++กระทู้ต่อ++ "แม่นุ่น" เรื่องจริงที่อยากให้คุณได้อ่าน คุณแม่ลูกสอง วัย 29 ปี กับการต่อสู้โรคมะเร็งระยะสุดท้าย

กระทู้เดิม ตอน 1-7: http://ppantip.com/topic/30622370

ตอนที่ 8 : ความท้อแท้กับอุปสรรคครั้งใหญ่

ถึงแม่นุ่น จะเสียใจเมื่อรู้ถึงอาการเจ็บป่วยของตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงกับฟูมฟายมากนัก แม่นุ่นบอกผมกับแม่ว่า เค้ารู้ว่าการป่วยครั้งนี้คงไม่ธรรมดา แต่ที่ผิดสังเกต ก็เพราะผมนี่แหละคอยลบ history ในโทรศัพท์บ้าง แทบเลตบ้าง เหมือนกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง ซึ่งผมก็ทำอย่างนั้นจริง มันเป็นการกระทำที่ดูไม่ค่อยฉลาดนัก (ถึงลบไปก็ได้อ่านแล้วอยู่ดี)

แต่ผมก็ทำเพราะไม่อยากให้เค้าคิดมากเหมือนผม เพราะการยิ่งค้น ยิ่งเจอ ก็ยิ่งกลัว

ไม่กี่ ชม แม่นุ่นเริ่มมีกำลังใจที่ดีมากขึ้น จากคำปลอบโยนต่างๆ นาๆ ของผม และแม่ยาย

ผมค่อนข้างดีใจที่ทุกอย่างไม่เลวร้ายอย่างที่คิด กลับกันรู้สึกโล่งใจ และคลายความกดดันได้เยอะมาก เพราะต่อไปผมไม่ต้องค่อยปิดบังความจริงอีกแล้ว

ผมมีความสุขเล็กน้อย และกำลังใจเพิ่มขึ้น เพราะเห็นแม่นุ่นยอมรับความจริงได้
.........................................................................

แม้จะมีกำลังใจเพิ่มขึ้น แต่ยังมีความกังวล...เพราะผมยังต้องทำสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง คือ การขอใบส่งตัวจาก รพ ต้นสังกัด เพื่อส่งแม่นุ่นไปรักษาต่อที่ รพ ศิริราช

ผมโทรไปที่สายด่วน สปสช ถามถึง ขั้นตอนการขอใบส่งตัว เพื่อจะได้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เตรียมอะไรบ้าง

จากการพูดคุย ผมค่อนข้างประหลาดใจ เพราะได้รับการบริการ ระดับ platinum service เลยก็ว่าได้

ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการรอสายซึ่งรวดเร็วมาก ตอบคำถามได้หมด ความรู้ค่อนข้างละเอียด และแถมอวยพรส่งท้ายอีกต่างหาก ผมประทับใจสุดๆ

"ต้องแบบนี้สิหน่วยงานของรัฐที่เป็นที่พึงของประชาชนได้อย่างแท้จริง"

พอเล่าถึงจุดนี้ ขอแถมความรู้นิดหนึ่ง

ระบบสุขภาพของประเทศเรา มีอยู่ 3 กองทุนด้วยกัน และถึงแม้มี 3 กองทุน แต่ในเวลาเดียวกันเราก็สามารถใช้ตามสถานะของตัวเอง ได้เพียงกองทุนเดียวเท่านั้น

1.    กองทุนข้าราชการ > ง่ายๆ ครับ สิทธ์นี้สำหรับคนเป็นข้าราชการ เป็นกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์มากที่สุดอย่างที่เราทราบกัน

2.    กองทุนประกันสังคม > คนทำงานบริษัททั่วไปเหมือนผม ใครส่งประกันสังคมน่าจะรู้นะครับ ว่ามีมาตรฐานดีแค่ไหน!!??

