ถ้าท่านตายกับพระคริสต์พ้นจากวิญญาณต่างๆแห่งสากลจักรวาลแล้ว
เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้บัญญัติต่างๆ... – คส. ๒:๒๐
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิมมีพิธีและกฎเกณฑ์ที่ต้องยึดถือมากมาย ในขณะที่ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่มีเพียงไม่กี่พิธีและมีเพียงพระบัญญัติแห่งรักเพียงบัญญัติเดียว
นั่นเป็นเพราะพิธีและกฎเกณฑ์ที่ต้องยึดถือในพันธสัญญาเดิมเป็นเพียง
“แบบและเงา” (ฮบ. ๘:๕) ของพระราชกิจของพระเยซูก่อนที่พระองค์จะเสด็จมากระทำให้สำเร็จ
คำว่า
“แบบ” หมายถึง
“ของเทียม ของเลียนแบบ” ผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิมมีเพียงของเลียนแบบ ในขณะที่ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่มีของจริง
“ธรรมบัญญัติเป็นแต่เพียงเงาของสิ่งประเสริฐที่จะมาในภายหลังมิใช่ตัวจริง” (ฮบ. ๑๐:๑)
พิธีและกฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นเพียงเศษส่วนมากมายที่ประกอบรวมกันขึ้นเป็นของเลียนแบบพระราชกิจของพระเยซู
พิธีถวายสัตวบูชา เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง ซึ่งเลียนแบบการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู
มหาปุโรหิตผู้นำเลือดสัตว์เข้าไปในพระวิหาร เป็นเพียงอีกส่วนประกอบหนึ่ง ซึ่งเลียนแบบพระราชกิจของพระเยซูที่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองไปยังอภิสุทธิสถานของจริงในสวรรค์
และเมื่อพระองค์เสด็จมากระทำพระราชกิจของพระองค์ให้สำเร็จ ซึ่งทำให้ผู้เชื่อทุกคนเป็นคนชอบธรรม ก็ยกเลิกส่วนประกอบซึ่งเป็นเพียงแบบและเงา หรือของเลียนแบบเหล่านั้นซึ่งไม่สามารถทำให้แม้สักคนเดียวชอบธรรม
“พระบัญญัติที่มีอยู่เดิมนั้น ก็ได้ยกเลิกไป เพราะขาดฤทธิ์และไร้ประโยชน์ เพราะธรรมบัญญัตินั้นไม่สามารถนำมนุษย์ไปสู่ความสมบูรณ์ได้” (ฮบ. ๗)
“เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม” (รม. ๑๐:๔)
นอกจากตัวอย่างพิธีข้างต้น อัครทูตเปาโลยังกล่าวในข้อ ๑๖ และ ๑๗ ว่า ธรรมบัญญัติเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง”
ขอบคุณพระเจ้าที่ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่ไม่เพียงทานเนื้อหมูได้ แต่ยังทานกุ้ง หอย ปู ปลาหมึก และปลาไร้เกล็ดซึ่งเป็นของต้องห้ามที่มีมลทินสำหรับผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิม และไม่ต้องถือวันและเทศกาลสำคัญต่างๆ
เปาโลกล่าวถึงคนที่ปรารถนาจะกลับไปรื้อฟื้นสอนคนให้ถือธรรมบัญญัติว่าเป็นคนสอนแปลก ผิดจุดประสงค์ หลงไปในทางพูดเหลวไหล (๑ ทธ. ๑:๓, ๖-๗)
ท่านกำชับผู้เชื่อให้ระวังคนล่อลวงด้วยคำชักชวนอันน่าฟังทำให้ตกเป็นเหยื่อ
“ตามวิญญาณต่างๆ แห่งสากลจักรวาล” (ข้อ ๗-๘)
คำว่า
“วิญญาณต่างๆ แห่งสากลจักวาล” หมายถึง
“ส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ของโลก” ซึ่งทุกข้อที่กล่าวถึงข้อความดังกล่าว จะหมายถึงพิธีและกฎเกณฑ์ในธรรมบัญญัติซึ่งเป็นส่วนประกอบมากมายที่ประทานมาเบื้องต้น เป็นเพียงแบบและเงา เป็นของเลียนแบบ
ข้อความดังกล่าวอยู่ในพระธรรมข้อหลักเช่นกัน อัครทูตเปาโลกล่าวว่า
“ถ้าท่านตายกับพระคริสต์พ้นจากวิญญาณต่างๆแห่งสากลจักรวาลแล้ว”
เพราะคุณอยู่ในพระคริสต์ คุณจึงตายกับพระองค์และพ้นจากส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ของโลก คือพ้นจากแบบและเงา พ้นจากพิธีและกฎเกณฑ์ในธรรมบัญญัติ
