ในฐานะที่เราเป็น "เมียหลวง" (ที่ไม่อยากเป็น) เราอยากฝากเรื่องของเราให้เพื่อนผู้หญิงได้แง่คิด ได้มุมมองอะไรบ้าง เพื่อที่จะมีสติ คิดก่อนที่จะทำสิ่งใดๆ ลงไป หรือก่อนที่จะไปทำร้าย ทำลายครอบครัวใคร
เรื่องมีอยู่ว่า เรากับสามีมีปัญหากัน แล้วก็มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาช่วยปลอบใจ ให้คำปรึกษาสามีของเรา และในที่สุดพวกเค้าก็ได้เสียกัน และคบกันมา 7 ปี เราถึงรู้ (สามีบอกว่าผู้หญิงคนนี้ รักเค้ามาก เพราะว่ายอมเลิกกับสามีตัวเองเพื่อมาเป็นกำลังใจให้เค้า) เราก็ไม่เคยระแคะระคายเลย เพราะสามีเรากลับบ้านตรงเวลาทุกวัน (ไม่เกินหนึ่งทุ่ม) วันเสาร์ก็อยู่กับครอบครัว ยกเว้นวันอาทิตย์ที่เค้าจะไปทำกิจกรรมของตัวเอง...
ปัญหาของเรากะสามีก็คือ เราน้อยใจสามีที่สนใจกิจกรรมตกปลาของเค้ามากกว่าเรากับลูก บางทีจะให้พาไปไหนก็บอกไม่ได้นัดเพื่อนไว้แล้ว เราก็เลยรู้สึกแย่มากๆ จนเราคิดด้วยซ้ำว่าเค้ามีคนอื่นอยู่หรือเปล่า (แต่มันจับไม่ได้ไง) ก็เลยเริ่มประชดโดยการไปสนิทกับเพื่อนผู้ชาย หวังให้สามีหึง แต่เปล่าเลยไม่เป็นไปตามที่เราคิด จนท้ายที่สุดเราเริ่มเหนื่อยแล้ว ก็เลยเลิกประชด แต่มันสายไปแล้ว เพราะสามีเรา เข้าใจว่าเราไม่รักเค้าแล้ว จึงทำให้ไปมีผู้หญิงอีกคน... จึงอยากเตือนผู้หญิงทุกคนนะคะ หากมีปัญหาอย่าทำแบบที่เราทำ การประชดไม่ได้เกิดผลดีเลย หากมีอะไรให้พูดกันให้เข้าใจ ให้เคลียร์ๆ กันไปค่ะ ไม่งั้นช่องว่างของปัญหามันจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ
แล้วในที่สุด วันที่ 10 สิงหาคม 55 ที่ผ่านมา เราได้รู้ความจริง เนื่องจาก "คุณชู้" บอกกับสามีให้ลบเราออกจากเพื่อนใน FB ค่ะ แต่สามีเราก็แสนยุติธรรมนะคะ (แอบประชด) บอกว่างั้นต้องลบทั้งสองคนเลย เท่านั้นยังไม่พอค่ะ บอกให้สามีเราเลือกว่าจะอยู่กับใคร ในที่สุดสามีเลือกอยู่กับลูกค่ะ เราก็คิดว่าน่าจะจบนะคะ แต่ไม่ค่ะ... จนป่านนี้ "คุณชู้" ก็ยังอยู่ (ก็ไม่รู้ว่าจะให้เลือกทำไม)...
หลังจากวันนั้น "คุณชู้" ก็เข้ามาดู FB ของเราบ่อยๆ ขอเป็นเพื่อนกับเพื่อนของเรา เข้ามากดไลท์ที่ทำงานของเรา มหาวิทยาลัยที่เราจบมา เราโมโหไปบอกสามี สามีก็เลยไปว่าให้ คุณเธอกลับบอกว่าไม่ได้ทำ สงสัยน้องของหล่อนเป็นคนทำ เพราะเป็นห่วงพี่ (สรุปเลวทั้งบ้านเลยหรอ สนับสนุนให้พี่แย่งผัวคนอื่นซะด้วย) แล้ว "คุณชู้" เลยฟ้องบ้างว่าเราก็ไปดู FB ของหล่อนเหมือนกัน เราก็ยอมรับกับสามีว่า เราทำจริงๆ แล้วเราก็บอกให้เอารูปที่ถ่ายคู่กันออกเลยนะ ฝากถามไปด้วยว่า "ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ กับการขึ้นสถานะว่า มีแฟนแล้ว ในเมื่อแฟนแก มันคือ "ผัว" ชาวบ้านเนี่ยนะ แล้วรูปหน้าปก FB เอารูปที่ไปเที่ยวทะเลอิงแอบกันมาลง ถามจริงๆ เวลาที่คนอื่นถาม ตอบว่าอย่างไร...
