1956 หลัง วิกฤติการณ์คลองสุเอซ กองกำลังของสหประชาชาติ (UNEF) เข้าประจำการที่ซินายเพื่อให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามสัญญาสงบศึกในปี 1949 แม้จะมีการสนับสนุนอย่างท่วมท้น ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ แต่ อิสราเอลปฏิเสธที่จะให้มีกองกำลัง UNEF บนดินแดนของตน
วันที่ ๑ เมษายน ๑๙๖๗ ปืนใหญ่ของซีเรียยิงถล่มรถแทร๊กเตอร์ในนิคมของชาวยิว จนต้องหยุดทำงาน แต่แล้วในวันที่ ๗ เมษายน ๑๙๖๗ รถแทร๊กเตอร์ที่ติดเกราะกันกระสุนก็กลับมาทำงานต่อ ฝ่ายซีเรียก็เปิดฉากยิงถล่มรถแทร๊กเตอร์ของอิสราเอลเหมือนเคย คราวนี้อิสราเอลส่งเครื่องบินรบ โจมตีฐานปืนของซีเรีย ฝ่ายซีเรียก็ยิ่งยิงถล่มหนักขึ้นกว่าเดิม คราวนี้อิสราเอลจึงส่งเครื่องบินรบโจมตีที่ตั้งทางทหารของซีเรีย บริเวณที่ราบสูงโกลัน ตลอดแนวชายแดนยาว ๗๖ กม. รวมถึงบินไปโจมตีถึงกรุงดามัสกัส ทำให้เครื่องบิน MiG-21 ของซีเรียพังไป ๖ เครื่อง ไม่นับรวมรถถัง, ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดของซีเรียอีกจำนวนมากที่ถูกทำลาย สหประชาชาติต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายยุติการปะทะก่อนจะกลายเป็นสงครามใหญ่
ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 1966, ซีเรียลงนามในข้อตกลงร่วมกันป้องกันกับอียิปต์
วันที่ 13 พฤศจิกายน 1966 PLO (องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์) ได้ทำการโจมตี ทำให้ทหารของอิสราเอลสามนายเสียชีวิต อิสราเอลตอบโต้ด้วยการ ส่งกองกำลัง(IDF) โจมตีเขตยึดครองเวสต์แบงก์ ซึ่งอิสราเอลเชื่อว่าเป็นฐานพักพิงให้กับ PLO เหตุการณ์ในครั้ง ทำให้ กษัตริย์ฮุสเซนแห่งจอร์แดน วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีอียิปต์นัสเซอร์ ถึงความล้มเหลวที่จะมาช่วยจอร์แดน”
ประธานาธิบดีอียิปต์ นัสเซอร์
19 พฤษภาคม 1966 ประธานาธิปดีอิยิปต์นัสเซอร์เริ่มเสริมกำลังกองกำลังในคาบสมุทรไซนายใกล้ ชายแดนของอิสราเอล ก่อนจะขับไล่ UNEF ของสหประชาชิ ออกจากฉนวนกาซาและไซนาย อิสราเอลประกาศย้ำคำที่เคยพูดไว้เมื่อปี 1957 การปิดช่องแคบใด ๆ จะถือว่าเป็นการเริ่มสงคราม หรือเป็นเหตุผลที่ดีพอสำหรับการทำสงคราม
กองกำลังสหประชาชาติถอนกำลังจาก คาบสมุทรไซนาย
วันที่ 23 พฤษภาคม 1966 นัสเซอร์ ประธานาธิปอียิบต์ ไม่สนใจคำเตือน ประกาศปิดช่องแคบสกัดกั้นการขนส่งของ อิสราเอล อีก7วันต่อมา ในวันที่ 30 พ. ค 1966 จอร์แดนและอียิปต์ได้ลงนามในข้อตกลงการป้องกัน วันรุ่งขึ้นตามคำเชิญของจอร์แดน กองทัพอิรักก็ส่งกองกำลังทหารเข้ามาในประเทศจอร์แดน นี่เป็นสัญญาณไม่ดีสำหรับอิสราเอลเลย ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ สงครามใกล้จะมาถึงในทุกขณะ