3.    บัตรทอง หรือ 30 บาท > สำหรับคนไทยทั่วไป ตาสี ตาสา ชาวนา ชาวไร่ ลูกๆ พวกเราก็ใช่ เอาเป็นว่าทุกคนที่ไม่อยู่ใน สอง กลุ่มบน

นอกจากนั้น เราคนไทยทุกคน เกิดมาก็มีบัตรทองติดตัวเป็นพื้นฐานอยู่แล้วครับ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องทำบัตรแล้วด้วย เพียงแค่ต้องรู้ว่า รพ ต้นสังกัด คืออะไร โดยสามารถตรวจสอบสิทธ์ได้ที่ http://www.nhso.go.th/FrontEnd/page-forpeople_check.aspx

สำหรับกรณีแม่นุ่น เคยทำงานบริษัท
เมื่อทำงานบริษัทก็ต้องส่งประกันสังคม
แต่เพราะลาออกมาเปิดร้านเค้กประมาณ 1 ปี ทำให้ขาดส่ง และกรณีขาดส่งมากกว่า 6 เดือน จะถูกตัดสิทธ์ประกันสังคมโดยอัตโนมัติ พร้อมโยกสิทธ์มาเป็นบัตรทองทันที

ก่อนนี้หลายๆท่านอาจสงสัยถึงมาตรฐานการบริการบัตรทอง ผมเองก็เป็นอีกคนที่คิดแบบนั้น แต่พอใช้แล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ของเค้าดีจริงๆ ครับ

...............................................................

วันที่ 19 เม.ย
วันนี้ผมวางแผนไว้ว่าผมต้องทำใบส่งตัวให้เรียบร้อย เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนัดพบหมอครั้งต่อไป คือ วันที่ 23 เม.ย และในวันเดียวกัน ผมน่าจะได้ทราบว่าแม่นุ่นจะต้องได้รับการรักษาอย่างไร และเมื่อไหร่

จากข้อมูลที่ได้รับจากสายด่วนบัตรทอง ผมต้องเตรียมข้อมูลทุกอย่าง เพื่อให้ หมอ ทาง รพ ต้นสังกัด พิจารณาและเซ็นใบส่งตัวในบาง รพ อาจต้องใช้เวลาถึง 2-3 วันด้วยกัน ผมคิดว่าหากเกิดติดขัดอะไร จากวันนี้ ถึงวันนั้น มันก็พอเวลาอยู่บ้าง
...................
ผมตื่นเช้า บึ่งรถไป รพ ด้วยใจที่เบิกบานกว่าทุกวัน เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องต้องปิดบังความลับอีกต่อไป

ถึงจะเป็น รพ ต้นสังกัด แต่มันก็ไกลบ้านพอสมควร ไม่นานผมก็ถึง รพ

ผมจอดรถเรียบร้อย ก็ตรงไปที่ แผนกตรวจสอบสิทธิ์ ทันที

“มาขอใบส่งตัวครับ” ผมรีบแจ้ง จนท
จนท ตรวจสอบสิทธิ์ พบว่าสิทธิ์ถูกต้อง
“เป็นอะไรมาครับ แล้วจะส่งไปที่ไหน” จนท ถามต่อ
“มีก้อนเนื้อในตับ สงสัยเป็นมะเร็งเต้านม ตอนนี้รักษาที่ศิริราช ส่งได้ใช่มั้ยครับ ผมเอาผลทุกอย่างมาด้วย พอมั้ยครับ” ผมยื่นเอกสารทุกอย่างให้ จนท
“ครับน่าจะพอนะครับ ส่วนเรื่อง รพ ทั้ง ศิริราช รามา พระมงกุฎ เราส่งหมดอยู่แล้ว” จนท ดูเอกสาร บอกผมให้สบายใจ และให้ไปติดต่อที่พยาบาลคัดกรอง

ผมนั่งรออยู่สักพัก พยาบาลก็เรียก ชื่อ แม่นุ่น
“มาทำอะไรค่ะ” พยาบาลมีอายุท่านหนึ่งเริ่มซักประวัติ ผมเอาผลทุกอย่างให้พยาบาล
“จะขอใบส่งตัวที่ศิริราชครับ” ผมบอกถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้
“ทำไมไปศิริราชเลยล้ะ ทำไมไม่มาที่นี่ก่อนละค่ะ” พยาบาล ถามเสียงเครียด ผมงงเล็กน้อย
“แฟนผมไม่เคยใช้สิทธิ์ครับ เลยไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร” ผมตอบไปตามจริง
“จริงๆ คุณควรมาตรวจที่นี่ก่อน แบบนี้ผิดขั้นตอนนะคะ เอาเป็นว่า เดี๋ยวไปคุยกับคุณหมอแล้วกันนะค่ะ” พยาบาลทำน้หน้าเซ็ง พร้อมน้ำเสียงไม่พอใจ เหมือนผมทำผิดอะไรบางอย่าง

