Pic ซ้อมๆ ของ หงา คาราวาน ศิลปินรุ่นเทพ

กระทู้สนทนา
แล้วในวันที่ 13 ก.ค. หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรม นั้นคงมีแต่ความหอมอบอวล อุ่นไอความรักที่ทุกคนพร้อมจะส่งต่อให้กันและกัน ที่สำคัญคือส่งต่อความรักนี้ไปถึงพี่หงา...พี่ชายใจดีที่เราทุกคนรัก

จะบอกกับทุกคนว่าจนถึงเวลานี้ 20.29 พี่หงากับวงยังคงซ้อมเพลงกันอย่างเต็มที่ สำหรับแฟนเพลงทุกคน...ส่งกำลังใจดีๆไปให้พี่หงาและทุกคนในวงกันด้วยน๊า

และนี่มีบทความคนพูดถึง หงา คาราวาน อีกแง่มุมดีๆ มาฝากกันค่ะ

บทความจากผู้ชายที่ชื่อเอก อัคคี ที่มาบอกเล่าถึงเรื่องราวบางบทตอนของพี่หงาสุรชัย จันทิมาธร
40 ปี...สุรชัย จันทิมาธรบนถนนมิตรภาพ
39 ปี...คาราวาน : เงาอดีตที่ยังหายใจ!

สังคมไทยและสังคมโลกรู้จักวงดนตรีวงนี้ “คาราวาน”พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานถึง 39 ปี แต่ถ้าบนถนนมิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนรักเพื่อนร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา ย่อมมีตัวเลขที่ยาวนานกว่านั้น!
สุรชัย จันทิมาธร เป็นพี่ใหญ่...ผู้เจนจัดเป็นเสรีชนตัวจริง
ทองกราน ทานา เป็นพี่รอง...ผู้เงียบขรึมและให้เสียงดนตรีแทนคำพูด
วีระศักดิ์ สุนทรศรี เป็นพี่สาม…ผู้แปลกยากและมีโลกส่วนตัว
มงคล อุทก เป็นน้องเล็ก…ผู้ร่าเริงและเร่าร้อนในการต่อสู้
วันนี้...พี่ใหญ่อายุ 65 ปีแล้ว....ขณะที่น้องเล็กก็ 62 ปีแล้ว ถ้าเป็นชายไทยทั่วไป นี่คือคนสูงอายุที่ผ่านวัยเกษียณ ถ้าเป็นข้าราชการก็ปลดประจำการ นอนกินบำนาญเลี้ยงหลานอยู่บ้าน
แต่สำหรับพวกเขาวิถีชีวิตแห่งศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน...ไม่อนุญาตให้อยู่บ้านเฉยๆหรือไปนั่งจ่อมจมสูบยาซองแล้วก็จิบน้ำชาที่หอมอบอวล ทุกคนยังคงทำงานหนักในวิถีทางของตนเอง...แม้ว่าวันนี้จะไม่มีอีกแล้ว วงดนตรี “คาราวาน”แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะลบล้าง “เงาอดีตที่เคยยิ่งใหญ่”ออกไปจากชีวิตได้
...........................

