เงินปันผล(Dividend Yield) คือ ผลตอบแทนอีกช่องทางนึงจากการซื้อหุ้น นักลงทุนบางส่วนอยากได้กำไรเร็วๆ จากส่วนต่างของราคา(Capital Gain) เพราะได้รับกำไรทันทีเมื่อขายหุ้น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
สำหรับนักลงทุนที่กำลังแสวงหาความมั่นคงในการลงทุน และต้องการสะสมหุ้นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า "ลงทุนหุ้นตัวไหนดี ถึงจะได้เงินปันผล" ลองมาเนื้อหาด้านล่างกัน เผื่อได้คำตอบที่ค้นหา
เงินปันผลมาจากไหน ?
ธุรกิจที่มีผลประกอบการดี มีกำไรหักต้นทุนค่าใช้จ่ายออกไปแล้ว เมื่อเราซื้อหุ้นตัวนั้น แล้วถือหุ้นจนขึ้นเครื่องหมายได้รับสิทธิ์ XD ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลตามนโยบายของบริษัทได้กำหนด
ข้อดีของการซื้อหุ้นที่การจ่ายเงินปันผล คือ เมื่อเราซื้อหุ้นไปแล้ว มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลไปเรื่อยๆ ทุกปี จนกว่าจะขายหุ้นออก
หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เช่น เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตก หุ้นที่ซื้อไว้มีโอกาสสูงที่จะตกตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเราเลือกซื้อหุ้นที่ตัวบริษัทมีความมั่นคงทางธุรกิจไว้บางส่วน ในช่วงเวลานั้นเราก็ยังได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลกลับคืนมาบ้าง ถึงจะน้อยกว่าปีก่อนๆ เพราะได้กำไรลดลง เมื่อบริษัทผ่านพ้นวิกฤตไปได้ บริษัทกลับมามีกำไรดังเดิม เงินปันผลที่ได้รับก็กลับมาด้วยเช่นกัน
วิธีเช็คเงินปันผลจากเว็บไซต์ www.settrade.com
- เข้าเว็บไซต์ www.settrade.com
- พิมพ์ชื่อย่อของหุ้นในช่อง "ค้นหาข้อมูลหลักทรัพย์" กดปุ่ม Enter
- เลือกแถบ "สิทธิประโยชน์ผู้ถือหุ้น"
ความแตกต่างของหุ้นที่จ่ายเงินปันผล และหุ้นที่ไม่จ่ายเงินปันผล
- ตัวอย่าง หากซื้อหุ้น CPF ได้เงินปันผลทุกปีอย่างสม่ำเสมอ และมีโอกาสได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ถ้าซื้อหุ้นในจังหวะที่เหมาะสม มีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างของราคาอีกด้วย
- ตัวอย่าง หากซื้อหุ้น SSI ไม่มีเงินปันผลใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ช่องทางของผลตอบแทนเหลือเพียงช่องทางเดียว คือ กำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขายเท่านั้น
รู้ได้ยังไงว่าบริษัทจะให้เงินปันผลเท่าไหร่ ?
บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ มีนโยบายการให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นที่ระบุไว้อย่างชัดเจน โดยคิดจากกำไรสุทธิของบริษัทที่หักภาษีแล้ว
จุดสังเกตในการดูเงินปันผล เช็คว่าบริษัทนั้นมีนโยบายให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ ยิ่งมากยิ่งดี บริษัททั่วไปมีนโยบายให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นประมาณ 40% ของกำไรสุทธิ หากต่ำกว่านั้นถือว่าบริษัทนั้นไม่ให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้น บางบริษัทอาจจะให้เงินปันผลสูงเกิน 100% ของกำไรสุทธิเลยก็มี หรือไม่ให้เงินปันผลเลยก็มี
อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกบริษัทที่ให้เงินปันผลเป็นที่พอใจแล้ว ควรพิจารณาราคาหุ้นในปัจจุบันประกอบด้วย
ปล. ผู้เขียนไม่มีเจตนาในการส่งเสริมให้ซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพียงยกตัวอย่างเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับสาระความรู้ไม่มากก็น้อย สำหรับผู้อ่านมีความรู้ความเข้าใจอยู่แล้ว จะได้เป็นการทบทวนความรู้เดิม ขอให้ทุกคนโชคดีในการลงทุน ขอบคุณครับ
ผมในฐานะจขกท.ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงโดยให้เครดิตทั้งหมดแก่เจ้าของBlogข้างล่างนี้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนทุกท่านครับ
http://zhugeliang07.blogspot.com/2013/01/blog-post_27.html
ลงทุนในหุ้นที่กิจการดี มีปันผล ลดความเสี่ยงกันเถอะ
สำหรับนักลงทุนที่กำลังแสวงหาความมั่นคงในการลงทุน และต้องการสะสมหุ้นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า "ลงทุนหุ้นตัวไหนดี ถึงจะได้เงินปันผล" ลองมาเนื้อหาด้านล่างกัน เผื่อได้คำตอบที่ค้นหา
เงินปันผลมาจากไหน ?
