[บทความ/แนะนำ]เรื่องชวนเหว๋อ เรื่องควรช็อค เรื่องควรระวัง กับการไปเที่ยวญี่ปุ่น[Japan]

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาอีกครั้งกับบทความต้อนรับ ไปญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่า

โดยในบทความนี้จะเป็นบทความที่สองที่ได้เียนขึ้นมาจากประสบการณ์จากคนเขียนที่เคยไปเที่วญี่ปุ่นมา.....1 ครั้ง 55555

ตอนนั้นไป ประมาณเดือน พฤศจิกายน ระยะเวลาอยู่อาศัยประมาณ 11 วัน เที่ยว TOKYO >> Osaka และแถวนั้น >> TOKYO และเป็นการเที่ยวแบบไม่มีทัวร์ ลงไปมั่วกันเอง บินโดยการบินไทย ลงที่ NRT

เคยเขียนเกริ่นๆไปแล้วกระทู้นึง ใครที่สนใจก็เชิญอ่านได้นะครับ

[บทความ/ให้คำแนะนำ] ไปญี่ปุ่น....บินไปยังไงดี!! [ต้อนรับไม่ต้องขอ Visa]http://ppantip.com/topic/30661376

โอเคครับสำหรับกระทู้นี้เนื้อหาจะเน้นไปที่ >>> เรื่องชวนเหว๋อๆเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น รวมไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆที่อ่านหนังสือเที่ยวยังไงก็ไม่เข้าใจ ต้องไปเจอเองถึงจะเข้าใจ........เพื่อที่จะเป็นข้อควรระวังจะได้ไม่เหว๋อแบบผมและชาวคณะนะครับ (ปลายปีหน้าเตรียมตะลุย Tokyo >> Sapporo)

**เป็นบทความปลายเปิด ทุกท่านสามารถให้ข้อเสนอแนะหรือแนะนำเพิ่มเติมได้นะครับ

**สดุดีแด่เพื่อนร่วมทริป 11 วัน....ฉายานายกระติกน้ำร้อน....ป่วยเป็นหวัดวันจะบินไป.....หายตอนวันบินกลับ

สำหรับของผมเองก่อนนะครับ......

ช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน อุณหภูมิที่นั่นประมาณ 10 องศา (ขึ้นลงไม่เกิน5องศา) การแต่งกายในขณะนั้น Jacket ธรรมดาตัวเดียวอยู่ครับไม่ต้องซีเรียสขนไปเยอะ เปลืองน้ำหนัก+เกะกะสุดยอด

1. เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในสนามบินของไทย และ ไฟลท์บินขาไป

- ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าสายการบินของเราน้ำหนักกระเป๋าเท่าไหร่....นับแค่น้ำหนักอย่างเดียว ให้กระเป๋ามากกว่า 1 ใบได้ไหม ยกตัวอย่างที่ผมไปนะครับ การบินไทยให้น้ำหนักกระเป๋าตอนนั้น 23 kg แต่สามารถโหลดได้ 2 ใบ(รวมกันห้ามเกิน 23kg)

- โปรดระวังเค้าน์เตอร์เช็คอินแถวยาวมาก.....ให้ไปแอบดูที่Row ต้นๆใกล้ๆกับ Domesticของการบินไทย.....บางทีเขาเปิดช่องเฉพาะเช็คอิน Korea Japan ให้เลย แถวแทบจะไม่มี

- เอกสารใบออกนอกประเทศกรุณากรอกให้เสร็จตั้งแต่ได้รับใบมา ทั้งขาเข้าและขาออก!!!! (เผื่อลืม-__-')

- หากพาสสปอร์ตของท่านรู้สึกว่ามันโล่งเกินไป....หรือเล่มใหม่เอี่ยม....กรุณาเข้าช่องตม. แบบเจ้าหน้าที่เขาจะปั๊มลงวันที่เดินทางในเล่ม เพิ่มความสกปรกและความขลังของสมุดอีกนิด (เหตุผลทางอารมณ์ล้วนๆ) หากท่านมีเยอะแล้ว เชิญช่องAutomatic

