สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
น้อง เราเป็นวิศวกร นะ น้องลืมความหมายของคำนี้ไปได้อย่างไร เราคือผู้สร้างสรร ไม่ใช่ผู้ที่คอยรับคำสั่ง
พี่เคยเล่าเรื่องตัวเองตอนที่จบใหม่ มาหลายครั้งแล้ว ใครที่เคยอ่าน ขออภัยด้วยครับ ขอเล่าซ้ำอีกครั้ง
เมื่อจบใหม่ พี่เข้าไปทำงาน โรงงานแห่งหนึ่ง โรงงานนั้นไม่เคยมีIEมาก่อน วันแรกที่เริ่มงานMDเรียกเข้าไปคุย บอกว่า "ผมไม่รู้จะมอบหมายอะไรให้คุณจริงๆ ตอนสัมภาษณ์ ชอบแนวคิดจึงรับเข้ามาร่วมงาน"
พี่ตอบว่า " ไม่เป็นไรครับ งานของผม ผมหาเอง ขอเวลา 2 สัปดาห์ แล้วผมขออนุญาตเข้ามารายงานว่า ผมจะทำอะไรบ้าง"
พี่เดินดูขบวนการผลิต คิดๆๆๆ หาจุดบกพร่อง จดๆๆๆๆ ตรงใหนไม่เข้าใจ ถาม เพื่อมองภาพรวมให้ออกว่า ขบวนการเริ่มจากใหน ไปใหน จนเกิดภาพในใจชัดเจน แล้วจึงเริ่มมองจุดบกพร่อง เท่าที่เราสามารถแก้ไขและเห็นผลเชิงตัวเลข และสรุปว่า พี่จับเรื่องของเสียที่เป็นท่อเหล็กที่ถูกตัดออกซึ่งมีจำนวนหลายตันต่อเดือน โดยวัดความยาวที่ถูกตัดออกแล้วเอามาเข้าสมการแล้วได้คำตอบที่ดีที่สุดว่า ถ้าสั่งซื้อ วัตถุดิบที่เป็นท่อเหล็ก ซึ่งจากเดิมซื้อที่ความยาว 6 เมตร เป็น 3 ชนิดความยาว เพราะโรงงานสั่งซื้อเดือนละหลายล้าน สามารถคุยกับผู้ผลิตได้ จะทำให้ลดของเสียลงได้ 18%
เอาเรื่องนี้ไปคุยกับMD พร้อมรายละเอียด สรุป MDเห็นด้วย แล้วผลจากการนี้ ทำให้โรงงานประหยัดการซื้อวัตถุดิบลงเดือนละเกือบ 3 ล้านบาท หลังจากนั้น เราคือคนสำคัญคนหนึ่งในโรงงานทันที คิดอะไร เสนออะไร คำพูดเราจะมีน้ำหนัก
วิศวกรรุ่นหลังๆ ที่รับเข้ามาทำงาน พี่ไม่รู้ว่าสั่งสอนกันมาอย่างไร บางคนออกมา รอรับงานตามคำสั่งอย่างเดียวและเป็นอยู่อย่างนั้น ทำอะไรก็ทำอยู่อย่างนั้น สร้างงานไม่เป็น พอทำไปนานๆ ก็ถูกระบบกลืน ฝังตัวอยู่ในระบบที่เดิมประสิทธิภาพต่ำ ก็อยู่ต่ำๆอย่างนั้นโดยไม่กระตุ้นวิธีคิดตัวเองสร้างสรรงานใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อให้ระบบงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมา แล้วก็มาโอดครวญว่า ได้เงินเดือนน้อย ไม่ก้าวหน้า
พอมาเล่าให้ฟัง บางคนยังมาแก้ตัวอีกว่า ที่ทำงานไม่อนุญาต ไม่เปิดโอกาสให้แบบนั้น จึงต้องเล่าเรื่อง ที่ต้องต่อสู้ทางความคิดกับประธานฯ ในกระทู้ต่อมา จึงเงียบกันไปได้
น้องอย่าลืมว่า เราเป็นวิศวกร เราถูกหล่อหลอมด้วยระบบการศึกษาในวิชาชีพของเราว่า เราคือผู้สร้าง ผู้ที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แล้วเค้นความคิดออกมาให้ได้
พี่เคยเล่าเรื่องตัวเองตอนที่จบใหม่ มาหลายครั้งแล้ว ใครที่เคยอ่าน ขออภัยด้วยครับ ขอเล่าซ้ำอีกครั้ง
เมื่อจบใหม่ พี่เข้าไปทำงาน โรงงานแห่งหนึ่ง โรงงานนั้นไม่เคยมีIEมาก่อน วันแรกที่เริ่มงานMDเรียกเข้าไปคุย บอกว่า "ผมไม่รู้จะมอบหมายอะไรให้คุณจริงๆ ตอนสัมภาษณ์ ชอบแนวคิดจึงรับเข้ามาร่วมงาน"
พี่ตอบว่า " ไม่เป็นไรครับ งานของผม ผมหาเอง ขอเวลา 2 สัปดาห์ แล้วผมขออนุญาตเข้ามารายงานว่า ผมจะทำอะไรบ้าง"
