[CR] รีวิว วิจารณ์ Only God Forgives รับคำท้าจากพระเจ้า (ไ่ม่สปอยต์เนื้อหาสำคัญ)

"น้องอั้นสวัสดีทุกคนเข้าสู่กระทู้รีวิวหนังครับ"



หลังจากรอบหลายเดือนที่ผ่านมาโดนตัวอย่างหนังตัดหลอกให้คาดหวังอยากดูหนัง แต่พอไปดูหนังจริงๆแล้วคนละเรื่องเลยกับตัวอย่าง  แต่ Only God Forgives คือหนังที่คุณจะได้สมใจดังตัวอย่างหนังเด๊ะๆ

ใช่แล้วผมกำลังพูดถึงตัวอย่างหนังด้วย  เป็นตัวอย่างหนังที่ตัดภาพใส่เพลงได้เท่ห์จริงๆ

ก่อนจะพูดถึงหนังยาวๆ จะบอกก่อนสำหรับคนที่สงสัยว่าหนังเรื่องนี้จะดูยากหรือเปล่า  ก็สำหรับคนที่คุ้นเคยหนังตลาดเร้าอารมณ์ก็อาจจะไม่คุ้นชินกับภาษาในการเล่า หนังเล่าในโทนเนิบๆ และบางทีสอดแทรกฉากเชิงสัญลักษณ์ให้ได้ตีความหมายด้วย  แต่หากคุณเป็นคอหนังแนวทางนี้อยู่แล้วเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน



เข้าเรื่องกันที่นักแสดงเลย "Kristin Scott Thomas" แปลงโฉมเป็นสาวบลอนด์เอาแต่ใจเวอร์ชั่นนางมารได้หลอนมาก  แต่ขณะเดียวกันก็บันเทิงคนดูทุกนาทีที่ปรากฎตัวเช่นกัน

"Ryan Gosling”  หล่อดิบเถื่อนได้ใจ แสดงก็ดีเท่าที่บทอำนวย เป็นบทบาทโหดเรื่องแรกของเค้าที่ผมดู  แต่ไม่ได้ดีถึงขนาดว่าประทับใจมากจนลืมไม่ลง  เค้าก็ตามน้ำไปเรื่อยๆ

มาถึงนักแสดงไทย “Vithaya Pansringarm” ถือว่าทำได้ดีเลย บทนี้เป็นบทที่น่าสนใจสำหรับนักแสดงเก๋าๆไว้ฝึกฝีมือมากๆ  เมืองไทยเองไม่ค่อยมีบทแนวนี้เท่าไร  ถึงแกจะไม่มีชื่อเสียงในบ้านเราแต่ว่าการได้รับบทแบบนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงฝีมือได้  เพราะคิดว่า ผกก. เค้าเลือกจากฝีมือนักแสดงจริงๆ  ในหนังไม่ว่าจะเป็นการพูด การวางน้ำเสียงการวางสีหน้าท่าทางการเดินดูน่าเกรงขาม   แต่เสียนิดหน่อยตรงฉากฟันดาบและฉากสู้ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ คือถ้าพูดตรงๆแกดูแก่เกินไป

“Yayaying Rhatha Phongam” ส่วนคนนี้ที่เป็นข่าวฮือฮาในบ้านเราเรื่องการเดินพรหมแดงที่เมืองคานส์  ส่วนตัวผมว่าชุดไทยประยุกต์เขียวดำชุดนั้นประยุกต์ได้พลาดไปหน่อย  และพูดถึงการประกฏตัวในหนังก็ถือว่าธรรมดา พี่เค้าสวยขึ้นกล้องมาก และมีแนวโน้มเป็นนักแสดงขายฝีมือได้  พี่เค้าไม่ได้แสดงแข็งแต่แค่แสดงไม่ถึง  ในฉากโต๊ะอาหารผมคาดหวังการรับส่งอารมณ์ที่เฉียบกว่านี้แต่มันก็ไปไม่ถึงจริงๆ



ด้านภาพรวมชอบการออกแบบตัวละครและความสัมพันธ์ต่างๆ  แล้วนำมาอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าสนใจ  มันน่าดูน่าติดตามว่าตัวละครแรงๆ แบบนี้กับสถาการณ์แบบนี้เมื่อมาเจอกันมันจะลงเอยยังไง แล้วหนังก็นำเสนอในโทนสมจริง เนิบๆบ้างทิ้งเวลาให้คนดูได้ซึมซับอารมณ์ของหนัง   ภาพโคลสอัพนักแสดงชัดๆให้เราได้เห็นสีหน้าและจินตนาการไปพร้อมกันว่าตัวละครกำลังคิดอะไรอยู่


ที่ลืมไม่ได้เลยเพราะมันจัดจ้านและเด่นมากๆ คืองานด้านภาพสวยๆ และเพลงประกอบเท่ห์ๆ  พลางสงสัยเหลือเกินทำไมหนังไทยเองถ่ายเมืองไทยไม่สวยแบบนี้บ้าง  หนังมีภาพจำเท่ห์ๆมากมายให้ติดตาผมไปอีกหลายวัน  ติดนิดเดียวตรงการออกแบบบ้านไม้ของหัวหน้าตำรวจใหญ่  คือ ผกก. เค้าคงอยากได้ภาพที่มันไทยๆสวยๆ แต่มันดูจนเกินไปหน่อย (ตำรวจบ้านเรารวยมากนะเออ)



สิ่งที่น่าเสียดายคือประเด็นสาระสำคัญๆ ของหนังที่เหมือนจะปูให้เราได้ครุ่นคิดก็เหมือนจะเลือนๆหายไป  พิจารณาจากองค์ประกอบดีๆเยอะแยะมากมายหนังน่าจะพาคนดูไปต่อได้อีกนิด คือแบบมีทั้งตัวละครเท่ห์ๆ พูดบทสนทนามันส์ๆ  แต่สมดุลของหนังเลือกที่จะใส่พวกฉากเชิงสัญลักษณ์(ความคิด ,ความฝัน, ภาพในหัวตัวละคร) เข้าไปถ่วงดุลเหตุการณ์จริงๆ

ฉะนั้นการพูดถึงประเด็นปัญหาหาสังคมของผู้คนอันตราย วิธีการทำงานของตำรวจ ฯลฯ เป็นเพียงแค่การพูดถึงผ่านๆ แล้วก็หายไปแบบเนียนๆ มานึกได้ทีหลังว่ามันไม่มีต่อแล้วหรือ คือผมว่ามันสามารถเล่นอะไรได้ มากกว่านี้  อย่างฉากเริ่มเรื่องที่หัวหน้าตำรวจขังพ่อเด็กสาวอายุ 16 ไว้กับฝรั่งเป็นฉากที่ดีมาก  แต่หลังๆมันไม่มีแบบนี้แล้ว



รู้เลยว่า ผกก. “Nicolas Winding Refn” แกมีของและเข้าใจภาษาหนังเป็นอย่างดี คือผู้กำกับต้องมีประสบกาณ์และสมาธิในการจินตาการอย่างสูงทีเดียว ถึงจะสามารถทำหนังอารมณ์เฉพาะตัวแบบนี้ได้ เพียงแต่กับเรื่องนี้มันยังไม่ที่สุด

สรุปตามประสาคนรักหนังคือเรื่องนี้คุ้มค่าตั๋ว  เหมือนได้หลุดไปอีกโลก  ถ้าให้เลือกระหว่างดูระหว่าง Man Of Steel  กับเรื่องนี้อีกรอบ  ผมอยากดูเรื่องนี้มากกว่า
ชื่อสินค้า:   Only God Forgives
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่