แต่ผมพอเข้าใจถึงขั้นตอนการใช้สิทธิ
"การใช้สิทธิ์บัตรทองที่ถูกต้อง คือควรมาต้นสังกัดก่อน หากตรวจแล้วรักษาได้ ต้นสังกัดจะไม่ส่งต่อ แต่หากรักษาไม่ได้ ก็จะส่งต่อไปตามเครือข่ายที่กำหนด ไม่สามารถเลือก รพ ตามใจได้"

ผมนั่งรอคิวหน้าห้องตรวจ ตามที่พยาบาลบอก
ตอนนี้ 11 โมงกว่าแล้ว.... ผมเป็นคิวต่อไป ผมคิดในใจ ไม่นานก็คงได้กลับบ้าน..

แต่ไม่กี่นาทีจากนั้น ผมเห็นหมอเดินออกไปจากห้อง ผมนึกในใจว่า อ้าว หมอจะไปไหน คุยกับผมก่อนสิ คิวต่อไปแล้ว
ผมเซ็งนิดหน่อย แต่คิดว่า เดี๋ยวหมอคงกลับมา

รอแล้ว.. รอเล่า... หมอก็ไม่มาสักที..
สักพัก พยาบาลก็บอกคนไข้ว่า หมอติดธุระให้ทุกคนกลับมาตอนบ่าย ผมเซ็งครั้งที่สอง เพราะตอนนี้เพิ่งเที่ยงเอง

ระหว่างที่รอ มีพยาบาลหน้าตาใจดีท่านหนึ่ง เดินมาหา ถามว่ามาทำอะไร แฟนเป็นอะไร ผมก็เล่าให้ฟังเกือบทั้งหมด ถึงความจำเป็นที่ต้องมาขอใบส่งตัว

“เดี๋ยวรอหมอมาจัดการให้นะคะ ขอให้โชคดี อย่าคิดมากนะคะ” หลังจากคุยกันพยาบาลก็ให้กำลังใจ พร้อมอวยพรให้โชคดี

ผมนั่งยิ้มด้วยความประทับใจที่เห็นพยาบาลเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดี พร้อมนึกในใจว่า ช่างต่างกับพยาบาลคนเมื่อกี้จริงๆ

บ่าย 3 แล้ว ที่ผมนั่งรอแบบไร้จุดหมาย ไม่มีวี่แววหมอจะกลับมา

แต่ไม่นาน ผมเห็นไกลๆ แล้วว่าหมอกำลังเดินมา ผมนึกในใจ หมอไปไหนมาครับเนี่ย รอนานมากๆๆๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว

หมอเข้าห้องสักพัก พยาบาลก็เรียกชื่อผมเป็นคนแรก ผมดีใจว่าเดี๋ยวจะได้ใบส่งตัวกลับบ้านแล้ว

“สวัสดีครับหมอ” ผมกล่าวคำสวัสดีกับหมอ พร้อมยิ้มให้ หมอท่าทางใจดี แต่ดูมีอายุพอควร

“ผมมาขอความกรุณาคุณหมอ ให้ช่วยส่งแฟนผมไปที่ศิริราชด้วยครับ” ผมแจ้งสาเหตุที่มา พร้อมส่งเอกสารให้

หมอเปิดเอกสารที่ผมเตรียมมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นผลชิ้นเนื้อ ผล CT Scan
หมออ่านอยู่ประมาณ 2 นาที

“ผมไม่เคยเห็น คนอายุแค่นี้ เป็นมากขนาดนี้” หมอทำเสียงเครียด

พอได้ยิน อารมณ์ต่างกับเมื่อกี้โดนสิ้นเชิง ผมเริ่มเครียด ในสิ่งที่หมอบอก

“มันกระจายไปที่ช่องท้องหมดแล้ว ตับทั้งสองข้างเต็มไปหมอ มีก้อนใหญ่ด้วย” หมอบรรยายที่อ่าน มันตอกย้ำว่าที่ผมเข้าใจมาก็ไม่ผิด