ไม่เพียงแต่การปิดล้อมเท่านั้น ที่บีบอิสราเอล น้ำก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดสงคราม น้ำก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ปี 1950 อิสราเอลผันน้ำจากแม่น้ำจอร์แดน (และทะเลกาลิลี) เพื่อการชลประทานในภาคตะวันตกและภาคใต้ของทะเลทราย ในขณะที่ซีเรียเบี่ยงเบนน้ำจากแควในที่ราบสูงโกลานไปยังประเทศซีเรีย จอร์แดนและเลบานอน ซึ่งจะทำให้ น้ำเข้าถึงอิสราเอลลดลง ซึ่งทำให้ความขัดแย้งก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย และในระหว่างปี 1966- 1967 การก่อการร้าย ก็ได้เพิ่มสูงขึ้นตามพรมแดน ของอิสราเอลและซีเรีย เป็นผู้ให้การสนับสนุน U Thant เลขาสหประชาติในขณะนั้นได้ประณามซีเรีย ว่าการกระทำเช่นนี้จะทำมาซึ่งอันตรายต่อความสงบสุข สหประชาชาติพยามเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
****
U Thant เลขาสหประชาติในขณะนั้น
อิสารเอลรู้แน่ชัดแล้วว่า ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงสงคราม สายลับจำนวนมากจึงถูกส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม ซึ่งสายลับอิสราเอลก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม หนึ่งในนั้นได้เป็น เป็นหัวหน้าที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของซีเรียด้วยซ้ำ สายลับอิสราเอลสืบจนรู้หมดไส้หมดพุงถึงการเตรียมการของอาหรับ
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำจะตัดสินผลแพ้ชนะในสงคราม
กองกำลังฝ่ายอาหรับ
อียิปต์มีทหาร ประมาณ 100,000- 160,000นาย ซึ่งตั้งมั่นอยู่ คาบสมุทร ไซนาย หนึ่งในสามของพวกเขา เป็นทหารผ่านศึก จากการแทรกแซงของอียิปต์ในสงครามกลางเมืองของเยเมน และอีกสามกองพันเป็นกองหนุน กองกำลังเหล่านี้มี รถถัง 950คัน APCs 1,100 และอื่น ๆอีกกว่า 1,000 ในขณะเดียวกันกองกำลังบางส่วนของอียิปต์ (ราว 15,000-20,000) ยังคงต่อสู้อยู่ในเยเมน
กองทัพของซีเรียมีกองกำลังราว 75,000 ซึ่งวางกำลังตลอด แนวชายแดนของซีเรีย
ขณะที่กองทัพจอร์แดนมี ทหาร 55,000 และ รงถถัง 300 ตามแนวชายแดนจอร์แดน แบ่งเป็น M48 แพ็ตตัน 250 คัน ที่เหลือ เป็น M113 APCs ซึ่งเป็นกองพันที่ฝึกอบรมขึ้นมาใหม่ พวกเขายังมี 12 กองพันปืนใหญ่ 81 มม. และปืนครก 120 มิลลิเมตร
ในปลายเดือนพฤษภาคม เอกสารของจอร์แดนถูกตรวจพบโดยสายลับอิสราเอล ซึ่งบันทึกแผนการโจมตีเมืองหลวงของอิสสรเอล ภายใต้ ชื่อรหัสคือ "ปฏิบัติการ Khaled" จุดมุ่งหมายคือการสร้างสะพาน สำหรับกองกำลังหุ้มเกราะ ของจอร์แดน รถถังของอิรัก100 คันและกองทหารราบที่ถูกส่งเข้ามาสนับสนุน ถูกตระเตรียมใกล้ชายแดนของจอร์แดน สองกองร้อยอากาศยาน, Hawker Hunters และ MIG 21ก็เตรียมพร้อม ที่ชายแดนของจอร์แดน
**********
M48 แพ็ตตัน
********
M113 APCs
****
Hawker Hunters
***********
MIG 21
วันที่ 2 มิถุนายน, จอร์แดนเรียกเจ้าหน้าที่กำลังสำรองทั้งหมดและผู้บัญชาการทหารฝั่งตะวันตกพบกับผู้นำชุมชนใน Ramallah เพื่อขอความช่วยเหลือและความร่วมมือสำหรับกองทหารของเขาในช่วงสงครามความเชื่อมั่นกับพวกเขาว่า "ในสามวันเราจะอยู่ใน เทลอาวีฟ"
