อยู่กันมา 12 ปีแล้วค่ะ แต่ตอนแต่งงาน เงินเดือนเรา 20000 เงินเดือน แฟน 30000 ไม่มีเงินเก็บเงินค่ะ มีแต่หนี้
แต่แปลกนะ 12 ปีผ่านไป หนี้ก็ยังมีอยู่ แต่มีบ้าน มีที่ดินเปล่าอีกแปลง มีรถ 2 คันซื้อเอง มีลูก มีเงินเก็บ มีประกันชีวิตคนละ 4 เล่ม
มีเงินเดือนเกิน ครึ่งแสน อีก คน เกินแสน

ถามว่า คนเราจะไม่มีวันพัฒนาเลยเหรอ ต้องรอจนกว่าจะพร้อมเหรอ แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะ

เดาจากคำถาม ชีวิตของ จขกท คงดำเนินอยู่ในช่วงระดับล่าง-กลาง ก็ขอตอบสำหรับระดับนี้ละกัน

หากมีครอบครัว เช่าบ้านอยู่หรือมีทาวน์เฮ้าส์ระดับเล็ก ๆ พออยู่กัน 2-3 คนครอบครัว
ค่าใช้จ่ายเรื่องบ้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน หรือเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ ก็น่าจะประมาณเดือนละ 5,000-8,000 บาท
รถไม่มี เพราะนั่งรถเมล์ไปทำงาน ผู้ชายเอาเงินไปทำงานวันละ 150-200 บาทก็น่าจะพอ
ส่วนเรื่องลูก หากมีก็ใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคมก็ได้หากฝ่ายหญิงทำงานด้วย จริง ๆ แล้วผู้ชายเงินเดือน 15,000 ก็มีชีวิตอยู่ในกทม.ได้ครับ
ส่วนผู้หญิงจะทำงานอยู่บ้านไม่มีรายได้ หรือไปทำงานประจำรายได้ 8,000-10,000 ก็อยู่ได้แล้วครับ

ค่าบ้าน 5,000 บาทต่อเดือน
สาธารณูปโภค 1,500 บาทต่อเดือน
โทรศัพท์ 500 บาทต่อเดือน (2 คน)
ค่าใช้จ่ายไปทำงานของฝ่ายชาย 5,000 บาทต่อเดือน
ค่าใช้จ่ายในบ้าน 5,000 บาทต่อเดือน

ถามว่าชีวิตที่ไม่ค่อยมีเงินใช้แบบนี้ลำบากมั๊ย ... ไม่ลำบากเลย หากคุณรู้จักการใช้เงินไม่เกินตัว
เรื่องรักษาพยาบาล ก็ใช้สิทธิไปตามฐานะ ส่วนเงินเก็บ ในวันที่ยังมีภาระ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่คนเราก็ต้องพัฒนาจริงมั๊ย
คนที่ใช้เงินเป็น มีเงินใช้จ่ายทุกอย่างเดือนละ 5,000 ก็สามารถเอาตัวรอดได้ หรือหากมีครอบครัว ต่อให้รายได้เดือนละ 10,000 ก็รอดได้
แต่คนที่ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเกินตัว มีเงินเท่าไหร่ ก็ไม่พอหรอกครับ มักจะเอาเงินในอนาคตมาใช้ สร้างหนี้สินอยู่เรื่อยไป
ดังนั้นคำตอบสำหรับคำถามว่า มีเงินเดือนเท่าไหร่ มีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะพอ ... บอกได้เลยว่า ไม่จำเป็นต้องตอบ
อยู่ที่นิสัยการใช้จ่ายของคนในครอบครัวล้วน ๆ

แต่งสัปดาห์หน้าครับ เงินเก็บ ค่าอาจารย์พิเศษ + เงินเดือน + งานนอก มากมายหักค่าใช้จ่าย ตลอด 3 ปีก็
300,000 บาทครับ พอจะแต่งงานตอนแรกตกลงกันแล้วก็ ทางญาติผู้หญิงไม่เอาสินสอด ก็ไปคุยเรื่องการจัดงาน โรงแรม อาหาร ห้อง
เบ็ดเสร็จก็ 200,000 บาท

พอดีแฟนผมขอออกช่วยคนละครึ่ง (ปราบปลื้มพระคุณว่าที่ภรรยา T^T)
แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ผู้ชายก็ต้องเสียอยู่ดีเช่น ชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว แหวน แฟนผมคนจีนก็ มีสร้อยทอง ตุ้มหูทอง กำไลทอง
สรุปก็ 200,000 บาทนั่นแหละครับที่ผู้ชายต้องจ่าย