พี่เดินดูขบวนการผลิต คิดๆๆๆ หาจุดบกพร่อง จดๆๆๆๆ ตรงใหนไม่เข้าใจ ถาม เพื่อมองภาพรวมให้ออกว่า ขบวนการเริ่มจากใหน ไปใหน จนเกิดภาพในใจชัดเจน แล้วจึงเริ่มมองจุดบกพร่อง เท่าที่เราสามารถแก้ไขและเห็นผลเชิงตัวเลข และสรุปว่า พี่จับเรื่องของเสียที่เป็นท่อเหล็กที่ถูกตัดออกซึ่งมีจำนวนหลายตันต่อเดือน โดยวัดความยาวที่ถูกตัดออกแล้วเอามาเข้าสมการแล้วได้คำตอบที่ดีที่สุดว่า ถ้าสั่งซื้อ วัตถุดิบที่เป็นท่อเหล็ก ซึ่งจากเดิมซื้อที่ความยาว 6 เมตร เป็น 3 ชนิดความยาว เพราะโรงงานสั่งซื้อเดือนละหลายล้าน สามารถคุยกับผู้ผลิตได้ จะทำให้ลดของเสียลงได้ 18%
เอาเรื่องนี้ไปคุยกับMD พร้อมรายละเอียด สรุป MDเห็นด้วย แล้วผลจากการนี้ ทำให้โรงงานประหยัดการซื้อวัตถุดิบลงเดือนละเกือบ 3 ล้านบาท หลังจากนั้น เราคือคนสำคัญคนหนึ่งในโรงงานทันที คิดอะไร เสนออะไร คำพูดเราจะมีน้ำหนัก
วิศวกรรุ่นหลังๆ ที่รับเข้ามาทำงาน พี่ไม่รู้ว่าสั่งสอนกันมาอย่างไร บางคนออกมา รอรับงานตามคำสั่งอย่างเดียวและเป็นอยู่อย่างนั้น ทำอะไรก็ทำอยู่อย่างนั้น สร้างงานไม่เป็น พอทำไปนานๆ ก็ถูกระบบกลืน ฝังตัวอยู่ในระบบที่เดิมประสิทธิภาพต่ำ ก็อยู่ต่ำๆอย่างนั้นโดยไม่กระตุ้นวิธีคิดตัวเองสร้างสรรงานใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อให้ระบบงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมา แล้วก็มาโอดครวญว่า ได้เงินเดือนน้อย ไม่ก้าวหน้า
พอมาเล่าให้ฟัง บางคนยังมาแก้ตัวอีกว่า ที่ทำงานไม่อนุญาต ไม่เปิดโอกาสให้แบบนั้น จึงต้องเล่าเรื่อง ที่ต้องต่อสู้ทางความคิดกับประธานฯ ในกระทู้ต่อมา จึงเงียบกันไปได้
น้องอย่าลืมว่า เราเป็นวิศวกร เราถูกหล่อหลอมด้วยระบบการศึกษาในวิชาชีพของเราว่า เราคือผู้สร้าง ผู้ที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แล้วเค้นความคิดออกมาให้ได้
แสดงความคิดเห็น
เราเบื่อที่ทำงาน เพราะไม่มีงานให้ทำ แปลกเหรอคะ
หลังจากเข้ามา งานของเรา คือวิศวกร ซ่อมบำรุง อยู่ต่างจังหวัด
ที่แผนก เราคือผู้หญิงคนเดียว แต่สำหรับเด็กวิศวะ ก็ไม่แปลก เพราะที่มหาลัยก็มีแต่เพื่อนผู้ชาย จึงไม่ใช่ปัญหา
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ เราไม่มีงานค่ะ งานน้อยมาก คนอื่นๆ ที่รับมาพร้อมๆกัน วันๆไม่เคยอยู่ห้อง ออกไปประชุม อยู่หน้างาน
เราก็นั่งเป็นเลขาห้อง ไปโดยบรรยาย
เคยเข้าไปคุยกับหัวหน้า เหตุผลที่ได้ คือ เค้าเกรงใจที่เราเป็นเพศหญิง
เราก็แบบ เอ่อ ถ้าจะเกรงใจ ก็ไม่ควรรับมาแต่แรกป่ะคะ
เค้าก็บอก ให้พิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ให้งานเพิ่ม
เพื่อสร้างแบรนด์ตัวเองเลย
อยู่แบบนี้ มาเกือบปี ที่ผ่านมา ไม่รู้สึกว่าได้อะไรจากที่นี่ นอกจากเงิน
งานไม่มี ประสบการณ์ไม่งอกเงย ผลงานอย่าไปหวัง เราเลยอยากลาออก
เราไม่แปลกใช่มั้ยคะ ที่ออกจากงาน เพราะเราอยากทำงาน ไม่ได้อยากนั่งหายใจทิ้งไปวันๆ
มีใครเป็นเหมือนเราบ้างมั้ยคะ