- ของมีคมทุกชนิด ของเหลว ห้ามนำติดตัว !!!!! (ข้อนี้ทั่วไป)

- กรุณาสมัครบัตรสมาชิก King power ไว้ด้วย เพราะนอกจากท่านจะใช้ลดราคาในDuty free ได้แล้ว ท่านยังสามารถใช้บริการเล้าจ์ของเขาได้ด้วย
**ถือว่าสำคัญ เพราะหากท่านเข้าไปก่อนแล้วเกิดอาการหิวน้ำ จะเจอกับน้ำเปล่าขวดละ 60 บาท......แต่ท่านเข้าเล้าจ์ของKing power ท่านจะมี น้ำดื่ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ ขนมต่างๆ รวมถึงอาหารว่างตามเวลา....แบบฟรีๆ!!!!**

- ข้อมูลของการบินไทย : หากบินไฟลท์ดึก(4-5ทุ่ม) ท่านจะได้รับของว่าง(แซนด์วิช)ตอนขึ้นเครื่อง >>>> ปล่อยท่านนอน >>>> เสิร์ฟอาหารเช้า
สดุดีคุณเพื่อน2 : บินไปญี่ปุ่น เสนอหน้าขอชาจีนกับคุณแอร์....ตอนเขามาถาม "รับชาฝรั่ง หรือชาเขียวดีคะ" หน้าแหกสิครับ


2. เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับสนามบิน Narita

- สนามบินนาริตะ ตั้งอยู่ในจังหวัด ชิบะ ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟจาก Narita ไปยัง Ueno ประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง

- โปรดตรวจสอบว่ากระดาษเข้าเมืองญี่ปุ่นที่คุณแอร์แจกให้บนเครื่อง....เขียนครบทุกช่องหรือยัง คงยังไม่อยากโดนกักให้เขียนใหม่ตั้งแต่ยังไม่ทันออกจาก ตม.

- เหว๋อแรกต้อนรับญี่ปุ่น : รถไฟไปตัวเมือง.........
เมื่อท่านมาถึงสนามบินและกำลังจะออกไปเยี่ยมชมญี่ปุ่น ทางการญี่ปุ่นจะต้อนรับท่านด้วย แผงเดินรถไฟที่น่ากลัว......ท่านจะเจอกับตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ และแผนผังการซื้อตั๋ว(นึกภาพของ BTS อลังการกว่าประมาณ 5 เท่า).....พร้อมด้วยรถไฟอีก 3 ประเภทให้ท่านเลือกใช้บริการ ตั้งสติให้ดีนะครับค่อยๆอ่านช้าๆ หากมีเงินเยอะหน่อยใช้ของแพงจะชิวครับซื้อง่ายไอ้พวกรถพิเศษวิ่งตรงยาวเนี่ย......แต่พวกผมแก๊งเบี้ยน้อยหอยน้อยครับของถูก รถหวานเย็น.......ค่าตั๋วประมาณ 1000 เยน (เป็นจุดแรกให้ท่านแตกแบงค์ 10,000 เยน ที่แลกมาจากไทย)
**สำหรับรถไฟธรรมดาของญี่ปุ่นเส้นสนามบิน จะสัเกตุว่ามันจะมี รถธรรมดา/รถด่วน/ด่วนพิเศษ (Rapid) ให้เล็งสถานีที่เราต้องลงให้ดี (ส่วนมากมักไปเชื่อมที่ Ueno) มันจะแบ่งเส้นว่ารถประเภทไหนสีอะไร......หากกำลังงงๆ จะมีป้าย LCD บอกอยู่ว่ารถคันไหนเข้าสถานีเมื่อไหร่ออกกี่โมง โดยแสดงผลตามสีของประเภทรถนั้น......ระวัง!!!!ขึ้นผิดคันไปขึ้นรถแพงๆจะโดนปรับเอา

