ขอเสนอเป็นความรู้สั้นๆง่ายๆนะคะ รายละเอียดปรึกษาหมอที่ไปรักษาเพิ่มเติมค่ะ
1.สุนัข แมว ที่โตแล้ว
   1.1ตรวจดูสภาพช่องหู ตา ผิวหนัง
   1.2สัตว์ที่ดูปกติถ้าเป็นไปได้ ควรตรวจเลือด ตรวจพยาธิหนอนหัวใจ พยาธิในเม็ดเลือด เพราะถ้ามีโรคซ่อนอยู่จะได้ป้องกันรักษาทัน ถ้าสุขภาพดีเจ้าของก็จะได้มั่นใจในการเลี้ยงต่อ ยิ่งเป็นสุนัขและแมวที่เก็บได้ หรือหลงมา แล้วเจ้าของอยากเลี้ยงไว้ ควรตรวจค่ะ จะได้นำเข้าเลี้ยงหรืออยู่รวมกับตัวอื่นได้ ในแมวควรตรวจเอดส์แมวและลิวคิเมียค่ะ เดี๋ยวนี้การตรวจต่างๆส่วนมากมีชุดตรวจรู้ผลภายใน10-15นาทีค่ะ
    1.3 หากตรวจแล้ว สุขภาพดี ควรทำวัคซีนรวมพร้อมพิษสุนัขบ้า ฉีดหรือหยดหรือกินยาป้องกันเห็บหมัดและพยาธิหนอนหัวใจ ถ่ายพยาธิรวมในทางเดินอาหาร
    1.4 สัตว์โตที่ตรวจสุขภาพแล้วปกติ แต่ขนสกปรก สังกะตัง เห็บหมัด ควรอาบน้ำ-ตัดขน ตัดเล็บ เช็ดหู ถอนขนหู ให้สะอาดเรียบร้อย เพื่อกำจัดปราสิตก่อนนำเข้าบ้าน