ลืมเล่าไปค่ะ ว่าวันที่เรารู้ความจริง ได้คุยกัน 3 คน ทางโทรศัพท์ค่ะ (เรา สามี คุณชู้) แต่เราอึ้ง งง สับสน คิดแต่ว่านี่เรื่องจริงใช่มั๊ย แอบหยิกตัวเองด้วย อยากให้ตื่นแล้วพบว่านี่คือฝันไป แต่ไม่ใช่เลย... และวันนั้นสิ่งที่ "คุณชู้" พูด เราไม่มีโอกาสได้บอกในส่วนของเรา เพราะเรางงอยู่ แต่วันนี้เราอยากจะบอกคุณว่า อย่าเชื่อทุกอย่างที่สามีเราบอก อย่าคิดอะไรเข้าข้างตัวเองขนาดนั้น หัดมองอะไรจากคนภายนอกที่มองบ้าง เช่น
- สามีเราไม่ได้มีเซ็กส์กับเรา ไม่ใช่เลยเรายังคงมี และอาจจะบ่อยกว่าคุณซึ่งมีโอกาสแค่อาทิตย์ละวันด้วยซ้ำ
- สามีเราไม่ได้รักเราแล้ว เค้ายังรักเราอยู่ แต่อาจจะน้อยกว่าคุณ (หรือเปล่า) เพราะเค้ายังคงทำสิ่งดีๆ ให้เราและลูกอยู่อย่างเสมอต้น เสมอปลาย ถ้ารู้ว่าเราไม่พอใจอะไร หากหลีกเลี่ยงได้เค้าจะไม่ทำ ยกเว้นเรื่องเดียวคือเลิกกับคุณ ด้วยเหตุผลว่าคุณรักเค้ามาก อุตส่าห์เลิกกับ "ผัว" เพื่อมาอยู่กับเค้า เค้าทำลายอนาคตดีๆ ของคุณไปแล้วเค้าต้องรับผิดชอบ ยกเว้นว่าคุณจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้แล้วเลิกไปเอง
ยังมีอีกหลายๆ อย่างนะคะ จึงอยากฝากคนที่คิดจะเป็นเมียน้อย หรือเป็นอยู่ หากเลิกได้ เลิกเถอะค่ะ อย่าทำร้าย ทำลายครอบครัวคนอื่นเลย หากจะทำจริงๆ ให้คิดถึงพ่อแม่ ก็ได้ค่ะ ท่านจะรู้สึกอย่างไรที่มีลูกเป็นเมียน้อย หรือคิดถึงเด็กตาดำๆ บ้าง อย่างน้อยคุณก็เคยผ่านความเป็นเด็กมาก่อน คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าพ่อแม่คุณเลิกกันเพราะพ่อมีเมียน้อย
เนื่องจากวันนี้ (13 ก.ค.) เป็นวันเกิดของเมียน้อย (หรือจะเรียกให้ถูกคือ "ชู้" ของสามีเรา) เราก็เลยอยากที่จะเตือนสติในฐานะผู้หญิงด้วยกัน (เราไม่เข้าใจเลย ผู้หญิงเราชอบบอกให้สังคมเลิกทำร้าย กดขี่ผู้หญิง ให้เกียรติ์ผู้หญิง แล้วทำไมผู้หญิงด้วยกันเองถึงต้องทำร้ายกัน ทำลายศักดิ์ศรีที่ตนเองมี เพียงเพราะอยากได้สามีคนอื่นด้วย) ...
เราอยากจะบอกคุณว่าวันนี้เป็นวันที่คุณอายุมากกว่าเดิมอีก 1 ปี คุณผ่านชีวิตมาก็พอสมควร น่าจะมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม เราได้แต่หวังว่าคุณคงจะคิดได้ในสักวัน แล้วเดินออกไปจากชีวิตเรา ชีวิตลูกเราซะที อย่างน้อยการที่คุณสำนึกได้และเลิกทำผิดศีลข้อ 3 มันคงทำให้คุณ และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีความสุขขึ้น...