- หลังจากขึ้นรถถูกคันเรียบร้อย ท่านก็รีบลากกระเป๋าไปหลบมุมรถไฟซะหน่อย เพราะสถานีแรกอยู่นี่สบายๆคนไม่เยอะ เดี๋ยวผู้โดยสารมาจะเกะกะเขา......แล้วรถไฟจะพาท่านเที่ยวชมชนบทของญี่ป่นให้เต็มที่......โปรดสังเกตุตามสถานีจะเจอร้านขนมปัง ยามาซากิ และ แซงเอตัว (Saint E'tolie) ที่มีจำหน่ายในไทยตั้งอยู่ด้วย^^.......สำหรับบุรุษเพศนี่จะเป็นที่แรกที่ท่านจะเจอสาวญี่ปุ่นขึ้นรถไฟมาท่าจะเริ่มตื่นตาตื่นใจ สาวญี่ปุ่นเว้ยตัวเป็นๆ ไม่ใช่เห็นตามโฆษณาหรือแผ่นDVD รวมไปถึงชุดนักเรียนแบบแทบที่จะถอดแบบมาจากในซีรี่ส์เลยทีเดียว

- หากไปช่วงฤดูหนาวท่านจะเจอกับอาการ Thermal Shock......อยู่ไทยเกือบ 30 องศา ลงสนามบินปุ๊บ กัปตันประกาศข้างล่าง 6 องศา.....อยู่ในสนามบินไม่รู้สึกหรอก.....ท่านจะรู้สึกตอนรถไฟจอดสถานีแรก....แล้วลมพัดเข้ามา หึๆๆๆๆ


3. เกร็ดเกี่ยวกับที่พักอาศัย

- ช่วงนี้จะเป็นช่วงใช้กรรม....ใครทุนหนาก็นอนสบายหน่อย....ใครทุนน้อยก็นอนเล็กหน่อย

- อย่าแปลกใจ.....ถ้าที่พักส่วนใหญ่จะดูคล้ายๆกับตึกแถวห้องเดียวหรือสองห้องมาทำเป็นโรงแรม (นึกไม่ออกให้ดูโรงแรมแถวตัวเมืองเก่าในไทย เช่น เยาวราช)

- ไม่ต้องกลัว.....ส่วนมากพนักงานโรงแรมจะสื่อสารกับลูกค้าด้วยภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่ง

รายนามโรงแรมที่ผมเคยพัก
Tokyo : Oak hotel (เป็นระดับ Hostel คือพักเดี่ยวก็ได้พักรวมก็มี ให้คะแนนเอาไป 3.5 ดาวในแบบโรงแรมราคาถูก) อยู่ย่านเลย Ueno มาหน่อย เดินทางรถใต้ดินสะดวกดี แถมมีร้านสะดวกซื้อใกล้ๆหลายร้านเลยทีเดียว

Tokyo : Tsukuba hotel อยู่เลย oak มาหน่อย....อยู่ในย่านที่มีแต่ร้านขายป้ายแท่นชื่อบูชาคนที่ล่วงลับไปแล้ว-__-''(ขายแค่ป้ายชื่อนะครับไม่น่ากลัว)......สภาพโรงแรม......เหมือนโรงแรมสมัย 20 ปีที่แล้ว......แรกๆก็หลอนๆ....แต่ก็ไม่มีอะไรครับโทรมหน่อย แต่พักได้แบบชิวๆ.....สำหรับชาวไทยที่มาพักไม่เหงาแน่นอน.....อาจจะมีโอกาสเจอเทรนเนอร์ชาวไทยและนักมวยไทยที่มาชกในญี่ปุ่นนอนที่นี้ครับ เอาไป 2/5 ดาว สำหรับโรงแรมราคาถูก (Reception เป็นคุณลุงมีอายุหน่อยพูดอังกฤษได้.....และเวลาออกจากโรงแรมคุณลุงจะขอเก็บกุญแจห้องไว้ให้ครับ)