2.ลูกสุนัข และ ลูกแมว
    2.1 ห้ามให้กินนมวัวจะดีที่สุด บางตัวอาจกินแล้วไม่เป็นอะไร แต่บางตัวหากกินนมวัว จะท้องอืด ท้องเสีย ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นน้ำ หรือแพ้มากจนถ่ายปนเลือดคล้ายลำไส้อักเสบ ในนมวัวจะมีน้ำตาลบางตัวที่ลูกสัตว์ย่อยไม่ได้ หรือแพ้ ทางที่ดีให้กินนมที่สกัดเพื่อลูกสุนัขและแมว มีทั้งชนิดผง ชนิดน้ำ หรือนมแพะ
          ลูกสัตว์หากย้ายที่อยู่ออกจากฝูง ออกจากแม่ เดินทางไกล หรือท้องเสีย จะเกิดความเครียด ภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้เกิดติดโรคไวรัสได้ง่าย หรือช่วงภูมิคุ้มกันต่ำจะทำให้โรคที่แฝงอยู่แสดงอาการออกมา หรือติดโรคแทรกซ้อนง่าย
          ลูกสัตว์สามารถเริ่มกินอาหารเม็ดได้ตั้งแต่อายุ3สัปดาห์หากให้อาหารเกรดพรีเมี่ยมสูตรแม่เลี้ยงลูก กินได้ทั้งแม่และลูก ย่อยง่าย ลูกจะกินอาหารได้ดี อย่านมเร็ว ตัวแม่ไม่โทรม
     2.2 ลูกสัตว์ถ่ายพยาธิน้ำได้ตั้งแต่อายุ3สัปดาห์ จากนั้นถ่ายทุกๆ2สัปดาห์ จนอายุครบ3เดือน จะถ่ายทุกๆ3เดือนตลอดชีวิต(พยาธิติดจากแม่สู่ลูกผ่านรกได้ ตัวแม่ควรได้รับการถ่ายพยาธิก่อนผสม และก่อนคลอดเพื่อตัดวงจรพยาธิ มียาถ่ายพยาธิที่ผลิตมาเพื่อแม่สัตว์ตั้งท้องปลอดภัยทั้งแม่และลูก) หากไม่ได้ถ่ายพยาธิ ลูกสัตว์ตจะซีด ท้องป่อง แต่ซี่โครงขึ้น อ๊วกออกมามีพยาธิ บางตัวถ่ายเหลว บางตัวเบ่งถ่ายเหมือนท้องผูกเพราะพยาธิตัวกลมอุดตันลำไส้
    2.3 ลูกสัตว์ที่ได้มาใหม่ควรงดการอาบน้ำประมาณ7-10วัน เพื่อให้ร่างกายปรับสถาพ หากรีบอาบอาจปรับอุณหภูมิไม่ได้ ปอดชื้น แสดงอาการทางเดินหายใจ เป็นไข้ ภูมิคุ้มกันต่ำ ที่สำคัญหากสัตว์มีโรคซ่อนอยู่เช่นไวรัสลำไส้อักเสบ ไวรัสไข้หัดก็จะแสดงอาการออกมาให้เห็นจะได้ตรวจรักษาได้ก่อน และเลือกอาหารสูตรลูกสัตว์
   2.3 วัคซีน เจ้าของต้องทำความเข้าใจก่อนว่าลูกสัตว์จะแข็งแรงดีกว่าหากแม่ได้กระตุ้นวัคซีนก่อนตั้งท้อง ลูกจะได้รับภูมิมาในระดับหนึ่ง พออายุเข้าสองเดือนภูมิคุ้มกันจะลด เดี๋ยวนี้จึงเน้นทำวัคซีนได้ตั้งแต่1เดือนหรือ1เดือนครึ่ง ตามแต่ชนิดวัคซีน อีกอย่างที่สำคัญวัคซีนไม่ได้ฉีดปุ๊บป้องกันโรคปั๊บแต่หลังฉีดราวๆ2สัปดาห์ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะเริ่มสร้างขึ้น และจะป้องกันโรคได้ดีเมื่อทำวัคซีนครบตามโปรแกรม และกระตุ้นซ้ำทุกปี สัตว์ที่ทำวัคซีนครบจะแข็งแรงกว่า แต่ก็สามารถป่วยได้หากอยู่ในเขตโรคระบาด หรือได้รับเชื้อโรคช่วงร่างกายอ่อนแอ แต่สัตว์ที่ทำวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกันสามารถรักษาเเล้วหายเร็วและโอกาสเสียชีวิตจากโรคในวัคซีนน้อย
   2.4 การกำจัดเห็บหมัด ลูกสัตว์อายุไม่ถึง2เดือนควรใช้แป้ง หรือสเปรย์ ชนิดที่ปลอดภัยกับลูกสัตว์ไปก่อน จากนั้นใช้ยาหยด หรือทำตามโปรแกรมสัตวแพทย์ การป้องกันกำจัดเห็บหมัดและพยาธิหนอนหัวใจควรทำต่อเนื่องตลอดชีวิต
  
3.สัตว์อายุมาก หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต โรคพยาธิหนอนหัวใจ โรคหัวใจ เบาหวาน ไทรอยด์ ควรตรวจเลือดเป็นระยะถึงแม้สัตว์จะดูแข็งแรงแล้วก็ตาม  

4.เรื่องอาหารและการดูแลบางอย่างเจ้าของก็ปรับใช้ให้เหมาะกับคุณภาพชีวิตค่ะ การให้สัตว์กินไก่สับ ตับย่าง ข้าวคลุก อาจมีผลต่อสุขภาพและผิวหนังจริง แต่บางคนเลี้ยงเยอะอาจจะแบกรับค่าอาหารไม่ไหว ทำวัคซีนหรือโปรแกรมสุขภาพทั้งหมดไม่ไหว ก็ปรับใช้เอาแค่พอสบายใจค่ะ บางตัวเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไร เห็นใจคนที่เอาอาหารไปเลี้ยงสุนัขและแมวจรค่ะเค้าใจดี มีเมตตาจริงๆแต่ถ้าจะต้องหาเงินมาทำตามโปรแกรมสุขภาพก็คงจะไม่ไหว ไม่อยากให้คนเลี้ยงเครียด หมอแค่เสนอเป็นแนวทาง และความรู้ค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีจาก หมออาสาตอบปัญหาสัตว์เลี้ยงค่ะ