จากจุดเริ่มต้นในค่ำคืนวันที่ 19 มิถุนายน ที่จังหวัดระยอง ผมเดินทางไปพร้อมทีมงานช่างภาพโทรศัพน์ของSMMTV เพื่อบันทึกเทปสัมภาษณ์สุรชัย จันทิมาธร เรื่องจุดเริ่มต้นของตำนานเพลงคาราวานและจุดเริ่มต้นของการผลิตแผ่นเสียงคาราวานที่ทุกวันนี้กลายเป็น ของหายากและมีราคาแพงมากในบรรดาแผ่นเสียงเพลงไทย
ผมขนแผ่นเสียงส่วนตัวไปหลายสิบแผ่นทั้งที่เป็นงานเพลงของคาราวานและงานส่วนตัวของพี่หงา สุรชัย คนใกล้ชิดพี่หงาหลายคนบอกผมว่า นี่เป็นเทปประวัติศาสตร์เพราะเป็นครั้งแรกที่ให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจนานถึง 45 นาทีเกี่ยวกับแผ่นเสียงคาราวานและที่มาที่ไปของการทำงานเพลงในยุคแรก
จากจุดนั้นผมก็ถูกใครบางคน...อะไรบางอย่างขีดเส้นให้เข้าเดินเข้าสู่ร่องเสียงชีวิตในโลกส่วนตัวของคาราวานทั้งสี่คน
เริ่มจากไปเจอพี่อืด ทองกราน ทานา คาราวานผู้เงียบขรึมที่บ้านพักส่วนตัว
ถัดมาไม่กี่วันผมพบกันเองนั่งอยู่ในบ้านพักส่วนตัวของพี่หงา สรุชัย จันทิมาธรอีกครั้ง ในโลกส่วนตัวของแกจริงๆโลกที่มีสุนัขตัวเล็กๆสีขาวน่ารักสองตัววิ่งเล่นอยู่รอบตัวและพี่หงานั่งลงกับพื้นชันเข่าและเซ็นชื่อลงบนปกแผ่นเสียง,กีต้าร์ ฯลฯให้ผม ทั้งที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันทั้งคืนแล้ว
หลังจากนั้น...วันรุ่งขึ้นผมก็พบตัวเองนั่งอยู่ในบ้านพักส่วนตัวของพี่หว่อง มงคล อุทก มือพิณคาราวาน ผมนั่งดูพี่หว่องทำงานศิลปะให้เกียงปาดปัดป้ายแต้มเนื้อสีลงบนเฟรมอย่างคล่องแคล่วและเปี่ยมด้วยพลัง
บ่ายวันถัดมา..ผมพบว่าตัวเองกำลังขับรถไปส่ง “พี่แดง วีระศักดิ์ สุนทรศรี” คาราวานผู้มีโลกเฉพาะที่แปลกแยกและปิดกั้นตัวเองจากสังคมภายนอกอย่างชัดเจน
...เพราะชีวิตก็แล้วแต่ขาพาไป....สุรชัย จันทิมาธร ชายวัย 65 ปี ยังคงยืนผงาดง้ำค้ำโลกแห่งเสียงเพลงและโลกแห่งวรรณศิลป์อย่างสง่างาม ในฐานะ “ศิลปิน”....ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปินด้วยชีวิตและจิตวิญญาณเสรีชนขนานแท้และเป็นขบถตลอดกาลต่อกรอบกฏเกณฑ์ที่ตีเส้นให้เดิน!
...................
ชายทั้งสี่คน...เซ็นต์ชื่อของตัวเองลงบนกระดาษแข็งปกแผ่นเสียงทุกแผ่นที่ผมมีอย่างตั้งใจและเต็มใจ บางคนใช้มือซ้ายจับปากกากา,บางคนใช้มือขวา...บางคนตวัดข้อมืออย่างรวดเร็ว ปาดป้ายสาดสายลายเส้นสีทองเป็นชื่อนามสกุลของเขา ขณะที่บางคนเขียนลายเซ็นต์อย่างช้าๆบรรจง แต่หนักแน่นลายเส้นมั่นคง...น้ำหนักของหมึกสีทองสม่ำเสมอ...บางคนเซ็นตัวใหญ่ บางคนเซ็นต์ตัวเล็ก...บางคนตวัดปลายเส้นขึ้น...บางคนตวัดปลายเส้นลง
ว่ากันว่า ลายเซ็นของคนคือกระจกเงา สะท้อนให้เห็นตัวตน อารมณ์ ความคิด ชีวิตและชีชะตาของเขาคนนั้น...ผมเห็นรหัสชีวิตอะไรบางอย่างบนเส้นสายลายเซ็นต์เหล่านั้น
แต่...ผมไม่ใช่หมอดูลายเซ็นต์,ผมไม่ใช่นักทำนายโชคชะตา หากแต่ผมเป็นเพียงนักสังเกตการณ์และเก็บบันทึกเรื่องราวของผู้คนบนถนนชีวิตบางช่วงบางตอนเท่าที่พอจะมีสติปัญญาทำได้

แต่ “เสือเตี้ย สนานจิตต์ บางสะพาน”พี่เอื้อยอีกคนหนึ่งของผม พูดกับผมสั้นๆ
ว่า “ยิ้ม!...เอกรู้ไหมว่าสิ่งที่เก็บไว้ มันคือวัตถุพยานทางประวัติศาสตร์ของวงการเพลงเพื่อชีวิตเมืองไทย มันยากมากที่ใครจะมีครบอย่าง ลายเซ็นของคาราวานทั้งสี่คนบนปกแผ่นเสียง ตั้งแต่ซิงเกิลแรกมาจนถึงแผ่นเสียงชุดสุดท้าย...บ้าแล้ว!!...เอามาได้ไง ต่อไปมันคือ สินทรัพย์ที่มีคุณค่ามหาศาล ต้องเก็บรักษาให้ดีๆนะโว๊ย”
ครับ---ผมเชื่อพี่เตี้ย และเหตุผลที่ผมเก็บก็มีเจตนาเช่นนั้น ไม่ใช่มีไว้เพื่ออวดโชว์โก้เก๋หรือว่าเอาไว้ปั่นราคาขายกิน...เพราะผมมีอาชีพเขียนหนังสือขายอาชีพเดียว!!

















แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่