Osaka : Osaka Hana Hostel อยู่ไหนบอกไม่ถูกรู้แต่ว่าเดินทางง่ายมาก....ใกล้กับย่านการค้าของโอซาก้าด้วย (แต่คณะผมก็หลง!!) เป็นโรงแรมคล้ายๆ Oak hotel ครับคือมีทั้ง พักเดี่ยวหรือจะพักแบบหอพักก็ได้......จะบอกว่า Reception ที่นี้ใจดีและเฟรนลี่มากๆทุกคน (กลับมาแล้วผมยังมีเฟสบุ๊คเขาอยู่เลย)......หากอยู่หลายวันที่นี้จะมีParty น่าจะทุกวันอังคารตอนกลางคืนจะมีกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าทำร่วมกัน เช่น ทำทาโกะยากิ ทำข้าวปั้น ทำโอโคโนมิยากิ ล่าสุดเห็นมี....พี่แกเปิดรางโซเม็งกินกันเลย.......เป็นปาร์ตี้ให้ลูกค้าได้มีการปฎิสัมพันธ์กันครับ เยี่ยมมาก ตอนนั้นเจอคุณฝรั่งเต็มเลย ทอล์คกันมันส์มาก (ใช้เบียร์เป็นตัวประสาน Asahi ทำได้!!!)
**ไปถึงวันแรก ซื้อสุราบ๊วยมานั่งกินกับเพื่อนในห้องรับแขก.....เจอโต๊ะข้างๆนั่งอยู่ฟังคร่าวๆน่าจะมาจาก AEC แน่นอน.....เลยหักไปทัก เฮ้ยูคนเวียดนามใช่มะ......เขาก็ถามกลับมาคนไทยเปล่านิ......แล้วก็เปิดปาร์ตี้.....คนไทยตายเรียบเจอเวียดนามมอมตายสนิท ทักทายด้วยเหล้าบ๊วยแอลกฮอล 20% เขาสวนกลับมาด้วย สาเก40% ตายสนิท

- เสื้อผ้าไม่ต้องเตรียมไปเยอะ เพราะตามที่พักมักจะมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ รวมถึงเครื่องอบผ้าบริการอยู่แล้วครับ

- เรื่องเหว๋อๆ : ที่พักกับขนาด......
พวกเราคนไทยมักจะชินกับห้องพักที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่......เมื่อไปเจอกับห้องพักญี่ปุ่นถึงกับตาค้าง........ขนาดห้องพักที่ทุกท่านจะเจอนะครับ หากมีเตียง 2 เตียง......ท่านจะสามารถวางกระเป๋าเดินทางแบบหลบๆได้....และท่านจะเหลือพื้นที่ในการเดินรวมประมาณ ไม่เกิน 3 ตารางเมตร และที่พักส่วนมากมักจะเป็นเตียง 2 ชั้นนะครับ โปรดระวังหักโขกตอนตื่นนอน

ขนาดห้องน้ำ....ห้องน้ำเขาจะเป็นแบบ Module คือยกไปติดตั้งในห้องทั้งชุด ท่านจะเจอกับห้องน้ำที่เล็กและใช้พื้นที่ได้สุดยอดมาก (ขนาดประมาณตู้ยืนอาบน้ำที่เราใช้กัน แต่ใหญ่กว่าประมาณ 2 เท่า).......หากท่านมีขนาดตัวใหญ่.....ท่านอาจจะต้องยืนเอียงข้างเพื่ออาบน้ำครับ

โปรดจำไว้ว่า....ที่พักเรามีไว้นอนกับเก็บของ....อย่าไปใส่ใจครับเล็กนอนได้....ขอแค่ปลอดภัยก็พอแล้ว

** เดี๋ยวมาเขียนต่อรู้สึกมันยาวเกินไปและ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่