ธุรกิจที่มีผลประกอบการดี มีกำไรหักต้นทุนค่าใช้จ่ายออกไปแล้ว เมื่อเราซื้อหุ้นตัวนั้น แล้วถือหุ้นจนขึ้นเครื่องหมายได้รับสิทธิ์ XD ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลตามนโยบายของบริษัทได้กำหนด
ข้อดีของการซื้อหุ้นที่การจ่ายเงินปันผล คือ เมื่อเราซื้อหุ้นไปแล้ว มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลไปเรื่อยๆ ทุกปี จนกว่าจะขายหุ้นออก
หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เช่น เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตก หุ้นที่ซื้อไว้มีโอกาสสูงที่จะตกตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเราเลือกซื้อหุ้นที่ตัวบริษัทมีความมั่นคงทางธุรกิจไว้บางส่วน ในช่วงเวลานั้นเราก็ยังได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลกลับคืนมาบ้าง ถึงจะน้อยกว่าปีก่อนๆ เพราะได้กำไรลดลง เมื่อบริษัทผ่านพ้นวิกฤตไปได้ บริษัทกลับมามีกำไรดังเดิม เงินปันผลที่ได้รับก็กลับมาด้วยเช่นกัน
วิธีเช็คเงินปันผลจากเว็บไซต์ www.settrade.com
- เข้าเว็บไซต์ www.settrade.com
- พิมพ์ชื่อย่อของหุ้นในช่อง "ค้นหาข้อมูลหลักทรัพย์" กดปุ่ม Enter
- เลือกแถบ "สิทธิประโยชน์ผู้ถือหุ้น"
ความแตกต่างของหุ้นที่จ่ายเงินปันผล และหุ้นที่ไม่จ่ายเงินปันผล
- ตัวอย่าง หากซื้อหุ้น CPF ได้เงินปันผลทุกปีอย่างสม่ำเสมอ และมีโอกาสได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ถ้าซื้อหุ้นในจังหวะที่เหมาะสม มีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างของราคาอีกด้วย
- ตัวอย่าง หากซื้อหุ้น SSI ไม่มีเงินปันผลใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ช่องทางของผลตอบแทนเหลือเพียงช่องทางเดียว คือ กำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขายเท่านั้น
รู้ได้ยังไงว่าบริษัทจะให้เงินปันผลเท่าไหร่ ?
บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ มีนโยบายการให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นที่ระบุไว้อย่างชัดเจน โดยคิดจากกำไรสุทธิของบริษัทที่หักภาษีแล้ว
จุดสังเกตในการดูเงินปันผล เช็คว่าบริษัทนั้นมีนโยบายให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเท่าไหร่ ยิ่งมากยิ่งดี บริษัททั่วไปมีนโยบายให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นประมาณ 40% ของกำไรสุทธิ หากต่ำกว่านั้นถือว่าบริษัทนั้นไม่ให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้น บางบริษัทอาจจะให้เงินปันผลสูงเกิน 100% ของกำไรสุทธิเลยก็มี หรือไม่ให้เงินปันผลเลยก็มี
อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกบริษัทที่ให้เงินปันผลเป็นที่พอใจแล้ว ควรพิจารณาราคาหุ้นในปัจจุบันประกอบด้วย
ปล. ผู้เขียนไม่มีเจตนาในการส่งเสริมให้ซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพียงยกตัวอย่างเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับสาระความรู้ไม่มากก็น้อย สำหรับผู้อ่านมีความรู้ความเข้าใจอยู่แล้ว จะได้เป็นการทบทวนความรู้เดิม ขอให้ทุกคนโชคดีในการลงทุน ขอบคุณครับ
ผมในฐานะจขกท.ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงโดยให้เครดิตทั้งหมดแก่เจ้าของBlogข้างล่างนี้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนทุกท่านครับ
http://zhugeliang07.blogspot.com/2013/01/blog-post_27.html