เรื่องทำเสน่ห์และคุณไสยในพุทธศาสนามีบัญญัติมั๊ย และหากมีแก้ไขยังไง

กระทู้คำถาม
พอดีเพื่อนเราเขาปรึกษาว่า  มีน้องคนนึงที่รู้ัจักกันในออนไลน์ไปเที่ยวกับชายสูงอายุรุ่นราวคราวพ่อ  ซึ่งเป็นผู้ชายที่แ่ม่น้องแนะนำมา แรกๆน้องรู้สึกไม่ชอบ แต่อดปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องไปทานอาหารนอกบ้านเพราะเห็นแก่แม่  น้องก็ไปทานอาหารกับเขาโดยแม่ก็ไปด้วยของค่ำวันศุกร์ กว่าจะกลับก็เข้าวันใหม่ในวันเสาร์

หลังจากที่กลับจากทานอาหาร น้องก็มีอาการนอนไม่หลับ  และวันเสาร์น้องก็ต้องไปทำงานต่ออีก  จนกระทั่งวันอาสาฬบูชาน้องก็ไปวัดกับแม่ก็ไปรับศีล 5  กลับจากถือศีลในตอนค่ำ น้องก็เข้าคุยกับเพื่อนของเรา  และเพื่อนก็เล่าว่าน้องเพ้อหาแต่ผู้ชายคนนี้

เพื่อนเราปกติสนใจในพระพุทธศาสนา  ส่วนเราก็เพิ่งเข้ามาเรียนรู้ในพระพุทธศาสนา รู้แต่ว่าหลักคำสอนของพระธรรมสอนให้เราเชื่อเรื่องเหตุและผล เราเลยแย้งกับเพื่อนว่า พุทธศาสนาสอนให้เราเชื่อเหตุและผล แต่การทำเสน่ห์ในความคิดของเราคือเรื่องงมงาย  เพื่อนเราเลยบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้  เราเลยไม่กล้าแย้งเพราะเราก็ไม่มั่นใจเรื่องนี้เท่าไหร่

แต่เราบอกกับเพื่อนว่าผู้ชายคนนั้น เป็นคนที่แม่หามา  และจะมีแม่ที่ไหนหาผู้ชายไม่ดีให้กับลูกตัวเอง  น้องเค้าเพิ่งเที่ยวมาด้วยกัน เขาอาจจะประทับใจผู้ชายคนนี้ก็ได้  แต่เพื่อนเราก็เชื่อมั่นว่าน้องโดนคุณไสย์ เพราะน้องเล่าให้เพื่อนเราฟังว่าปวดหัว  และได้ดื่่มน้ำมนต์จากผู้ชายคนนั้น ซึ่งเพื่อนเราสันนิษฐานว่าน้องต้องถูกผู้ชายคนนั้นทำคุณไสย์ใส่

ตอนนี้เราสับสนว่าในเมื่อพุทธศาสนาสอนให้เราเื่ชื่อเหตุและผล และเรื่องการทำคุณไสย์ทำเสน่ห์เคยมีบัญญัติในพุทธศาสนาหรือไม่ และการทำเสน่ห์มีจริงหรือ  และหากน้องถูกทำเสน่ห์จริง มีวิธีแก้ไขยังไงคะ  

แต่หากน้องไม่ได้ทำคุณไสย์ เราจะอธิบายยังไงให้เพื่อนเข้าใจ เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าน้องถูกทำเสน่ห์จริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่