อัครทูตเปาโลแปลกใจที่บางคนกลับหลงเชื่อคำสอนของคนที่ล่อลวงให้ผู้เชื่อตกอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ท่านถามว่า “เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้บัญญัติต่างๆ” (คำว่า “อันเป็นหลักธรรมและคำสอนของมนุษย์” ท้ายข้อนี้ไม่ปรากฏในฉบับกรีก) เช่น "อย่าเอามือหยิบ" "อย่าชิม" "อย่าแตะต้อง" เป็นต้น คือกล่าวถึงสิ่งที่ต้องพินาศเมื่อใช้มัน” (ข้อ ๒๑-๒๒) คนที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติที่ห้ามหยิบ ชิม แตะ เตรียมพินาศและถูกแช่งสาปได้เลยเมื่อตนทำพลาดแม้เพียงข้อเดียว
“เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็ถูกแช่งสาป เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามข้อความทุกข้อ ที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติก็ถูกแช่งสาป” (กท. ๓:๑๐)
ขอบคุณพระเจ้าที่พระคริสต์
“ได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท” (กท. ๕:๑) พ้นจากแอกทาสหรือธรรมบัญญัติ
“ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ” (กท. ๓:๑๓)
ส่วนคนที่เข้าอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ
“พระคริสต์จะทรงทำประโยชน์อะไรให้แก่ท่านไม่ได้เลย” (กท. ๕:๒)
และเพราะเราตายกับพระคริสต์พ้นจากส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ เรายังตายและพ้นจากธรรมบัญญัติที่ผูกมัด เราไม่ดำเนินชีวิตอยู่ใต้อำนาจและการลงโทษของธรรมบัญญัติ แต่ดำเนินชีวิตใหม่ตามฝ่ายวิญญาณ
“แต่บัดนี้เราได้พ้นจากธรรมบัญญัติ คือได้ตายจากธรรมบัญญัติที่ได้ผูกมัดเราไว้ เพื่อเราจะได้ไม่ประพฤติตามตัวอักษรในประมวลธรรมบัญญัติเก่า แต่จะดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณ” (รม. ๗:๖)
ผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิม เพราะมีความตายฝ่ายวิญญาณ ไม่มีพระวิญญาณของพระเจ้าประทับภายใน จึงไม่สามารถดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณได้ ต้องถูกตัวอักษรในประมวลธรรมบัญญัติผูกมัดไว้ไม่ให้กระทำบาปด้วยบทลงโทษ ความพินาศและคำแช่งสาป
ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่ เพราะบังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ มีพระวิญญาณของพระเจ้าประทับภายใน จึงสามารถดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณ ดำเนินในความรักของพระเจ้าซึ่งเป็นการประพฤติตามพระบัญญัติอย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องถูกผูกมัดด้วยธรรมบัญญัติอีกต่อไป
ตัดสินใจวันนี้ที่จะดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณ ซึ่งเป็นการดำเนินภายใต้พระบัญญัติแห่งรักซึ่งเป็นพระบัญญัติเดียวที่พระเยซูได้ประทานแด่คุณ ดำเนินโดยความเชื่อในพระราชกิจที่เสร็จสิ้นของพระเยซูคริสต์เจ้า ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้คุณเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า แล้วคุณจะได้รับมรดก ได้รับพระพรนานาประการ และจะมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ
"ข้าพเจ้าตายกับพระคริสต์พ้นจากส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ของโลก พ้นจากธรรมบัญญัติที่ได้ผูกมัดไว้ ข้าพเจ้าเป็นไทในพระคริสต์ที่จะดำเนินตามฝ่ายวิญญาณ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน"
โดย : อ.ชาญชิต
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