กองทัพอากาศอาหรับได้รับความช่วยเหลือโดยนักบินอาสาสมัครจากกองทัพอากาศปากีสถานทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นอิสระโดยใช้เครื่องบินที่มาจากลิเบีย แอลจีเรีย โมร็อกโก คูเวตและซาอุดีอาระเบีย
ทางด้านอิสราเอล
ก่อนสงคราม นักบินอิสราเอลและลูกเรือพื้นดินได้รับการฝึกอบรมอย่างหนักในการ ซ่อมแซมจนไปจนถึงการติดอาวุธอย่างรวดเร็ว ให้กับเครื่องบินที่กลับมาจากการปฏิบัติงานทำให้เครื่องบินสามารถปินได้ถึงสี่ครั้งต่อวัน (เมื่อเทียบกับมาตรฐานในกองทัพอากาศอาหรับซึ่งทำได้หนึ่งหรือสองเที่ยวบินต่อวัน ) เรื่องนี้ทำให้แค่ เพียงวันแรก กองทัพอากาศอิสราเอล (IAF) เป็นฝ่ายได้ชัยต่อ กองทัพอากาศอียิปต์และตัดออกกองทัพอากาศของอิยิปต์ จากกองทัพอากาศอาหรับอื่นๆ นักบินอิสราเอลได้รับการศึกษาเกี่ยวกับเป้าหมายของพวกเขาและถูกบังคับให้ต้องจดจำทุกรายละเอียดและซักซ้อมการดำเนินการหลายครั้งในหุ่นจำลองของรันเวย์ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความลับ
อียิปต์ได้สร้างแนวป้องกัน ที่ไซนาย การออกแบบเหล่านี้มีพื้นฐานอยู่บนสมมติฐานว่าการโจมตีของอิสราเอลจะมาตามถนนซึ่งมีพียงไม่กี่เส้น มากกว่าผ่านจะภูมิประเทศทะเลทราย ซึ่งผ่านไปได้ยาก แต่ทว่าอิสราเอลทำสิ่วที่ไม่มีใครคาดคิดพวกเขาเลือกที่จะไม่เสี่ยงต่อการป้องกันของอียิปต์ ทหาร IDFของอิสารเอล มีประสบการณ์ขับรถผ่านเนินทรายนุ่มใน Negev และพบว่ายานพาหนะจะได้รับความคล่องแคล่วมากขึ้นในภูมิประเทศทะเลทรายถ้ายางถูกปล่อยลมออกบางส่วน เป็นผลให้พวกเขาสามารถเลือกมุมทิศทางการโจมตี ผ่านพื้นที่ชาวอียิปต์ซึ่งคาดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ซึ่งสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในวันที่เกิดสงคราม
เพื่อที่จะให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานของทหารอิสราเอล ในความร้อนของทะเลทราย กองทัพอิสราเอลออกคำสั่งให้ทหารได้น้ำ1ลิตรของทุกชั่วโมงหรือมากกว่าต่อวัน เป็นผลให้ทหารสามารถที่จะรบได้ดีกว่าอียิปต์
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงครามกับซีเรีย, มอสสาด (หน่วยสืบราชการลับอิสราเอล) ได้ส่งสายลับ Elicohen แทรกซึมเข้าไปใน รัฐบาลซีเรียที่เขาได้ใช้ตำแหน่งระดับสูงของเขาเพื่อให้ได้ความลับที่สำคัญ และเขาแกล้งทำเป็นเห็นอกเห็นใจทหารซีเรีย โดยสั่งให้ปลูกต้นไม้ โดยอ้างว่าทหารของซีเรียจะได้รับประโยชน์จากร่มเงาของต้นไม้ ต้นไม้เหล่านี้ถูกภายหลังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องหมายการกำหนดเป้าหมายโดยอิสราเอล หน่วยสืบราชการลับได้สืบถึงความลับ เพื่อใช้กำหนดเส้นทางของการโจมตี โดยหลีกเลี่ยงกับดักรถถังที่วางไว้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซีเรีย
*************
สายลับ Elicohen