คุณก็เป็น "ชู้" กับสามีเรามา ประมาณ 8 ปี แล้ว (เราเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555) แล้วคุณก็บอกให้เค้าเลิกกับเรา เพื่อที่จะได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับคุณนั้น จนป่านนี้สามีเราก็ยังไม่เลิกกับเรา เค้าบอกกับคุณว่ารักลูก กลัวลูกเสียใจ เราอยากให้คุณใช้ปัญญาไตร่ตรอง และลองมองแบบคนนอกมองโดยไม่เข้าข้างตัวเอง คุณอาจจะได้คำตอบนะคะ ถ้าเค้ารักคุณมากขนาดที่คุณบอกให้เราฟัง เค้าคงไปตั้งนานแล้วล่ะค่ะ... แค่นี้คุณคิดได้มั๊ยคะ คุณจะต้องรอเค้าอีกนานเท่าไหร่คะ อายุก็เพิ่มขึ้นทุกวัน คิดจะเป็นชู้กับสามีคนอื่นจนแก่เลยหรือคะ
เรื่องบางเรื่องที่สามีเรา เล่าให้คุณฟัง คุณเชื่อเค้าได้แค่ไหนคะ มันคุ้มกันหรือไม่กับการรอคอยที่ไร้อนาคตเช่นนี้...
สำหรับเรา เริ่มที่ทำใจได้แล้ว เริ่มที่จะปลงแล้ว ทุกวันนี้เราอยู่เพื่อ "ลูก" ค่ะ เรามีความสุขที่เห็นลูกมีความสุข เราเชื่อว่าเมื่อเค้าโตขึ้นเค้าจะเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อนั้นเราจะสามารถตัดสินใจทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่
สุดท้ายนี้เราก็ขอให้คุณมีความสุขในวิถึชีวิตที่คุณเลือกนะคะ ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเองค่ะ (กรรมคือการกระทำ) สักวันมันจะแสดงผลของมันเอง ขอให้โชคดีค่ะ...
ปล. ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เสียเวลามาอ่านนะคะ เราหวังว่าเรื่องของเรา คงให้แง่คิดเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ และขอโทษด้วยที่อาจจะเล่าสลับไปสลับมาบ้าง เพราะพิมพ์สดๆ เลย ไม่ได้เกลา เลยไม่ค่อยสละสลวยเท่าที่ควร
จากใจเมียหลวงคนหนึ่ง ถึงเมียน้อยคนหนึ่ง
เรื่องมีอยู่ว่า เรากับสามีมีปัญหากัน แล้วก็มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาช่วยปลอบใจ ให้คำปรึกษาสามีของเรา และในที่สุดพวกเค้าก็ได้เสียกัน และคบกันมา 7 ปี เราถึงรู้ (สามีบอกว่าผู้หญิงคนนี้ รักเค้ามาก เพราะว่ายอมเลิกกับสามีตัวเองเพื่อมาเป็นกำลังใจให้เค้า) เราก็ไม่เคยระแคะระคายเลย เพราะสามีเรากลับบ้านตรงเวลาทุกวัน (ไม่เกินหนึ่งทุ่ม) วันเสาร์ก็อยู่กับครอบครัว ยกเว้นวันอาทิตย์ที่เค้าจะไปทำกิจกรรมของตัวเอง...
ปัญหาของเรากะสามีก็คือ เราน้อยใจสามีที่สนใจกิจกรรมตกปลาของเค้ามากกว่าเรากับลูก บางทีจะให้พาไปไหนก็บอกไม่ได้นัดเพื่อนไว้แล้ว เราก็เลยรู้สึกแย่มากๆ จนเราคิดด้วยซ้ำว่าเค้ามีคนอื่นอยู่หรือเปล่า (แต่มันจับไม่ได้ไง) ก็เลยเริ่มประชดโดยการไปสนิทกับเพื่อนผู้ชาย หวังให้สามีหึง แต่เปล่าเลยไม่เป็นไปตามที่เราคิด จนท้ายที่สุดเราเริ่มเหนื่อยแล้ว ก็เลยเลิกประชด แต่มันสายไปแล้ว เพราะสามีเรา เข้าใจว่าเราไม่รักเค้าแล้ว จึงทำให้ไปมีผู้หญิงอีกคน... จึงอยากเตือนผู้หญิงทุกคนนะคะ หากมีปัญหาอย่าทำแบบที่เราทำ การประชดไม่ได้เกิดผลดีเลย หากมีอะไรให้พูดกันให้เข้าใจ ให้เคลียร์ๆ กันไปค่ะ ไม่งั้นช่องว่างของปัญหามันจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ
แล้วในที่สุด วันที่ 10 สิงหาคม 55 ที่ผ่านมา เราได้รู้ความจริง เนื่องจาก "คุณชู้" บอกกับสามีให้ลบเราออกจากเพื่อนใน FB ค่ะ แต่สามีเราก็แสนยุติธรรมนะคะ (แอบประชด) บอกว่างั้นต้องลบทั้งสองคนเลย เท่านั้นยังไม่พอค่ะ บอกให้สามีเราเลือกว่าจะอยู่กับใคร ในที่สุดสามีเลือกอยู่กับลูกค่ะ เราก็คิดว่าน่าจะจบนะคะ แต่ไม่ค่ะ... จนป่านนี้ "คุณชู้" ก็ยังอยู่ (ก็ไม่รู้ว่าจะให้เลือกทำไม)...
