โรงแรม Grand Millennium Sukhumvit นี่ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้จัก หรือถ้ารู้จักก็อาจจะสับสนกับโรงแรม Millennium Hilton บนถนนเจริญนคร ครับ ผมไม่ได้คิดไปเองในเรื่องนี้เพราะจากปากเพื่อนผมที่ได้ไปโรงแรมนี้ด้วยกันในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา, จากถ้อยคำของ PR ของโรงแรมเองที่บอกว่าลูกค้าคนไทยไม่ค่อยรู้จักโรงแรม เพราะว่าเน้นโปรโมทกับชาวต่างชาติเป็นหลัก ก็เลยทำให้แม้ว่าโรงแรมแห่งนี้จะตั้งอยู่บนทำเลที่แสนจะ Prime คืออยู่บริเวณสี่แยกอโศกมนตรี ใกล้รถไฟฟ้า BTS มาก ๆ เลย และแม้ว่าจะมี Sunday Brunch ที่ผมว่าคุ้มกว่าโรงแรม 5 ดาวไหน ๆ ในกรุงเทพเท่าที่เคย ๆ กินมาเลย แต่เนื่องด้วยความไม่รู้จักนี่แหละที่ทำให้เราพลาดอะไรดี ๆ ของที่นี่กันไป
ตัวโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมในเครือ Grand Millennium ที่มีสาขาอยู่ในกรุงเทพแค่ตรงสี่แยกอโศกนี้แห่งเดียว (แต่จริง ๆ โรงแรมมีสาขาอยู่ทั่วโลกเลย) และเป็นโรงแรม 5 ดาวที่ตกแต่งในสไตล์ modern แบบยุโรป ๆ ดูดีกันตั้งแต่ lobby ไปจนถึงตัวห้องอาหารเลย ห้องอาหารของโรงแรมนี้ก็ค่อนข้างจะแนว ๆ หน่อยคือไม่ได้มีอาหารสัญชาติหลัก ๆ เหมือนกับโรงแรมอื่นแต่จะมีห้องอาหารอยู่แค่ 2 ห้องเท่านั้นคือห้อง Atelier (แปลว่า studio หรือ workshop ของศิลปิน และเนื่องด้วยตัวห้องอาหารใช้ชื่อนี้ ก็เลยมีรูปภาพ, รูปวาด (แน่นอนรูปจำลอง) ของศิลปินดัง ๆ แปะอยู่ทั่วห้องเลย สวย เก๋ไก๋มาก ๆ) ที่เป็นห้อง all-day dining ให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ในช่วงราคาที่หลากหลาย แตกต่างกันไป ส่วนอีกห้องนั้นคือห้อง Tapas Y Vino ที่จะเสิร์ฟอาหารสเปนแนว Tapas พร้อมไวน์ให้ดื่มด่ำเคียงคู่กัน
รีวิวในมื้อนี้เราก็จะไปเจาะกันที่ตัว Sunday Brunch ของทางห้องอาหาร Atelier แห่งนี้กัน โดยตัว Sunday Brunch ของที่นี่นั้นใช้ชื่อว่า Sparkling Sunday Brunch สนนราคาอยู่ที่ 1,600++ บาท และรับประทานได้ตั้งแต่ 12.00 - 15.00 น. และแน่นอนมีเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียว และถ้าใครไปกัน 4 คนก็จะจ่ายแค่ 2 คนเท่านั้นทำให้ราคานั้นตกลงมาเหลือแค่คนละประมาณ 1,000 เดียวเท่านั้น และผมบอกตรง ๆ ว่าการไปกินบุฟเฟ่ต์จัดหนัก ในมื้อเที่ยงวันอาทิตย์แบบนี้ ส่วนใหญ่ก็ไปกันเป็นครอบครัว เป็นกลุ่ม 4 คนขึ้นไปทั้งนั้นแหละ ดังนั้นราคาเต็มที่ตั้ง ๆ มานี่แทบจะไม่มีผลเลย ก็คือ คิดซะว่าราคาของที่นี่คือประมาณพันนึงก็คงจะไม่ผิดนักล่ะครับ