มอสสาดยังดำเนินการเฝ้าระวังเกี่ยวกับอียิปต์ มอสสาดเก็บข้อมูลทั้งหมดไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ข้อมูลเหล่านี้บางครั้งก็ถูกใช้แบล็กเมล์เพื่อจะได้รับ การแจ้งข้อมูลใหม่ๆ มอสสาดสืบไปจนถึงพฤติกรรมส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ และเพื่อนร่วมงานของพวกเขาอีกด้วย หลังปฏิบัติการนี้ ทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันมากในหมู่ทหารอียิปต์และนำไปสู่การฆ่าตัวตายของเจ้าหน้าที่อาวุโส คนหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ได้รับการเปิดเผยในภายหลังว่าเจ้าหน้าที่ผู้นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับมอสสาดเลย
ในช่วงต้นปี 1967 เครือข่ายสายลับอิสราเอลในอียิปต์ได้ตรวจพบการเตรียมการของ ประธานาธิปดีนัสเซอร์ของอียิปต์ สำหรับการทำสงครามกับอิสราเอลและข้อมูลอื่น ๆ และเดือนพฤษภาคม 1967 มอสสาดก็สามารถที่จะแจ้งข้อมูลทั้งหมด ซึ่งนำไปมอบแก่ผู้บัญชาการอิสราเอลซึ่งนำไปคำนวณ เวลาที่แม่นยำในการโจมตีฐานทัพอากาศของอียิปต์
ในการปฏิบัติการที่เรียกว่า "Operation " อิสราเอลส่งผ่านข้อมูลที่เป็นเท็จไปยังอียิปต์ผ่านทางสายลับสองหน้า .ในปี 1950, สายลับอียิปต์ Refaat Al-Gammal ซึ่งสวมรอยเป็นชาวยิวเชื้อสายอียิปต์ ภายใต้ชื่อปลอมว่า Jacques Bitton แทรกซึมเข้าไปอยู่ในอิสราเอล ในไม่ช้าเขาก็ถูกจับกุม และเลือกเป็นสายลับสองหน้ามากกว่าที่จะใช้เวลาหลายสิบปีในคุก ในวันแห่งสงคราม Gamal ส่งข้อมูล”เท็จ”ไปยังประเทศอียิปต์ เขาบอกอียิปต์ว่าแผนของอิสราเอลจะเปิดการโจมตีทางภาคพื้น นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ชาวอียิปต์นำเครื่องบินของพวกเขาออกไปที่โล่งบนรันเวย์ของฐานทัพอากาศซึ่งจะ ช่วยให้คนของอิสราเอลทำลายเครื่องบินเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
กองทัพอิสราเอลมีทหารรวมถึงกองหนุนราว 264,000 นาย ซึ่งเกือบสามในสี่เป็นกองหนุนและทหารเกณฑ์หนึ่งในสี่ ในตอนเย็นของวันที่ 1 มิถุนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล Moshe Dayan เรียกประชุมเปล่าเสนาธิการ ในตอนแรกนั้น หัวหน้าเสนาธิการ Yitzhak Rabin ได้เสนอแผนจะยึดฉนวนกาซาและประชาชนเป็นตัวประกันจนกว่าอียิปต์ตกลงที่จะเปิดช่องแคบ Tiran ในขณะที่ พลจัตวาYeshayahu Gavish มีเสนอแผนการที่ทำลายของ กองกำลังในอียิปต์ในไซนาย ซึ่งแผนนี้ได้รับการตอบรับ
แม้ในขณะที่วางแผนสำหรับต่อสู้อยู่นั้น สังคมอิสราเอลก็เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม พลเรือนอิสราเอลขุดสนามเพลาะสร้างปราการป้องกัน และการเตรียมการส่งเด็กๆอพยพไปยังยุโรป 14,000 เตียงของโรงพยาบาลได้รับการตระเตรียม ยาแก้พิษสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อก๊าซพิษที่คาดว่าจะมาถึง และเยอรมันบางคนบริจาค หน้ากากป้องกันแก๊ส20,000 10,000 หลุมฝังศพถูกขุด ผู้พลัดถิ่นชาวยิวมีบทบาทสำคัญในการเตรียมพร้อมในครั้งนี้ อาสาสมัครเข้ามาในจำนวนมาก มีการบริจาคขนาดใหญ่และกองทุนจากทั้งชาวยิวและชาวผู้ใจบุญซึ่งไม่ใช่ยิว ชาวยิวในฝรั่งเศสแสดงความตั้งใจของพวกเขาที่จะบริจาคเลือด บ้านอพยพสำหรับเด็กอิสราเอล
