เราเป็นเด็ก ตจว. ที่มาเรียน กทม. ตั้งแต่ปี 1 เรียนจบก็ทำงานใน กทม. ต่อเลยค่ะ อยู่ กทม. ก็ประมาณ 12 ปีกว่า มีญาติผู้ใหญ่ 1 ท่าน แต่ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันเนื่องด้วยต่างคนต่างทำงาน และญาติเป็นคุณลุง กลัวจะไม่เหมาะหากไปมาหาสู่บ่อยๆ อีกอย่างประมาณว่าไม่ค่อยสนิทกับป้าเท่าไหร่ เลยอยู่ใครอยู่มันดีกว่า
เราอยู่หอพักคนเดียว เคยมีแฟนแต่ตอนมีแฟนไม่ยักกะป่วยถึงขนาดเข้า รพ. พอเป็นโสดกลับป่วยบ่อยซะงั้น มีแต่เพื่อนสมัยเรียนที่สนิทกันมากๆ ที่ดูแลกันเอง แต่ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ใกล้กันมากมาย เลยมาพบปะกันได้เป็นครั้งคราว
เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว เราป่วยนอนโรงพยาบาล 2 คืน จริงๆ ก็มีแฟน แต่แฟนอยู่ ตจว. ไกลมาก มาดูแลไม่ได้ ก็มีเพื่อนยากคนเดิมที่มาเยี่ยมเยียน แต่ไม่ได้นอนเฝ้าเพราะต้องทำงาน
ตอนแรกไม่ได้บอกให้แม่รู้ว่าป่วย แต่หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ถึงพูด แม่ก็ไปเล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวถามว่าใครเฝ้า แม่ก็บอกว่ามีแต่นางพยาบาลที่เฝ้าแค่นั้นแหละ
อาทิตย์ก่อนนี้ได้คุยกับพี่สาว พี่สาวก็บอกว่า ทำอย่างกะคนไม่มีญาตินะ ไปอยู่ กทม.คนเดียว ป่วยไข้จะตายเอาจะมีใครรู้ไหม ทำไมไม่กลับมาอยู่บ้านเรา พี่น้องมีเยอะแยะ เป็นอะไรจะได้ช่วยดูแลกัน
เราน้ำตาไหลเลยค่ะ นึกในใจ นั่นสินะ ฉันมาทำอะไรที่นี่ ที่ๆ ไม่มีญาติพี่น้องที่จะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ที่ๆ มีแต่ใครก็ไม่รู้จ้องแต่จะคอยทำร้ายกัน ที่ๆ ต้องระแวดระวังภัยและเกือบทิ้งชีวิตไว้กับพวกมิจฉาชีพที่ดักกระชากกระเป๋า (เราเคยโดนกระชากกระเป๋า 2 ครั้ง แต่ไม่เคยบอกที่บ้านให้รู้ นี่ถ้ารู้จะเป็นยังไง)
ถึงเวลาหรือยังที่เราควรจะทิ้งฝันลมๆ แล้ง กลับไปหาคนที่รักเราจริงๆ ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่ๆ ไม่ควรจะอยู่ ชีวิตสงบๆ ที่บ้านเรานั้นมีความสุขที่สุดแล้ว อีกไม่นานจะกลับไปค่ะ รอเวลาเพียงอีกนิดเดียวเท่านั้นที่ภารกิจจะสำเร็จ หลังจากนั้นเราจะอำลาเมืองหลวงแห่งนี้กลับไปอยู่ในที่ๆ ทุกวันมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่ๆ เรียกว่า ครอบครัวของเรา
มีใครอยากกลับไปอยู่บ้านที่จากมาไหมคะ คิดเหมือนกันหรือเปล่า?
พี่สาวบอกว่า เราทำเหมือนคนไม่มีญาติพี่น้อง
เราอยู่หอพักคนเดียว เคยมีแฟนแต่ตอนมีแฟนไม่ยักกะป่วยถึงขนาดเข้า รพ. พอเป็นโสดกลับป่วยบ่อยซะงั้น มีแต่เพื่อนสมัยเรียนที่สนิทกันมากๆ ที่ดูแลกันเอง แต่ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ใกล้กันมากมาย เลยมาพบปะกันได้เป็นครั้งคราว
เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว เราป่วยนอนโรงพยาบาล 2 คืน จริงๆ ก็มีแฟน แต่แฟนอยู่ ตจว. ไกลมาก มาดูแลไม่ได้ ก็มีเพื่อนยากคนเดิมที่มาเยี่ยมเยียน แต่ไม่ได้นอนเฝ้าเพราะต้องทำงาน
ตอนแรกไม่ได้บอกให้แม่รู้ว่าป่วย แต่หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ถึงพูด แม่ก็ไปเล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวถามว่าใครเฝ้า แม่ก็บอกว่ามีแต่นางพยาบาลที่เฝ้าแค่นั้นแหละ
อาทิตย์ก่อนนี้ได้คุยกับพี่สาว พี่สาวก็บอกว่า ทำอย่างกะคนไม่มีญาตินะ ไปอยู่ กทม.คนเดียว ป่วยไข้จะตายเอาจะมีใครรู้ไหม ทำไมไม่กลับมาอยู่บ้านเรา พี่น้องมีเยอะแยะ เป็นอะไรจะได้ช่วยดูแลกัน
เราน้ำตาไหลเลยค่ะ นึกในใจ นั่นสินะ ฉันมาทำอะไรที่นี่ ที่ๆ ไม่มีญาติพี่น้องที่จะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ที่ๆ มีแต่ใครก็ไม่รู้จ้องแต่จะคอยทำร้ายกัน ที่ๆ ต้องระแวดระวังภัยและเกือบทิ้งชีวิตไว้กับพวกมิจฉาชีพที่ดักกระชากกระเป๋า (เราเคยโดนกระชากกระเป๋า 2 ครั้ง แต่ไม่เคยบอกที่บ้านให้รู้ นี่ถ้ารู้จะเป็นยังไง)
ถึงเวลาหรือยังที่เราควรจะทิ้งฝันลมๆ แล้ง กลับไปหาคนที่รักเราจริงๆ ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่ๆ ไม่ควรจะอยู่ ชีวิตสงบๆ ที่บ้านเรานั้นมีความสุขที่สุดแล้ว อีกไม่นานจะกลับไปค่ะ รอเวลาเพียงอีกนิดเดียวเท่านั้นที่ภารกิจจะสำเร็จ หลังจากนั้นเราจะอำลาเมืองหลวงแห่งนี้กลับไปอยู่ในที่ๆ ทุกวันมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่ๆ เรียกว่า ครอบครัวของเรา
มีใครอยากกลับไปอยู่บ้านที่จากมาไหมคะ คิดเหมือนกันหรือเปล่า?