ส่วนที่ทางห้องอาหาร Atelier @ Grand Millennium Sukhumvit แห่งนี้ตั้งชื่อเอาไว้ว่า Sparkling Sunday Brunch นั้นก็น่าจะมาจากที่ตัวราคาบุฟเฟ่ต์นั้นจะรวมเอาเครื่องดื่มอันแสนจะหลากหลายเอาไว้แล้วด้วย รวมไปถึงตัว Sparkling Wine, House Wine, Local Beers และ Soft Drink ต่าง ๆ (จึงเป็นที่มาของชื่อจากตัว Sparkling Wine ก็คงจะไม่ผิดนัก) Sunday Brunch ของโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ ที่ผมเคยกินมา ถ้าเกิดมีการรวมเอาตัว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ส่วนใหญ่ราคาก็จะกระโดดไปอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 3,500 บาทแทบทั้งนั้น และก็หลาย ๆ ที่ก็ไม่ได้มีโปรแบบไม่ต้องมีบัตรสมาชิกโรงแรมแล้วก็ลดให้ 50% แบบของที่นี่เลย พวกนักดื่ม, ขาดื่มทั้งหลาย บอกตรง ๆ ว่ากับราคานี้เป็นอะไรที่คุ้มมาก ๆ ครับ อ้อ ตัว sparkling wine, house wine แน่นอนว่าไม่ได้ใช้ของแพงอะไรมากนัก แต่ว่าความอร่อยนั้นอยู่ในระดับดื่มได้เพลิน ๆ จนจบมื้อได้ไม่ยากล่ะครับ ส่วน beer ก็จะมีให้เลือกแค่ยี่ห้อเดียวคือเบียร์ Carlsberg ซึ่งก็เจ๋งดี หากินยาก และแปลกกว่าที่อื่น ๆ
มาดูไลน์อาหารของที่นี่กันดีกว่าครับ
- Cold Seafood, อาหารเย็น ของที่ Atelier แห่งนี้ก็จะมีค่อนข้างคล้ายคลึงกับที่อื่นครับ คือมี New Zealand Mussel, กุ้งแชบ๊วยลวก, ก้ามปูอลาสก้า พิเศษกว่าที่อื่นหน่อยตรงที่จะมีตัว ไข่ปลาแซลมอนหรือ Salmon Roe ให้ตักได้ไม่อั้นด้วย ซึ่งอาหารทะเลเย็น ๆ ทั้งหมดนี้ ตัวใหญ่ อร่อยดีครับ กินกันเพลิน ๆ คนละจานสองจานเลยพวกผมในวันนั้น
- พวกอาหารยุโรปแบบครัวเย็นก็จะมี cold cut, Salmon รมควัน ที่จะมีให้เลือก 2 แบบ อร่อยทั้ง 2 แบบเลยครับ โดยเฉพาะแบบที่มีราด ๆ น้ำมันมะกอกกับใส่เม็ด caper ที่ช่วยเพิ่มความมัน ความอร่อยของเนื้อปลาเข้าไปใหญ่ , มีสลัดที่เราสามารถไปคลุกผักหลากหลายชนิดกับน้ำสลัดในครกขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มกันได้สะดวกโยธิน
- โซนอาหารญี่ปุ่น ก็จะมี Sashimi พร้อมปลา local ๆ ให้เลือกสั่ง (แซลมอน, ทูน่า, ไข่หวาน, ปูอัด) อะไรพวกนี้ พร้อมข้าวปั้นทั้งแบบ roll และ temaki (แบบกรวย) อีกนิด ๆ หน่อย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มาตรฐานดีครับ
- โซน Grill ก็จะมี beef sirloin, salmon, chicken breast, tiger prawn (ตัวใหญ่มากเลย สดดีด้วย) , ไส้กรอก ให้เราเลือกหยิบ เลือกสั่งให้ทางพ่อครัว grill ให้ตามความสุกที่เราพอใจ ซึ่งคุณภาพและรสชาติของโซน grill ที่นี่ก็อยู่ในระดับ Sunday Brunch ของโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ ล่ะครับ อร่อยดี อ้อ โซนนี้เค้าจะมี Foie Gras ให้สั่งด้วยนะครับ คือแบบทางห้องอาหารอาจจะไม่วางโชว์ แต่สั่งได้ ผมก็ลองสั่งมาจานนึง ก็อร่อยได้มาตรฐานดีเช่นกัน
- โซน อาหารจีน โซนนี้นี่ทีเด็ดเลย ผมชอบที่สุดในมื้อนี้เลยก็ว่าได้ ทางห้องอาหาร Atelier มีทั้ง หมูหัน, เป็ดปักกิ่ง และติ่มซำหลากหลายชนิดให้เลือกสั่งเลือกหยิบกัน และแบบเป็ดปักกิ่งนี่ม้วนกันสด ๆ เลย แต่ละคำเลยอร่อยกว่าหลาย ๆ ที่ที่ม้วนทิ้งเอาไว้นาน ๆ , หมูหันก็ให้มาแบบไม่งก เลือกหยิบเลือกสั่งกันได้เต็มที่ ตัวซาลาเปานี่ก็ของดีครับ ไส้อัดมาแน่น ๆ และก็ซาลาเปาลูกกำลังดีเลย โซนอาหารจีนนี่ผมกินไปหลายจานมาก ๆ เลยล่ะ
- โซนของคาวนอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นพวกอาหารไทย, อาหารอินเดีย, อาหารมังสวิรัติ และก็พวกพาสต้าทำสด ซึ่งผมและเพื่อนตัวอ้วนไม่ค่อยได้กินกันสักเท่าไร เลยบอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นยังไง คงต้องไปลองกันเองล่ะครับ
- ตัวของหวานของที่นี่นั้นจะเป็นการปิดห้องอาหารสเปนข้าง ๆ ไป และทำเป็นไลน์ของหวานแทน ของหวานมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเยอะที่สุดที่ผมเคยเจอมา และก็ตัวของหวานก็จะคล้าย ๆ ที่อื่นพอสมควรครับ มีพวกเค้กแบบต่าง ๆ , พุดดิ้งมะม่วง, panna cotta, ice cream , chocolate fondue, Chocolate Souffle ที่พิเศษกว่าที่อื่นก็คงเป็นตัววัฟเฟิล และเครปสด ที่ทางร้านทำเป็นซุ้มใหญ่อลังการ พร้อมพนักงานประจำไว้ 2 คนคอยทำให้เราใหม่ ๆ สด ๆ เลย ซึ่งเนื่องจากใส่ใจขนาดนี้ ก็เลยอร่อยไม่ผิดหวังครับ
มื้อนี้ ผมและเพื่อนตัวอ้วน เพลิดเพลินกันมากครับ ด้วยบริการของพนักงานที่ทำได้ดีสมกับโรงแรม 5 ดาว, อาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย และแทบทุกอันอยู่ในระดับที่สะกดคำว่าอร่อยได้อย่างไม่ลำบากปาก และที่สำคัญที่สุดคือ ตัวเครื่องดื่ม ที่รวมอยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์ ที่ช่วยทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ อร่อย และสนุกสนาน เพลิดเพลินจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ขึ้นมามากอยู่เหมือนกัน อืม ใครกำลังมองหา Sunday Brunch อร่อย ๆ คุ้ม ๆ แล้วล่ะก็ ผมว่าที่ Atelier @ Grand Millennium Sukhumvit แห่งนี้น่าจะคุ้มที่สุดในกรุงเทพฯ (หรืออาจจะในสามโลก?) แล้วล่ะ ไปจัดกันได้เลย
[SR] Sunday Brunch ที่น่าจะคุ้มค่าที่สุดในกรุงเทพมหานคร ณ Atelier - Grand Millennium Sukhumvit
ตัวโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมในเครือ Grand Millennium ที่มีสาขาอยู่ในกรุงเทพแค่ตรงสี่แยกอโศกนี้แห่งเดียว (แต่จริง ๆ โรงแรมมีสาขาอยู่ทั่วโลกเลย) และเป็นโรงแรม 5 ดาวที่ตกแต่งในสไตล์ modern แบบยุโรป ๆ ดูดีกันตั้งแต่ lobby ไปจนถึงตัวห้องอาหารเลย ห้องอาหารของโรงแรมนี้ก็ค่อนข้างจะแนว ๆ หน่อยคือไม่ได้มีอาหารสัญชาติหลัก ๆ เหมือนกับโรงแรมอื่นแต่จะมีห้องอาหารอยู่แค่ 2 ห้องเท่านั้นคือห้อง Atelier (แปลว่า studio หรือ workshop ของศิลปิน และเนื่องด้วยตัวห้องอาหารใช้ชื่อนี้ ก็เลยมีรูปภาพ, รูปวาด (แน่นอนรูปจำลอง) ของศิลปินดัง ๆ แปะอยู่ทั่วห้องเลย สวย เก๋ไก๋มาก ๆ) ที่เป็นห้อง all-day dining ให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ในช่วงราคาที่หลากหลาย แตกต่างกันไป ส่วนอีกห้องนั้นคือห้อง Tapas Y Vino ที่จะเสิร์ฟอาหารสเปนแนว Tapas พร้อมไวน์ให้ดื่มด่ำเคียงคู่กัน
