยอซะเลิศหรู แต่สังคมนั้นรับรู้ว่าพวกท่านทำตำบอนอะไรไว้ให้บ้านเมือง)
จบ เหนื่อย
ตราอันทรงสิทธิ์
เพื่อสถิตยุติธรรม
มาเลือนเลอะชอกช้ำ
เพราะชั่วในตัวคน ฯ
ศาลรัฐธรรมนูญ, ป.ป.ช., กกต., ผู้ตรวจการแผ่นดิน, กสม. รู้ตัวไหม พวกท่านคือตัวสร้างปัญหาให้บ้านเมือง
เพราะว่ามีความจริงอย่างหนึ่งว่า
นักการเมืองชั่วช้าเป็นส่วนใหญ่
ทั่วทั้งโลกเป็นอย่างนี้ทุกที่ไป
หาซื่อสัตย์จริงใจแทบไม่มี
บ้านเมืองจึงต้องมีกรรมการ
ไว้ป้องขัดทัดทานประจานจี้
นักการเมืองสับปรับและอับปลี
ไม่ให้ลี้โกงกินจนสิ้นเมือง
......................................................................................................
พวกท่านคือกรรมการ คือผู้ที่ต้องดำรงความยุติธรรมเพื่อให้ความขัดแย้งในบ้านเมืองจบลงด้วยธรรม
แล้วพวกท่านเป็นเช่นนั้นไหม ?
พวกท่านไม่เลย ทำตัวเหมือนเด็กอมมือ ไร้ความรับผิดชอบ ขาดวุฒิภาวะ เ็ห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
พวกท่านเงินเดือนเป็นแสน มีที่ทำงานอันโอ่อ่า มีรถประจำตำแหน่ง มีทุกอย่างพร้อม
กว่าพวกท่านจะดำรงตำแหน่งจนครบวาระ พวกท่านแต่ละคนได้รับเงินใช้เงินจากภาษีของประชาชนไปคนละเป็นสิบล้าน
แต่พวกท่านไม่ทำงานรับใช้ประชาชน กลับไปทำงานรับใช้การเมือง !!!
ซึ่งแทนที่พวกท่านจะทำให้บ้านเมืองยุติความขัดแย้ง กลับกลายเป็นว่าพวกท่านทำให้ความขัดแย้งรุนแรงกว่าเดิม
และยังทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งไปซะเองอีกด้วย
ขอยกตัวอย่างสักสองสามเรื่อง
ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เรื่องมาตรา 68
ที่ตัวบทกฎหมายชัดเจน เจตนารมณ์ผู้ร่างมาตรานี้ก็ชัดเจน บันทึกการประชุมก็มี ว่าต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด
แต่เพราะำพวกท่านต้องการช่วยเหลือ เข้าข้างนักการเมืองฝ่ายที่ท่านเลือก ท่านก็ตะแบงตีความกฎหมายอย่างไร้ความรับผิดชอบ
ไม่นับเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
ป.ป.ช. ล่าสุดก็เรื่องชี้มูลความผิดหมอเลี้ยบ
นี่ก็คงเพราะเรื่องราวเชื่อมโยงกับชินคอร์ปที่ทักษิณเป็นเจ้าของ (ถือหุ้นใหญ่)
หมอเลี้ยบกว่าจะลงนามแก้ไขสัญญาให้ชินคอร์ป ได้ปรึกษาหารือกับอัยการสูงสุด ใช้เวลา 10 เดือน
ไม่ใช่การเร่งรีับ หรือสะเพร่า หรือเจตนาเอื้อประโยชน์
แต่พวกท่านก็ใช้เหตุผลผสมจินตนาการว่าเป็นการเือื้อประโยชน์
หากใช้เหตุผลและจินตนาการแบบนี้ ในเมืองไทยคงไม่มีใครรอดครับ ติดคุกหมด
ดูสิ ไม่ว่าซีพี เบียร์ช้าง เซ็นทรัล ล้วนได้รับสัญญา และ/หรือมีการแก้ไขสัญญากันทั้งนั้น
เอื้อประโยชน์ทั้งนั้น ซึ่งหากเอาตามเหตุผลผสมจินตนาการของ ป.ป.ช. ติดคุกหมด
เปรียบเทียบกับคดี sms ของนายอภิสิทธิ์ ที่พวกท่านก็ชี้มูลง่าย ๆ ว่าไม่ผิด
ทั้งที่หากดูด้วยใจเป็นธรรม ผิด ไม่รอด
นายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ส่ง sms ในนามนายกฯ
เื้อื้อประโยชน์ให้ตัวเองโดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทมือถือหลายสิบล้านบาท
แต่พวกท่านบอกว่าไม่ผิด
พวกท่านอาจมองว่า เพราะทักษิณมีธุรกิจ การกระทำต่าง ๆ จึงทำเพื่อเอื้อธุรกิจตัวเอง
พวกท่านจึงหาช่องทางเอาผิดให้ได้
แต่กับอภิสิทธิ์ พวกท่านมองว่าไม่มีธุรกิจหรือผลประโยชน์ใด ๆ ไม่สมควรเอาผิด
พวกท่านจึงเลือกชี้มูลแบบไม่เอาผิด
ซึ่งมันเป็นหลักคิดที่ผิด และทำให้หลัีกของบ้านเมืองเสียหาย
อภิสิทธิ์ไม่มีธุรกิจ ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
แต่กรณี sms นี่ มันทำให้อภิสิทธิ์ได้ประโยชน์ บริษัทมือถือได้ประโยชน์
เป็นความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว แต่พวกท่านกลับเอามุมมองอันเกิดจากอคติชอบมาเป็นเครื่องชี้วัด
ต่างกับทักษิณ ที่พวกท่านรับใช้การเมือง ท่านจะมองอยู่มิติเดียวว่าเขามีผลประโยชน์ ทำเพื่ดผลประโยชน์
โดยไม่ยึดหลักกฎหมาย ไม่คำนึงหลักฐานทางข้อกฎหมาย ใช้วิธีเอาผิดแบบครอบจักรวาล
กกต. กรณีนายอภิชาต อาศัยตำแหน่งนายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งยุติเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งที่อนุกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ มีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์
นายอภิชาติอ้างอย่างหน้ามึน ๆ ว่า ใช้ความเป็นผู้พิพากษาพิจาณาเรื่องนี้
ด้วยการอ้างว่า พรรค ปชป. ไม่มีเจตนาทำผิด และก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชน
ก็อยากถามนายอภิชาติว่า แล้วกรณีนายจตุพรล่ะ ที่โดนเพิกถอนสมชิกภาพ ส.ส.