ประชาชนทั่วไปต่างกังวลถึงสงครามที่กำลังจะมาถึง หากครั้งนี้พวกเขาแพ้นั่นหมายถึงสิ้นชาติ
ตามคำบอกของศัตรูของพวกเขาว่า จะลบอิสราเอลจากแผนที่โลก
6 day war ฤาจะคงอยู่ หรือ สิ้นชาติ
วันที่ ๑ เมษายน ๑๙๖๗ ปืนใหญ่ของซีเรียยิงถล่มรถแทร๊กเตอร์ในนิคมของชาวยิว จนต้องหยุดทำงาน แต่แล้วในวันที่ ๗ เมษายน ๑๙๖๗ รถแทร๊กเตอร์ที่ติดเกราะกันกระสุนก็กลับมาทำงานต่อ ฝ่ายซีเรียก็เปิดฉากยิงถล่มรถแทร๊กเตอร์ของอิสราเอลเหมือนเคย คราวนี้อิสราเอลส่งเครื่องบินรบ โจมตีฐานปืนของซีเรีย ฝ่ายซีเรียก็ยิ่งยิงถล่มหนักขึ้นกว่าเดิม คราวนี้อิสราเอลจึงส่งเครื่องบินรบโจมตีที่ตั้งทางทหารของซีเรีย บริเวณที่ราบสูงโกลัน ตลอดแนวชายแดนยาว ๗๖ กม. รวมถึงบินไปโจมตีถึงกรุงดามัสกัส ทำให้เครื่องบิน MiG-21 ของซีเรียพังไป ๖ เครื่อง ไม่นับรวมรถถัง, ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดของซีเรียอีกจำนวนมากที่ถูกทำลาย สหประชาชาติต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายยุติการปะทะก่อนจะกลายเป็นสงครามใหญ่
ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 1966, ซีเรียลงนามในข้อตกลงร่วมกันป้องกันกับอียิปต์
วันที่ 13 พฤศจิกายน 1966 PLO (องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์) ได้ทำการโจมตี ทำให้ทหารของอิสราเอลสามนายเสียชีวิต อิสราเอลตอบโต้ด้วยการ ส่งกองกำลัง(IDF) โจมตีเขตยึดครองเวสต์แบงก์ ซึ่งอิสราเอลเชื่อว่าเป็นฐานพักพิงให้กับ PLO เหตุการณ์ในครั้ง ทำให้ กษัตริย์ฮุสเซนแห่งจอร์แดน วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีอียิปต์นัสเซอร์ ถึงความล้มเหลวที่จะมาช่วยจอร์แดน”
ประธานาธิบดีอียิปต์ นัสเซอร์
19 พฤษภาคม 1966 ประธานาธิปดีอิยิปต์นัสเซอร์เริ่มเสริมกำลังกองกำลังในคาบสมุทรไซนายใกล้ ชายแดนของอิสราเอล ก่อนจะขับไล่ UNEF ของสหประชาชิ ออกจากฉนวนกาซาและไซนาย อิสราเอลประกาศย้ำคำที่เคยพูดไว้เมื่อปี 1957 การปิดช่องแคบใด ๆ จะถือว่าเป็นการเริ่มสงคราม หรือเป็นเหตุผลที่ดีพอสำหรับการทำสงคราม
กองกำลังสหประชาชาติถอนกำลังจาก คาบสมุทรไซนาย
วันที่ 23 พฤษภาคม 1966 นัสเซอร์ ประธานาธิปอียิบต์ ไม่สนใจคำเตือน ประกาศปิดช่องแคบสกัดกั้นการขนส่งของ อิสราเอล อีก7วันต่อมา ในวันที่ 30 พ. ค 1966 จอร์แดนและอียิปต์ได้ลงนามในข้อตกลงการป้องกัน วันรุ่งขึ้นตามคำเชิญของจอร์แดน กองทัพอิรักก็ส่งกองกำลังทหารเข้ามาในประเทศจอร์แดน นี่เป็นสัญญาณไม่ดีสำหรับอิสราเอลเลย ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ สงครามใกล้จะมาถึงในทุกขณะ