หลังจากวันนั้น "คุณชู้" ก็เข้ามาดู FB ของเราบ่อยๆ ขอเป็นเพื่อนกับเพื่อนของเรา เข้ามากดไลท์ที่ทำงานของเรา มหาวิทยาลัยที่เราจบมา เราโมโหไปบอกสามี สามีก็เลยไปว่าให้ คุณเธอกลับบอกว่าไม่ได้ทำ สงสัยน้องของหล่อนเป็นคนทำ เพราะเป็นห่วงพี่ (สรุปเลวทั้งบ้านเลยหรอ สนับสนุนให้พี่แย่งผัวคนอื่นซะด้วย) แล้ว "คุณชู้" เลยฟ้องบ้างว่าเราก็ไปดู FB ของหล่อนเหมือนกัน เราก็ยอมรับกับสามีว่า เราทำจริงๆ แล้วเราก็บอกให้เอารูปที่ถ่ายคู่กันออกเลยนะ ฝากถามไปด้วยว่า "ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ กับการขึ้นสถานะว่า มีแฟนแล้ว ในเมื่อแฟนแก มันคือ "ผัว" ชาวบ้านเนี่ยนะ แล้วรูปหน้าปก FB เอารูปที่ไปเที่ยวทะเลอิงแอบกันมาลง ถามจริงๆ เวลาที่คนอื่นถาม ตอบว่าอย่างไร...
ลืมเล่าไปค่ะ ว่าวันที่เรารู้ความจริง ได้คุยกัน 3 คน ทางโทรศัพท์ค่ะ (เรา สามี คุณชู้) แต่เราอึ้ง งง สับสน คิดแต่ว่านี่เรื่องจริงใช่มั๊ย แอบหยิกตัวเองด้วย อยากให้ตื่นแล้วพบว่านี่คือฝันไป แต่ไม่ใช่เลย... และวันนั้นสิ่งที่ "คุณชู้" พูด เราไม่มีโอกาสได้บอกในส่วนของเรา เพราะเรางงอยู่ แต่วันนี้เราอยากจะบอกคุณว่า อย่าเชื่อทุกอย่างที่สามีเราบอก อย่าคิดอะไรเข้าข้างตัวเองขนาดนั้น หัดมองอะไรจากคนภายนอกที่มองบ้าง เช่น
- สามีเราไม่ได้มีเซ็กส์กับเรา ไม่ใช่เลยเรายังคงมี และอาจจะบ่อยกว่าคุณซึ่งมีโอกาสแค่อาทิตย์ละวันด้วยซ้ำ
- สามีเราไม่ได้รักเราแล้ว เค้ายังรักเราอยู่ แต่อาจจะน้อยกว่าคุณ (หรือเปล่า) เพราะเค้ายังคงทำสิ่งดีๆ ให้เราและลูกอยู่อย่างเสมอต้น เสมอปลาย ถ้ารู้ว่าเราไม่พอใจอะไร หากหลีกเลี่ยงได้เค้าจะไม่ทำ ยกเว้นเรื่องเดียวคือเลิกกับคุณ ด้วยเหตุผลว่าคุณรักเค้ามาก อุตส่าห์เลิกกับ "ผัว" เพื่อมาอยู่กับเค้า เค้าทำลายอนาคตดีๆ ของคุณไปแล้วเค้าต้องรับผิดชอบ ยกเว้นว่าคุณจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้แล้วเลิกไปเอง
ยังมีอีกหลายๆ อย่างนะคะ จึงอยากฝากคนที่คิดจะเป็นเมียน้อย หรือเป็นอยู่ หากเลิกได้ เลิกเถอะค่ะ อย่าทำร้าย ทำลายครอบครัวคนอื่นเลย หากจะทำจริงๆ ให้คิดถึงพ่อแม่ ก็ได้ค่ะ ท่านจะรู้สึกอย่างไรที่มีลูกเป็นเมียน้อย หรือคิดถึงเด็กตาดำๆ บ้าง อย่างน้อยคุณก็เคยผ่านความเป็นเด็กมาก่อน คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าพ่อแม่คุณเลิกกันเพราะพ่อมีเมียน้อย