คราวนี้ ทางพ่อแม่ผมเองบอกว่ายังไงก็ต้องจ่ายสินสอด ถึงฝ่ายหญิงไม่เรียกก็ต้องให้ (กรณีนี้อยู่ที่ผู้ใหญ่ตกลง ดีกว่านะครับ)
ผมก็ต้องเอา 100,000 บาทที่เหลือ บวกกับยืมพ่อมา 300,000 เป็น 400,000 บาทค่าสินสอดให้ครอบครัวฝ่ายหญิงไป

สรุปคือ เฉพาะงานถ้า มีแบบแผน หรือไม่มีแบบแผน ก็ 200,000 - 600,000 บาท (ที่เราต้องมีไว้กับตัว อย่าไปนับเป็นเงินกินอยู่หลังแต่ง)
จังหวะนั้นตั้งแต่ต้นปีที่เราจะแต่งานแน่ๆ
ถ้าเราเก็บเงินเหมือนเดิม ขยันเหมือนเดิม
ช่วง 5-6 เดือนก่อนแต่งในปีนั้นจะมีรายได้เข้ามาอีก 100,000 กว่าบาท
ก็อาจจะต้องพูดได้ว่า สำหรับผมก็มีเงินกินอยู่หลังแต่ง 200,000 กว่าบาทครับ (ก็ต้อง ขยันเก็บกันไป)

แต่หลังแต่ง ยังไง ก็คือชีวิตใหม่ที่เราต้อง ขยัน เก็บเงินดูแลตามประสาหัวหน้าครอบครัวนั่นแหละครับ อย่าคิดมากเลยว่ายังไม่มีเงินเก็บ ลองตั้งใจเก็บดูก่อนครับ มันจะมีเอง
ปล. หยุดเที่ยว หยุดกินเหล้า ซะ จากที่คุณต้องเสีย 1,000 กว่าบาทหรือมากกว่านั้นทุกวันศุกร์ ขั้นต่ำ 3 ศุกร์ต่อเดือน คุจะมีเงินเก็บส่วนนี้ 7,000 - 10,000 บาทเลยล่ะ
ปล2. บุหรี่ อาหารที่แพงเกินจำเป็น ลด ละ เลิกซะ คุณจะมีเงินเก็บ 3,000- 5,000 บาทต่อเดือนโดยเฉลี่ย
ปล3. ค่าน้ำมัน และอะไรที่ต้องจ่ายกระทันหัน เช่นไปเที่ยว ไปต่างประเทศ จ่ายบัตรเครดิต แล้วรีบปิดหนี้ซะ ไม่ก็จ่ายขั้นต่ำ อย่าพอก

คำแนะนำ ที่อาจจะช่วยได้เล็กน้อย 5-30% จากว่าที่เจ้าบ่าวธรรมดาๆ ครับ

ผมลองคำนวณดู ถ้าทำงานมา 10 ปี เปลี่ยนงานเพื่ออัพเงินเดือนสองปีครั้ง เรทเงินเดือนแบบมาตรฐานคนส่วนมาก ไม่ได้โดดเด่น และใช้จ่ายแค่ 40% ของเงินเดือน ก็น่าจะมีเงินเก็บ ล้านห้า ครับ ซึ่งจะทำอย่างนี้ได้ ที่บ้านต้องไม่มีภาระอะไรให้เราช่วยเหลือเลยนะครับ

แต่ภาระและปัจจัยชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันนะครับ
- ถ้าต้องส่งให้พ่อแม่เดือนละ 20% เงินเก็บก็จะเหลือล้านนึง ยังโอเคอยู่
- แต่ถ้าพ่อแม่ไม่มีบ้าน ต้องเช่าห้องอยู่ซักเดือนละ 4000 ก็จะเหลือเงินเก็บ ห้าแสนกว่า
- และถ้าซื้อคอนโดตอนที่พอจะผ่อนเดือนละหมื่นได้ (อันนี้คือขั้นต่ำของคอนโดในเมืองละ) เอาเงินเก็บก่อนหน้านั้นมาดาว์น แต่งห้อง แค่นี้ก็เหลือเงินเก็บแค่ไม่ถึงแสนแล้วอ่ะครับ

อันนี้นี่คำนวณแบบยังไม่คิดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าโทรศัพท์ และก็ไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่เที่ยว ไม่ีซื้อของที่อยากได้เลยนะครับ

โอเคครับ ถ้าหารายได้เสริม ก็จะมีเงินเหลือเยอะกว่านี้ แต่ลองไปถามหนุ่มๆ ในออฟฟิศดูสิครับ ว่าจะมีซักกี่คนที่มีรายได้เสริมมั่ง

ดังนั้นผมว่าอย่าไปยึดเรื่องเิงินเป็นหลักเลยครับ เพราะถ้าไม่ได้เกิดมาแบบบ้านรวยอยู่แล้ว ผมว่าการจะมีเงินเก็บเยอะๆ ในช่วงหนุ่มๆ ผมว่าน่าจะยากครับ ดูว่าเค้าเป็นคนดี ขยันขันแข็งรึเปล่้า ก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