ไม่เพียงแต่การปิดล้อมเท่านั้น ที่บีบอิสราเอล น้ำก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดสงคราม น้ำก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ปี 1950 อิสราเอลผันน้ำจากแม่น้ำจอร์แดน (และทะเลกาลิลี) เพื่อการชลประทานในภาคตะวันตกและภาคใต้ของทะเลทราย ในขณะที่ซีเรียเบี่ยงเบนน้ำจากแควในที่ราบสูงโกลานไปยังประเทศซีเรีย จอร์แดนและเลบานอน ซึ่งจะทำให้ น้ำเข้าถึงอิสราเอลลดลง ซึ่งทำให้ความขัดแย้งก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย และในระหว่างปี 1966- 1967 การก่อการร้าย ก็ได้เพิ่มสูงขึ้นตามพรมแดน ของอิสราเอลและซีเรีย เป็นผู้ให้การสนับสนุน U Thant เลขาสหประชาติในขณะนั้นได้ประณามซีเรีย ว่าการกระทำเช่นนี้จะทำมาซึ่งอันตรายต่อความสงบสุข สหประชาชาติพยามเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
****
U Thant เลขาสหประชาติในขณะนั้น
อิสารเอลรู้แน่ชัดแล้วว่า ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงสงคราม สายลับจำนวนมากจึงถูกส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม ซึ่งสายลับอิสราเอลก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม หนึ่งในนั้นได้เป็น เป็นหัวหน้าที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของซีเรียด้วยซ้ำ สายลับอิสราเอลสืบจนรู้หมดไส้หมดพุงถึงการเตรียมการของอาหรับ
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำจะตัดสินผลแพ้ชนะในสงคราม
กองกำลังฝ่ายอาหรับ
อียิปต์มีทหาร ประมาณ 100,000- 160,000นาย ซึ่งตั้งมั่นอยู่ คาบสมุทร ไซนาย หนึ่งในสามของพวกเขา เป็นทหารผ่านศึก จากการแทรกแซงของอียิปต์ในสงครามกลางเมืองของเยเมน และอีกสามกองพันเป็นกองหนุน กองกำลังเหล่านี้มี รถถัง 950คัน APCs 1,100 และอื่น ๆอีกกว่า 1,000 ในขณะเดียวกันกองกำลังบางส่วนของอียิปต์ (ราว 15,000-20,000) ยังคงต่อสู้อยู่ในเยเมน
กองทัพของซีเรียมีกองกำลังราว 75,000 ซึ่งวางกำลังตลอด แนวชายแดนของซีเรีย
ขณะที่กองทัพจอร์แดนมี ทหาร 55,000 และ รงถถัง 300 ตามแนวชายแดนจอร์แดน แบ่งเป็น M48 แพ็ตตัน 250 คัน ที่เหลือ เป็น M113 APCs ซึ่งเป็นกองพันที่ฝึกอบรมขึ้นมาใหม่ พวกเขายังมี 12 กองพันปืนใหญ่ 81 มม. และปืนครก 120 มิลลิเมตร
ในปลายเดือนพฤษภาคม เอกสารของจอร์แดนถูกตรวจพบโดยสายลับอิสราเอล ซึ่งบันทึกแผนการโจมตีเมืองหลวงของอิสสรเอล ภายใต้ ชื่อรหัสคือ "ปฏิบัติการ Khaled" จุดมุ่งหมายคือการสร้างสะพาน สำหรับกองกำลังหุ้มเกราะ ของจอร์แดน รถถังของอิรัก100 คันและกองทหารราบที่ถูกส่งเข้ามาสนับสนุน ถูกตระเตรียมใกล้ชายแดนของจอร์แดน สองกองร้อยอากาศยาน, Hawker Hunters และ MIG 21ก็เตรียมพร้อม ที่ชายแดนของจอร์แดน
**********
M48 แพ็ตตัน
********
M113 APCs
****
Hawker Hunters
***********
MIG 21
วันที่ 2 มิถุนายน, จอร์แดนเรียกเจ้าหน้าที่กำลังสำรองทั้งหมดและผู้บัญชาการทหารฝั่งตะวันตกพบกับผู้นำชุมชนใน Ramallah เพื่อขอความช่วยเหลือและความร่วมมือสำหรับกองทหารของเขาในช่วงสงครามความเชื่อมั่นกับพวกเขาว่า "ในสามวันเราจะอยู่ใน เทลอาวีฟ"
กองทัพอากาศอาหรับได้รับความช่วยเหลือโดยนักบินอาสาสมัครจากกองทัพอากาศปากีสถานทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นอิสระโดยใช้เครื่องบินที่มาจากลิเบีย แอลจีเรีย โมร็อกโก คูเวตและซาอุดีอาระเบีย