เนื่องจากวันนี้ (13 ก.ค.) เป็นวันเกิดของเมียน้อย (หรือจะเรียกให้ถูกคือ "ชู้" ของสามีเรา) เราก็เลยอยากที่จะเตือนสติในฐานะผู้หญิงด้วยกัน (เราไม่เข้าใจเลย ผู้หญิงเราชอบบอกให้สังคมเลิกทำร้าย กดขี่ผู้หญิง ให้เกียรติ์ผู้หญิง แล้วทำไมผู้หญิงด้วยกันเองถึงต้องทำร้ายกัน ทำลายศักดิ์ศรีที่ตนเองมี เพียงเพราะอยากได้สามีคนอื่นด้วย) ...
เราอยากจะบอกคุณว่าวันนี้เป็นวันที่คุณอายุมากกว่าเดิมอีก 1 ปี คุณผ่านชีวิตมาก็พอสมควร น่าจะมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม เราได้แต่หวังว่าคุณคงจะคิดได้ในสักวัน แล้วเดินออกไปจากชีวิตเรา ชีวิตลูกเราซะที อย่างน้อยการที่คุณสำนึกได้และเลิกทำผิดศีลข้อ 3 มันคงทำให้คุณ และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีความสุขขึ้น...
คุณก็เป็น "ชู้" กับสามีเรามา ประมาณ 8 ปี แล้ว (เราเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555) แล้วคุณก็บอกให้เค้าเลิกกับเรา เพื่อที่จะได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับคุณนั้น จนป่านนี้สามีเราก็ยังไม่เลิกกับเรา เค้าบอกกับคุณว่ารักลูก กลัวลูกเสียใจ เราอยากให้คุณใช้ปัญญาไตร่ตรอง และลองมองแบบคนนอกมองโดยไม่เข้าข้างตัวเอง คุณอาจจะได้คำตอบนะคะ ถ้าเค้ารักคุณมากขนาดที่คุณบอกให้เราฟัง เค้าคงไปตั้งนานแล้วล่ะค่ะ... แค่นี้คุณคิดได้มั๊ยคะ คุณจะต้องรอเค้าอีกนานเท่าไหร่คะ อายุก็เพิ่มขึ้นทุกวัน คิดจะเป็นชู้กับสามีคนอื่นจนแก่เลยหรือคะ
เรื่องบางเรื่องที่สามีเรา เล่าให้คุณฟัง คุณเชื่อเค้าได้แค่ไหนคะ มันคุ้มกันหรือไม่กับการรอคอยที่ไร้อนาคตเช่นนี้...
สำหรับเรา เริ่มที่ทำใจได้แล้ว เริ่มที่จะปลงแล้ว ทุกวันนี้เราอยู่เพื่อ "ลูก" ค่ะ เรามีความสุขที่เห็นลูกมีความสุข เราเชื่อว่าเมื่อเค้าโตขึ้นเค้าจะเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อนั้นเราจะสามารถตัดสินใจทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่
สุดท้ายนี้เราก็ขอให้คุณมีความสุขในวิถึชีวิตที่คุณเลือกนะคะ ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเองค่ะ (กรรมคือการกระทำ) สักวันมันจะแสดงผลของมันเอง ขอให้โชคดีค่ะ...
ปล. ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เสียเวลามาอ่านนะคะ เราหวังว่าเรื่องของเรา คงให้แง่คิดเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ และขอโทษด้วยที่อาจจะเล่าสลับไปสลับมาบ้าง เพราะพิมพ์สดๆ เลย ไม่ได้เกลา เลยไม่ค่อยสละสลวยเท่าที่ควร