ตายกับพระคริสต์พ้นจากธรรมบัญญัติ
เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้บัญญัติต่างๆ... – คส. ๒:๒๐
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิมมีพิธีและกฎเกณฑ์ที่ต้องยึดถือมากมาย ในขณะที่ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่มีเพียงไม่กี่พิธีและมีเพียงพระบัญญัติแห่งรักเพียงบัญญัติเดียว
นั่นเป็นเพราะพิธีและกฎเกณฑ์ที่ต้องยึดถือในพันธสัญญาเดิมเป็นเพียง “แบบและเงา” (ฮบ. ๘:๕) ของพระราชกิจของพระเยซูก่อนที่พระองค์จะเสด็จมากระทำให้สำเร็จ
คำว่า “แบบ” หมายถึง “ของเทียม ของเลียนแบบ” ผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิมมีเพียงของเลียนแบบ ในขณะที่ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่มีของจริง
“ธรรมบัญญัติเป็นแต่เพียงเงาของสิ่งประเสริฐที่จะมาในภายหลังมิใช่ตัวจริง” (ฮบ. ๑๐:๑)
พิธีและกฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นเพียงเศษส่วนมากมายที่ประกอบรวมกันขึ้นเป็นของเลียนแบบพระราชกิจของพระเยซู
พิธีถวายสัตวบูชา เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง ซึ่งเลียนแบบการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู
มหาปุโรหิตผู้นำเลือดสัตว์เข้าไปในพระวิหาร เป็นเพียงอีกส่วนประกอบหนึ่ง ซึ่งเลียนแบบพระราชกิจของพระเยซูที่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองไปยังอภิสุทธิสถานของจริงในสวรรค์
และเมื่อพระองค์เสด็จมากระทำพระราชกิจของพระองค์ให้สำเร็จ ซึ่งทำให้ผู้เชื่อทุกคนเป็นคนชอบธรรม ก็ยกเลิกส่วนประกอบซึ่งเป็นเพียงแบบและเงา หรือของเลียนแบบเหล่านั้นซึ่งไม่สามารถทำให้แม้สักคนเดียวชอบธรรม
“พระบัญญัติที่มีอยู่เดิมนั้น ก็ได้ยกเลิกไป เพราะขาดฤทธิ์และไร้ประโยชน์ เพราะธรรมบัญญัตินั้นไม่สามารถนำมนุษย์ไปสู่ความสมบูรณ์ได้” (ฮบ. ๗)
“เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม” (รม. ๑๐:๔)
นอกจากตัวอย่างพิธีข้างต้น อัครทูตเปาโลยังกล่าวในข้อ ๑๖ และ ๑๗ ว่า ธรรมบัญญัติเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง”
ขอบคุณพระเจ้าที่ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่ไม่เพียงทานเนื้อหมูได้ แต่ยังทานกุ้ง หอย ปู ปลาหมึก และปลาไร้เกล็ดซึ่งเป็นของต้องห้ามที่มีมลทินสำหรับผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิม และไม่ต้องถือวันและเทศกาลสำคัญต่างๆ
เปาโลกล่าวถึงคนที่ปรารถนาจะกลับไปรื้อฟื้นสอนคนให้ถือธรรมบัญญัติว่าเป็นคนสอนแปลก ผิดจุดประสงค์ หลงไปในทางพูดเหลวไหล (๑ ทธ. ๑:๓, ๖-๗)
ท่านกำชับผู้เชื่อให้ระวังคนล่อลวงด้วยคำชักชวนอันน่าฟังทำให้ตกเป็นเหยื่อ “ตามวิญญาณต่างๆ แห่งสากลจักรวาล” (ข้อ ๗-๘)
คำว่า “วิญญาณต่างๆ แห่งสากลจักวาล” หมายถึง “ส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ของโลก” ซึ่งทุกข้อที่กล่าวถึงข้อความดังกล่าว จะหมายถึงพิธีและกฎเกณฑ์ในธรรมบัญญัติซึ่งเป็นส่วนประกอบมากมายที่ประทานมาเบื้องต้น เป็นเพียงแบบและเงา เป็นของเลียนแบบ
ข้อความดังกล่าวอยู่ในพระธรรมข้อหลักเช่นกัน อัครทูตเปาโลกล่าวว่า
“ถ้าท่านตายกับพระคริสต์พ้นจากวิญญาณต่างๆแห่งสากลจักรวาลแล้ว”
เพราะคุณอยู่ในพระคริสต์ คุณจึงตายกับพระองค์และพ้นจากส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ของโลก คือพ้นจากแบบและเงา พ้นจากพิธีและกฎเกณฑ์ในธรรมบัญญัติ