ทางด้านอิสราเอล
ก่อนสงคราม นักบินอิสราเอลและลูกเรือพื้นดินได้รับการฝึกอบรมอย่างหนักในการ ซ่อมแซมจนไปจนถึงการติดอาวุธอย่างรวดเร็ว ให้กับเครื่องบินที่กลับมาจากการปฏิบัติงานทำให้เครื่องบินสามารถปินได้ถึงสี่ครั้งต่อวัน (เมื่อเทียบกับมาตรฐานในกองทัพอากาศอาหรับซึ่งทำได้หนึ่งหรือสองเที่ยวบินต่อวัน ) เรื่องนี้ทำให้แค่ เพียงวันแรก กองทัพอากาศอิสราเอล (IAF) เป็นฝ่ายได้ชัยต่อ กองทัพอากาศอียิปต์และตัดออกกองทัพอากาศของอิยิปต์ จากกองทัพอากาศอาหรับอื่นๆ นักบินอิสราเอลได้รับการศึกษาเกี่ยวกับเป้าหมายของพวกเขาและถูกบังคับให้ต้องจดจำทุกรายละเอียดและซักซ้อมการดำเนินการหลายครั้งในหุ่นจำลองของรันเวย์ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความลับ
อียิปต์ได้สร้างแนวป้องกัน ที่ไซนาย การออกแบบเหล่านี้มีพื้นฐานอยู่บนสมมติฐานว่าการโจมตีของอิสราเอลจะมาตามถนนซึ่งมีพียงไม่กี่เส้น มากกว่าผ่านจะภูมิประเทศทะเลทราย ซึ่งผ่านไปได้ยาก แต่ทว่าอิสราเอลทำสิ่วที่ไม่มีใครคาดคิดพวกเขาเลือกที่จะไม่เสี่ยงต่อการป้องกันของอียิปต์ ทหาร IDFของอิสารเอล มีประสบการณ์ขับรถผ่านเนินทรายนุ่มใน Negev และพบว่ายานพาหนะจะได้รับความคล่องแคล่วมากขึ้นในภูมิประเทศทะเลทรายถ้ายางถูกปล่อยลมออกบางส่วน เป็นผลให้พวกเขาสามารถเลือกมุมทิศทางการโจมตี ผ่านพื้นที่ชาวอียิปต์ซึ่งคาดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ซึ่งสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในวันที่เกิดสงคราม
เพื่อที่จะให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานของทหารอิสราเอล ในความร้อนของทะเลทราย กองทัพอิสราเอลออกคำสั่งให้ทหารได้น้ำ1ลิตรของทุกชั่วโมงหรือมากกว่าต่อวัน เป็นผลให้ทหารสามารถที่จะรบได้ดีกว่าอียิปต์
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำสงครามกับซีเรีย, มอสสาด (หน่วยสืบราชการลับอิสราเอล) ได้ส่งสายลับ Elicohen แทรกซึมเข้าไปใน รัฐบาลซีเรียที่เขาได้ใช้ตำแหน่งระดับสูงของเขาเพื่อให้ได้ความลับที่สำคัญ และเขาแกล้งทำเป็นเห็นอกเห็นใจทหารซีเรีย โดยสั่งให้ปลูกต้นไม้ โดยอ้างว่าทหารของซีเรียจะได้รับประโยชน์จากร่มเงาของต้นไม้ ต้นไม้เหล่านี้ถูกภายหลังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องหมายการกำหนดเป้าหมายโดยอิสราเอล หน่วยสืบราชการลับได้สืบถึงความลับ เพื่อใช้กำหนดเส้นทางของการโจมตี โดยหลีกเลี่ยงกับดักรถถังที่วางไว้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซีเรีย
*************
สายลับ Elicohen
มอสสาดยังดำเนินการเฝ้าระวังเกี่ยวกับอียิปต์ มอสสาดเก็บข้อมูลทั้งหมดไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ข้อมูลเหล่านี้บางครั้งก็ถูกใช้แบล็กเมล์เพื่อจะได้รับ การแจ้งข้อมูลใหม่ๆ มอสสาดสืบไปจนถึงพฤติกรรมส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ และเพื่อนร่วมงานของพวกเขาอีกด้วย หลังปฏิบัติการนี้ ทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันมากในหมู่ทหารอียิปต์และนำไปสู่การฆ่าตัวตายของเจ้าหน้าที่อาวุโส คนหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ได้รับการเปิดเผยในภายหลังว่าเจ้าหน้าที่ผู้นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับมอสสาดเลย
ในช่วงต้นปี 1967 เครือข่ายสายลับอิสราเอลในอียิปต์ได้ตรวจพบการเตรียมการของ ประธานาธิปดีนัสเซอร์ของอียิปต์ สำหรับการทำสงครามกับอิสราเอลและข้อมูลอื่น ๆ และเดือนพฤษภาคม 1967 มอสสาดก็สามารถที่จะแจ้งข้อมูลทั้งหมด ซึ่งนำไปมอบแก่ผู้บัญชาการอิสราเอลซึ่งนำไปคำนวณ เวลาที่แม่นยำในการโจมตีฐานทัพอากาศของอียิปต์
ในการปฏิบัติการที่เรียกว่า "Operation " อิสราเอลส่งผ่านข้อมูลที่เป็นเท็จไปยังอียิปต์ผ่านทางสายลับสองหน้า .ในปี 1950, สายลับอียิปต์ Refaat Al-Gammal ซึ่งสวมรอยเป็นชาวยิวเชื้อสายอียิปต์ ภายใต้ชื่อปลอมว่า Jacques Bitton แทรกซึมเข้าไปอยู่ในอิสราเอล ในไม่ช้าเขาก็ถูกจับกุม และเลือกเป็นสายลับสองหน้ามากกว่าที่จะใช้เวลาหลายสิบปีในคุก ในวันแห่งสงคราม Gamal ส่งข้อมูล”เท็จ”ไปยังประเทศอียิปต์ เขาบอกอียิปต์ว่าแผนของอิสราเอลจะเปิดการโจมตีทางภาคพื้น นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ชาวอียิปต์นำเครื่องบินของพวกเขาออกไปที่โล่งบนรันเวย์ของฐานทัพอากาศซึ่งจะ ช่วยให้คนของอิสราเอลทำลายเครื่องบินเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
กองทัพอิสราเอลมีทหารรวมถึงกองหนุนราว 264,000 นาย ซึ่งเกือบสามในสี่เป็นกองหนุนและทหารเกณฑ์หนึ่งในสี่ ในตอนเย็นของวันที่ 1 มิถุนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล Moshe Dayan เรียกประชุมเปล่าเสนาธิการ ในตอนแรกนั้น หัวหน้าเสนาธิการ Yitzhak Rabin ได้เสนอแผนจะยึดฉนวนกาซาและประชาชนเป็นตัวประกันจนกว่าอียิปต์ตกลงที่จะเปิดช่องแคบ Tiran ในขณะที่ พลจัตวาYeshayahu Gavish มีเสนอแผนการที่ทำลายของ กองกำลังในอียิปต์ในไซนาย ซึ่งแผนนี้ได้รับการตอบรับ
แม้ในขณะที่วางแผนสำหรับต่อสู้อยู่นั้น สังคมอิสราเอลก็เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม พลเรือนอิสราเอลขุดสนามเพลาะสร้างปราการป้องกัน และการเตรียมการส่งเด็กๆอพยพไปยังยุโรป 14,000 เตียงของโรงพยาบาลได้รับการตระเตรียม ยาแก้พิษสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อก๊าซพิษที่คาดว่าจะมาถึง และเยอรมันบางคนบริจาค หน้ากากป้องกันแก๊ส20,000 10,000 หลุมฝังศพถูกขุด ผู้พลัดถิ่นชาวยิวมีบทบาทสำคัญในการเตรียมพร้อมในครั้งนี้ อาสาสมัครเข้ามาในจำนวนมาก มีการบริจาคขนาดใหญ่และกองทุนจากทั้งชาวยิวและชาวผู้ใจบุญซึ่งไม่ใช่ยิว ชาวยิวในฝรั่งเศสแสดงความตั้งใจของพวกเขาที่จะบริจาคเลือด บ้านอพยพสำหรับเด็กอิสราเอล
ประชาชนทั่วไปต่างกังวลถึงสงครามที่กำลังจะมาถึง หากครั้งนี้พวกเขาแพ้นั่นหมายถึงสิ้นชาติ
ตามคำบอกของศัตรูของพวกเขาว่า จะลบอิสราเอลจากแผนที่โลก