รีวิวในมื้อนี้เราก็จะไปเจาะกันที่ตัว Sunday Brunch ของทางห้องอาหาร Atelier แห่งนี้กัน โดยตัว Sunday Brunch ของที่นี่นั้นใช้ชื่อว่า Sparkling Sunday Brunch สนนราคาอยู่ที่ 1,600++ บาท และรับประทานได้ตั้งแต่ 12.00 - 15.00 น. และแน่นอนมีเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียว และถ้าใครไปกัน 4 คนก็จะจ่ายแค่ 2 คนเท่านั้นทำให้ราคานั้นตกลงมาเหลือแค่คนละประมาณ 1,000 เดียวเท่านั้น และผมบอกตรง ๆ ว่าการไปกินบุฟเฟ่ต์จัดหนัก ในมื้อเที่ยงวันอาทิตย์แบบนี้ ส่วนใหญ่ก็ไปกันเป็นครอบครัว เป็นกลุ่ม 4 คนขึ้นไปทั้งนั้นแหละ ดังนั้นราคาเต็มที่ตั้ง ๆ มานี่แทบจะไม่มีผลเลย ก็คือ คิดซะว่าราคาของที่นี่คือประมาณพันนึงก็คงจะไม่ผิดนักล่ะครับ
ส่วนที่ทางห้องอาหาร Atelier @ Grand Millennium Sukhumvit แห่งนี้ตั้งชื่อเอาไว้ว่า Sparkling Sunday Brunch นั้นก็น่าจะมาจากที่ตัวราคาบุฟเฟ่ต์นั้นจะรวมเอาเครื่องดื่มอันแสนจะหลากหลายเอาไว้แล้วด้วย รวมไปถึงตัว Sparkling Wine, House Wine, Local Beers และ Soft Drink ต่าง ๆ (จึงเป็นที่มาของชื่อจากตัว Sparkling Wine ก็คงจะไม่ผิดนัก) Sunday Brunch ของโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ ที่ผมเคยกินมา ถ้าเกิดมีการรวมเอาตัว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ส่วนใหญ่ราคาก็จะกระโดดไปอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 3,500 บาทแทบทั้งนั้น และก็หลาย ๆ ที่ก็ไม่ได้มีโปรแบบไม่ต้องมีบัตรสมาชิกโรงแรมแล้วก็ลดให้ 50% แบบของที่นี่เลย พวกนักดื่ม, ขาดื่มทั้งหลาย บอกตรง ๆ ว่ากับราคานี้เป็นอะไรที่คุ้มมาก ๆ ครับ อ้อ ตัว sparkling wine, house wine แน่นอนว่าไม่ได้ใช้ของแพงอะไรมากนัก แต่ว่าความอร่อยนั้นอยู่ในระดับดื่มได้เพลิน ๆ จนจบมื้อได้ไม่ยากล่ะครับ ส่วน beer ก็จะมีให้เลือกแค่ยี่ห้อเดียวคือเบียร์ Carlsberg ซึ่งก็เจ๋งดี หากินยาก และแปลกกว่าที่อื่น ๆ
มาดูไลน์อาหารของที่นี่กันดีกว่าครับ
- Cold Seafood, อาหารเย็น ของที่ Atelier แห่งนี้ก็จะมีค่อนข้างคล้ายคลึงกับที่อื่นครับ คือมี New Zealand Mussel, กุ้งแชบ๊วยลวก, ก้ามปูอลาสก้า พิเศษกว่าที่อื่นหน่อยตรงที่จะมีตัว ไข่ปลาแซลมอนหรือ Salmon Roe ให้ตักได้ไม่อั้นด้วย ซึ่งอาหารทะเลเย็น ๆ ทั้งหมดนี้ ตัวใหญ่ อร่อยดีครับ กินกันเพลิน ๆ คนละจานสองจานเลยพวกผมในวันนั้น
- พวกอาหารยุโรปแบบครัวเย็นก็จะมี cold cut, Salmon รมควัน ที่จะมีให้เลือก 2 แบบ อร่อยทั้ง 2 แบบเลยครับ โดยเฉพาะแบบที่มีราด ๆ น้ำมันมะกอกกับใส่เม็ด caper ที่ช่วยเพิ่มความมัน ความอร่อยของเนื้อปลาเข้าไปใหญ่ , มีสลัดที่เราสามารถไปคลุกผักหลากหลายชนิดกับน้ำสลัดในครกขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มกันได้สะดวกโยธิน