หมอถอนให้หาย เฮือกใหญ่
ผมเริ่มไม่สบายใจ ที่เห็นอาการหมอแบบนั้น

“แล้วที่ศิริราช เค้าจะทำอะไร” หมอถามผม
“ตอนนี้ผมยังไม่ทราบครับ กะว่าคงรู้วันที่ 23 คุยแล้ว หมอคงบอกว่าแนวทางการรักษาอย่างไร ” ผมอธิบาย
“แต่ผลมันออกมาก่อน ผมก็เลยเอามาให้หมอดู เพื่อให้หมอช่วยพิจารณาส่งตัวให้ครับ” ผมเน้นถึงความต้องการของผมอีกครั้ง

หมอฟังผม แล้วนิ่งเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง
มันทำให้ผมลุ้น ด้วยความกังวลที่มีมากขึ้นเป็นลำดับ.....

หมอยังเปิดเอกสาร กลับไป กลับมา
ความเครียดผมเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆๆ เพราะพอได้ยินที่หมอพูด แล้วใจไม่ดี บวกกับคิดว่า วันนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่แล้ว

“ผมไม่คิดว่า จะทำอะไรได้นะ” หมอบอกผม มองหน้าผม ด้วยสายตาที่เคร่งเครียด

ผมอึ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น หน้าผมเริ่มช้า
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินความเห็นจากปากของคนที่เป็นหมอ

“ผมก็ไม่ทราบว่าจะทำอะไรได้บ้าง เพราะยังไม่ได้เจอหมอเลย แต่รบกวนคุณหมอช่วยส่งตัวด้วย ผมขอความกรุณาจริงๆ ครับ” ผมมองตาหมอด้วยความอ้อนวอน เสียงผมสั่นเครือจากความเห็นของหมอที่ฟังแล้วดูสิ้นหวัง

“ถ้าจะให้หายนะ โรงเรียนแพทย์ พวกนี้ คงต้องใช้ยาแรงมากๆ แล้วแพงมากๆ ด้วย ต้องใช้เงินเป็นล้านๆ ” หมอบอกผมเสียงเข้ม

“โรงพยาบาล โดนชาร์จกลับอ่วมแน่ แล้ว โรงเรียนแพทย์นี่นะ เก็บทุกบาททุกสตางค์ด้วย” หมอพูดพยายามบอกผมให้เข้าใจ
ถึงหลักการของบัตรทอง คือ รพ ปลายทาง รักษาเท่าไหร่ ต้องชาร์จ คชจ กลับที่ต้นทาง

"ถ้าผมเซ็นต์ไปนะ ผอ เล่นผมตาย" หมอบอกผม แต่ผมไม่ทราบจะบอกผมเพื่ออะไร

“เอาเป็นว่าถ้าจะให้หมอส่ง หมอจะส่งตัวไปสถาบันมะเร็งแล้วกันนะ” หมอพูดตัดบท

ผมอึ้ง อีกครั้ง เมื่อถูกหมอปฏิเสธ สมองผมคิดไม่ออกจะหาเหตุผลอะไรดีมาคุยกับหมอตอนนี้ เพราะผมไม่ได้เตรียมตัวสำหรับสถานการณ์นี้เลย

“หมอครับ ขอความกรุณาหมอเถอะ ผมไม่อยากเริ่มอะไรใหม่แล้ว แฟนผมไม่ไหวแล้ว” ผมขอร้อง น้ำตาคลอแล้ว ผมไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากความในใจที่ต้องการช่วยภรรยาที่ผมรัก

“ประเทศชาติเราไม่ได้ร่ำรวยนะคุณ คุณก็รู้ มีคนป่วยมากมาย จะเอาเงินเป็นล้านมารักษาแค่แฟนของคุณได้อย่างไร” หมอพยายามอธิบายถึงความจำเป็น ผมเข้าใจ ถึงผมเสียใจ แต่ผมก็มีสติพอที่จะไม่โกรธ เพราะสิ่งที่หมอพูดก็ไม่ผิด

"ไม่ใช่ผมไม่สงสารคุณ แต่ผมทำได้แค่นี้จริงๆ" หมอย้ำ เหมือนต้องการให้การสนทนาจบลง

ผมเข้าใจหมอ แต่สิ่งที่หมอบอกฟังแล้วเจ็บปวดยิ่งนัก


“หมอครับไม่ต้องศิริราชก็ได้ พระมงกุฏได้มั้ย” ผมพยายามขอร้องต่อ เวลานี้พระมงกุฏก็เอา

“หมอผมขอร้อง ช่วยผมเถอะ ผมมีลูกๆ เล็กๆ อีกสองคน แฟนผมยังเด็ก ผมแค่ขอให้หมอส่งตัวให้ ผมขอร้องจริงๆ” ผมขอร้องหมอ เสียงเครือ น้ำตาคลอไม่รู้ตัว ด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง แบบที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะเจออุปสรรคในครั้งนี้...........