จตุพรมีเจตนาไม่ไปเลือกตั้งไหม ? ทำไมเรื่องนี้ไม่มองที่เจตนาบ้าง
จตุพรไม่ได้โดนจำคุก แค่โดนขังระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี
หากจะยึดตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าหากโดนสั่งจำคุกเป็นอันขาดสมาชิกภาพพรรค อันส่งผลให้ขาดความเป็น ส.ส.
ทางพรรคเพื่อไทย เขาก็ชี้แจงกับ กกต. แล้วว่า ตามข้อบังคับพรรคนั้น เขาหมายถึงโดนสั่งจำคุกจริง ๆ
และหากจะอ้างข้อบังคับพรรค มันก็ขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์จตุพรอยู่
ข้อบังคับพรรคกับรัฐธรรมนูญ อะไรใหญ่กว่ากัน กกต.ควรยึดอะไรเป็นหลักในการพิจารณา
ผู้ตรวจการแผ่นดิน และ กสม. ไม่อยากเอ่ยถึง ยิ่งกว่าเด็กประถม
ถ้าเรื่องของฝ่ายหนึ่งออกแอคชั่นทันที แต่ถ้าอีกฝ่าย เงียบเหมือนหมาปากป่วย
ยิ่ง กสม. นี่ยิ่งน่าเกลียด
เรื่อง 99 ศพ บาดเจ็บสองพัน เฉย ทั้งที่ชัดเจนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งนั้น
แต่กับเรื่องนายเอกยุทธ โห ยังกะญาติผู้ใหญ่ประสบเคราะห์กรรม
บ่อยากสิเว้า มันสิฮากกกกกกก...
พวกท่านไร้ความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว ไร้วุฒิภาวะ
บางหน่วยงานก็ถืออำนาจ อวดอำนาจ ไม่ถึงขั้นกร่าง แต่ชอบพูดแบบชี้นำ เข้าข้าง ไม่มีจิตสำนึกในการทำงาน
บางหน่วยงานก็ทำงานหมาไม่แดรก อยากมีอำนาจ อยากมีบทบาท
แต่ดันแสดงอำนาจ แสดงบทบาทออกมาแบบเด็กอมมือ
การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง ใครผิดว่าไปตามผิด ใครถูกปล่อยเขาไป
กฎหมายไม่ถึง หลักฐานไม่พอ ก็ต้องปล่อยไป ไม่ใช่ใช้วิธีเอาผิดให้ได้ จนหลักบ้านเมืองเสียหาย
แล้วพอมีคำถาม ขอคำชี้แจง ก็แถไปเรื่อย ข้าง ๆ คู ๆ
ซึ่งเป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยกให้บ้านเมือง
อย่าทำตัวเป็นเด็กรับใช้การเมืองเพียงเพราะเห็นผลประโยชน์ที่ตนจะได้ เพราะเพราะความชอบความชัง
อย่าทำตัวเป็นเด็กในโอวาทผู้มีอำนาจ เหมือนเด็กรับใช้ที่ทำให้ผู้ใหญ่พอใจ
พวกท่านคือกรรมการ พวกท่านมีวัยวุฒิ มีคุณวุฒิ มีความรู้ มีประสบการณ์
ที่ควรใช้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้บ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อใครหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เมื่อยมือบ่ะ
ก็คงแบบ ตักน้ำรดหัวหลักหัวตอ
แก่ ๆ กันทั้งนั้น อย่าตายไปแบบใครอ่านหนังสืองานศพแล้วส่ายหน้าเลย
(เพราะหนังสืองานศพจะสรรเสริญเยินยอซะเลิศหรู แต่สังคมนั้นรับรู้ว่าพวกท่านทำตำบอนอะไรไว้ให้บ้านเมือง)
จบ เหนื่อย
ตราอันทรงสิทธิ์
เพื่อสถิตยุติธรรม
มาเลือนเลอะชอกช้ำ
เพราะชั่วในตัวคน ฯ