- โซนอาหารญี่ปุ่น ก็จะมี Sashimi พร้อมปลา local ๆ ให้เลือกสั่ง (แซลมอน, ทูน่า, ไข่หวาน, ปูอัด) อะไรพวกนี้ พร้อมข้าวปั้นทั้งแบบ roll และ temaki (แบบกรวย) อีกนิด ๆ หน่อย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มาตรฐานดีครับ
- โซน Grill ก็จะมี beef sirloin, salmon, chicken breast, tiger prawn (ตัวใหญ่มากเลย สดดีด้วย) , ไส้กรอก ให้เราเลือกหยิบ เลือกสั่งให้ทางพ่อครัว grill ให้ตามความสุกที่เราพอใจ ซึ่งคุณภาพและรสชาติของโซน grill ที่นี่ก็อยู่ในระดับ Sunday Brunch ของโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ ล่ะครับ อร่อยดี อ้อ โซนนี้เค้าจะมี Foie Gras ให้สั่งด้วยนะครับ คือแบบทางห้องอาหารอาจจะไม่วางโชว์ แต่สั่งได้ ผมก็ลองสั่งมาจานนึง ก็อร่อยได้มาตรฐานดีเช่นกัน
- โซน อาหารจีน โซนนี้นี่ทีเด็ดเลย ผมชอบที่สุดในมื้อนี้เลยก็ว่าได้ ทางห้องอาหาร Atelier มีทั้ง หมูหัน, เป็ดปักกิ่ง และติ่มซำหลากหลายชนิดให้เลือกสั่งเลือกหยิบกัน และแบบเป็ดปักกิ่งนี่ม้วนกันสด ๆ เลย แต่ละคำเลยอร่อยกว่าหลาย ๆ ที่ที่ม้วนทิ้งเอาไว้นาน ๆ , หมูหันก็ให้มาแบบไม่งก เลือกหยิบเลือกสั่งกันได้เต็มที่ ตัวซาลาเปานี่ก็ของดีครับ ไส้อัดมาแน่น ๆ และก็ซาลาเปาลูกกำลังดีเลย โซนอาหารจีนนี่ผมกินไปหลายจานมาก ๆ เลยล่ะ
- โซนของคาวนอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นพวกอาหารไทย, อาหารอินเดีย, อาหารมังสวิรัติ และก็พวกพาสต้าทำสด ซึ่งผมและเพื่อนตัวอ้วนไม่ค่อยได้กินกันสักเท่าไร เลยบอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นยังไง คงต้องไปลองกันเองล่ะครับ
- ตัวของหวานของที่นี่นั้นจะเป็นการปิดห้องอาหารสเปนข้าง ๆ ไป และทำเป็นไลน์ของหวานแทน ของหวานมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเยอะที่สุดที่ผมเคยเจอมา และก็ตัวของหวานก็จะคล้าย ๆ ที่อื่นพอสมควรครับ มีพวกเค้กแบบต่าง ๆ , พุดดิ้งมะม่วง, panna cotta, ice cream , chocolate fondue, Chocolate Souffle ที่พิเศษกว่าที่อื่นก็คงเป็นตัววัฟเฟิล และเครปสด ที่ทางร้านทำเป็นซุ้มใหญ่อลังการ พร้อมพนักงานประจำไว้ 2 คนคอยทำให้เราใหม่ ๆ สด ๆ เลย ซึ่งเนื่องจากใส่ใจขนาดนี้ ก็เลยอร่อยไม่ผิดหวังครับ
มื้อนี้ ผมและเพื่อนตัวอ้วน เพลิดเพลินกันมากครับ ด้วยบริการของพนักงานที่ทำได้ดีสมกับโรงแรม 5 ดาว, อาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย และแทบทุกอันอยู่ในระดับที่สะกดคำว่าอร่อยได้อย่างไม่ลำบากปาก และที่สำคัญที่สุดคือ ตัวเครื่องดื่ม ที่รวมอยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์ ที่ช่วยทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ อร่อย และสนุกสนาน เพลิดเพลินจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ขึ้นมามากอยู่เหมือนกัน อืม ใครกำลังมองหา Sunday Brunch อร่อย ๆ คุ้ม ๆ แล้วล่ะก็ ผมว่าที่ Atelier @ Grand Millennium Sukhumvit แห่งนี้น่าจะคุ้มที่สุดในกรุงเทพฯ (หรืออาจจะในสามโลก?) แล้วล่ะ ไปจัดกันได้เลย