“ไม่ได้ครับ ถ้าคุณตกลง ให้คุณเอาคนไข้มาหาหมออาทิตย์หน้าละกัน เรียบร้อยแล้วครับ กลับบ้านได้” หมอตัดบทอย่างไรเยื่อใย...........

ตอนนี้ผมเบลอแล้ว .... ผมนั่งอยู่เก้าอี้หน้าหมอ
ผมก้มหน้า เอามือปิดหน้า แบบผิดหวังที่สุด....
ผมค่อยๆ ก้มหน้า ..
ผมเก็บผลทุกอย่างใส่กระเป๋า..
เดินออกจากห้องหมอ... อารมณ์ อยากจะทรุดหน้าห้องตรวจ เดี๋ยวนั้นเลย...


ผมเดินออกจาก รพ ด้วยความห่อเหี่ยว หมดกำลังใจ เพราะความผิดหวังที่ไม่ได้ใบส่งตัวกลับไปให้แม่นุ่น...

ผมเดินไปที่รถด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความว้าวุ่น...
ตาผมมองทางก็จริง... แต่ผมไม่รู้หรอก... ว่าผมเดินผ่านอะไร.. หรืออะไรอยู่รอบตัว.. ผมข้ามถนนไม่ได้ดูรถ.. ผมกำลังขาดสติ...

….ผมจะทำอย่างไรดี?
...เงินผมไม่เหลือแล้ว... จะเอาเงินมาจากไหน?
...ถ้าให้หมอส่งต่อไปสถาบันมะเร็ง... ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่รึป่าว?
แล้วอาการแม่นุ่นล่ะ เค้าจะรอไหวมั้ย?
จะทันเวลามั้ย ...เพราะการรอคอยมันกินเวลาเกือบสามอาทิตย์แล้ว?

เพราะจิตใจ.. หัวสมอง.. ตั้งคำถามมากมาย..คิดวกไป วนมา อยู่อย่างนั้น..


ในที่สุดผมก็เดินถึงรถ..

ดันเจอความซวยซ้ำซ้อน.. เพราะเจอใบสั่งหน้ากระจก..
“จอดรถผิด วันคู่ วันคี่”
ผมเบลอจนลืมวันเวลา...
ผมไม่สนใจมัน... ผมขยำใบสั่งทิ้งเข้าไปในรถ..
ไม่ได้สนใจมันสักนิดเดียว....

ผมกดโทรศัพท์โทรหาน้อง เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้เราคุยกันอยู่นาน แต่ดูเหมือนไม่มีทางออกเลย...

ยิ่งคุย ผมยิ่งปวดหัวแทบระเบิด ผมวางสายเพราะล้าจนไม่มีแรงจะคุยต่อ..

.......................ผมเริ่มรู้สึกถึงท้อแท้เป็นครั้งแรก.......................

ผมสตาร์ทรถ ขับรถไปเรื่อยๆ กับสมองที่ทำงานตลอดเวลา...
ผมยังไม่กลับบ้านเพราะไม่อยากเอาความผิดหวัง และหน้าตาที่บ่งบอกถึงความเครียดอย่างมาก กลับไปบ้านหาแม่นุ่น...

ผมขับรถ...
ขับวกไป เวียนมา จนมา จอด แถว รร อนุบาล เบิรกลีย์ ย่านบางนาตราด
ไม่ได้มาให้ใครหรอกครับ แต่ผมมาถึงที่นี่ได้ยังไงไม่รู้ตัว
แต่ที่จอดเพราะไม่มีแรงขับต่อแล้ว....

“อ้วน เค้าขอโทษ เค้าขอโทษ” ผมก้มหน้าลงพวงมาลัยรถด้วยความท้อแท้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่