หากผู้ลงทุนได้ซื้อ LTF ในปีนี้เป็นปีแรก เมื่อขาย LTF ออกไปในปีเดียวกับปีที่ซื้อ และไม่เคยมีการซื้อมาก่อนหน้านี้ สิ่งที่ได้รับจากการขายคือ กำไรหรือขาดทุนจากการขาย หากได้รับกำไร ผู้ลงทุนต้องนำกำไรที่ได้รับมารวมคำนวณเป็นเงินได้ในปีที่ขายด้วย ทั้งนี้ ทางนายทะเบียนจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย จำนวน 3% ของกำไร นำส่งให้กับกรมสรรพากร แต่นักลงทุนยังคงต้องนำกำไรที่ได้รับมาคำนวณเป็นเงินได้ และนำภาษีที่หัก ณ ที่จ่ายมาเครดิตกลับค่ะ จะไม่ใช่เป็นการหักภาษีสุดท้าย (Final Tax) เช่น ซื้อ LTF จำนวน 100,000 บาท เมื่อเดือนมกราคม ปี 2555 และขายคืนเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ได้รับเงินมาจำนวน 120,000 บาท ซึ่งได้รับจริงคงเหลือจำนวน 119,400 บาท เนื่องจากทางนายทะเบียนหักภาษี ณ ที่จ่ายจำนวน 600 บาท (20,000 x 3%) ดังนั้น กำไรที่ได้จากการขายคืนจำนวน 20,000 บาท ให้ถือเป็นเงินได้ในปีที่ขาย คือปี 2555 ซึ่งต้องนำไปรวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี เมื่อคำนวณแล้วต้องเสียภาษีจำนวนเท่าไรให้นำเงิน 600 บาท ไปหักลบกับภาษีที่ต้องชำระ เนื่องจากทางนายทะเบียนได้นำส่งเงินจำนวนดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรไปก่อนแล้ว เช่น หากคำนวณแล้วต้องเสียภาษีเพิ่มจำนวน 6,000 บาท (ฐานภาษี 30%) ให้นำ 600 บาท ไปหักกลบ เท่ากับต้องจ่ายภาษีเพิ่มอีกจำนวน 5,400 บาท เป็นต้น


สรุป หากซื้อและขาย LTF ในปีเดียวกัน (ไม่เคยซื้อ LTF มาก่อน) กำไรที่ได้รับจากการขาย ต้องนำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ในปีที่ขาย (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะไม่ใช่ Final Tax) ทั้งนี้ หากเป็นการซื้อกองทุนเปิดทั่วไป เงินได้จากการขายคืนจะไม่ถูกนำมารวมคำนวณเป็นรายได้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนคือ กำไรจากการขายจำนวน 20,000 บาท ไปเต็มจำนวน



Credit : http://k-expert.askkbank.com/Article/Pages/A3_038.aspx