อัครทูตเปาโลแปลกใจที่บางคนกลับหลงเชื่อคำสอนของคนที่ล่อลวงให้ผู้เชื่อตกอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ท่านถามว่า “เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้บัญญัติต่างๆ” (คำว่า “อันเป็นหลักธรรมและคำสอนของมนุษย์” ท้ายข้อนี้ไม่ปรากฏในฉบับกรีก) เช่น "อย่าเอามือหยิบ" "อย่าชิม" "อย่าแตะต้อง" เป็นต้น คือกล่าวถึงสิ่งที่ต้องพินาศเมื่อใช้มัน” (ข้อ ๒๑-๒๒) คนที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติที่ห้ามหยิบ ชิม แตะ เตรียมพินาศและถูกแช่งสาปได้เลยเมื่อตนทำพลาดแม้เพียงข้อเดียว
“เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการประพฤติตามธรรมบัญญัติ ก็ถูกแช่งสาป เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามข้อความทุกข้อ ที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติก็ถูกแช่งสาป” (กท. ๓:๑๐)
ขอบคุณพระเจ้าที่พระคริสต์ “ได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท” (กท. ๕:๑) พ้นจากแอกทาสหรือธรรมบัญญัติ
“ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ” (กท. ๓:๑๓)
ส่วนคนที่เข้าอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ “พระคริสต์จะทรงทำประโยชน์อะไรให้แก่ท่านไม่ได้เลย” (กท. ๕:๒)
และเพราะเราตายกับพระคริสต์พ้นจากส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ เรายังตายและพ้นจากธรรมบัญญัติที่ผูกมัด เราไม่ดำเนินชีวิตอยู่ใต้อำนาจและการลงโทษของธรรมบัญญัติ แต่ดำเนินชีวิตใหม่ตามฝ่ายวิญญาณ
“แต่บัดนี้เราได้พ้นจากธรรมบัญญัติ คือได้ตายจากธรรมบัญญัติที่ได้ผูกมัดเราไว้ เพื่อเราจะได้ไม่ประพฤติตามตัวอักษรในประมวลธรรมบัญญัติเก่า แต่จะดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณ” (รม. ๗:๖)
ผู้เชื่อในพันธสัญญาเดิม เพราะมีความตายฝ่ายวิญญาณ ไม่มีพระวิญญาณของพระเจ้าประทับภายใน จึงไม่สามารถดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณได้ ต้องถูกตัวอักษรในประมวลธรรมบัญญัติผูกมัดไว้ไม่ให้กระทำบาปด้วยบทลงโทษ ความพินาศและคำแช่งสาป
ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่ เพราะบังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ มีพระวิญญาณของพระเจ้าประทับภายใน จึงสามารถดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณ ดำเนินในความรักของพระเจ้าซึ่งเป็นการประพฤติตามพระบัญญัติอย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องถูกผูกมัดด้วยธรรมบัญญัติอีกต่อไป
ตัดสินใจวันนี้ที่จะดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะพระวิญญาณ ซึ่งเป็นการดำเนินภายใต้พระบัญญัติแห่งรักซึ่งเป็นพระบัญญัติเดียวที่พระเยซูได้ประทานแด่คุณ ดำเนินโดยความเชื่อในพระราชกิจที่เสร็จสิ้นของพระเยซูคริสต์เจ้า ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้คุณเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า แล้วคุณจะได้รับมรดก ได้รับพระพรนานาประการ และจะมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ
"ข้าพเจ้าตายกับพระคริสต์พ้นจากส่วนประกอบเบื้องต้นที่ไม่สมบูรณ์ของโลก พ้นจากธรรมบัญญัติที่ได้ผูกมัดไว้ ข้าพเจ้าเป็นไทในพระคริสต์ที่จะดำเนินตามฝ่ายวิญญาณ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน"
โดย : อ.ชาญชิต
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