สอบถามเรื่องการขอถอนหุ้นจากบริษัทและส่วนแบ่งจากการขายหุ้นคืนบริษัทค่ะ

ขอท้าวความก่อนนะคะ บริษัทนี้เป็นบริษัทของอากงหุ้นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนเป็นเพื่อนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาด้วยกันจากเมืองจีน เมื่อ 50 ปีก่อนก็ไม่ได้มีสัญญาอะไรหรอกค่ะแค่เหมือนทำๆ ช่วยๆกัน ไปรับสินค้าจีนจากท่าเรือหวั่งหลีเช่นดอกไม้พลาสติก ของเล่นจากจีนไปตระเวนเดินขาย พอกิจการเริ่มขยายก็มีห้องแถวในสำเพ็ง มีโกดัง เริ่มสั่งของเข้ามาเอง มีการจดทะเบียนบริษัท ของที่ขายก็จะพวกของเล่นที่ยุคสมัยนั้นนิยม อะไรฮิตก็สั่งมาขายส่งให้ร้านในสำเพ็งอีกทีค่ะ ต่อมามีเพื่อนที่อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงมาขอหุ้นด้วย โดยแบ่งหน้าที่คือคนที่อยู่ฮ่องกงจะเป็นคนสั่งของจากเมืองจีนเข้ามาเองอยากได้ตัวไหนเพิ่มเติมก็สั่งผ่านเค้า โดยตัวเค้าจะสั่งและขายสินค้าเดียวกันอยู่ภายในเกาะฮ่องกงด้วย และบริษัทก็ได้ตัดสินใจซื้ออฟฟิศไว้ที่เกาะฮ่องกง อยู่บริเวณใกล้ๆสถานี Central ในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นออฟฟิศสาขาฮ่องกงโดยใช้ชื่ออากงดิฉันเป็นคนซื้อ และต่อมาก็ซื้อเพิ่มอีก 1 ห้องบนตึกที่พึ่งสร้างใหม่ใกล้ๆตึกเดิมเพื่อเก็งราคา กิจการก็เริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ มีร้านของเล่นซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทสั่งซื้อกับที่บริษัทปีละจำนวนมาก ทางบริษัทจึงตัดสินใจให้หุ้นกับร้านนี้แบบฟรีๆเลย 20 หุ้นเพื่อผูกสัมพันธ์และผูกขาดว่าต้องสั่งซื้อของจากที่เราไปในตัว กิจการก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนหุ้นส่วนที่หุ้นกับอากงมาตั้งแต่แรกเริ่มเริ่มแก่ตัว จึงได้ส่งลูกชายเข้ามาช่วยดูแลที่บริษัท แต่ทางฝั่งดิฉัน ลูกหลานอากงไม่มีใครอยากทำต่อ อากงจึงต้องทำต่อไปจนอายุ 72 ปีจึงเสียชีวิตโดยที่ไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ หุ้นส่วนๆคนอื่นๆก็ไม่มีใครทำต่อ อายุ 70 กว่ากันทั้งนั้น ต่อมาเริ่มมีการขอถอนหุ้น ร้านของเล่นที่ได้หุ้นลมไป 20 หุ้น ขอถอนออกไป  10 หุ้นได้เงินไป 15 ล้านบาท หุ้นนั้นบริษัทซื้อกลับคืนมาเป็นของบริษัทเอง ต่อมาทางตัวดิฉันเองได้ตัดสินใจว่าน่าจะถอนหุ้นเนื่องด้วยว่าไม่มีใครดูแล ปัจจุบันลูกของหุ้นส่วนอากงเป็นคนดูแลแค่คนดียว ส่วนทางฮ่องกงก็ไม่มีใครไปรู้เห็น รู้แต่ว่าขาดทุนทุกปี ปีละประมาณหนึ่งล้านบาท สรุปหุ้นตอนนี้ตามหนังสือจดทะเบียนบริษัทนะคะ ของอากง(ปัจจุบันโอนเป็นชื่อน้าสาวผู้จัดการมรดก)มี 30% ลูกชายหุ้นส่วน 30% หุ้นส่วนฮ่องกง 30% หุ้นลูกค้าร้านของเล่น 10% ทรัพย์สินที่เป็นอาคาร โกดัง ออฟฟิศที่เกาะฮ่องกง ราคา ณ วันที่ซื้อ (ห้องที่เกาะฮ่องกงห้องแรกซื้อเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว) อีกห้องซื้อเมื่อ 8 ปีที่แล้ว รวมๆกันก็ 90 ล้านบาท สินค้าในสต็อก 160 ล้านบาท เงินสดบริษัท 60 ล้านบาท แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า พอเราขอถอนหุ้น หุ้นส่วนคนอื่นๆ เค้าบอกว่า เค้าสามารถให้เราได้เต็มที่แค่ 35 ล้านบาท ต่อรองกันเป็นปีๆ ได้เพิ่มมาเป็น 40 ล้านบาท เลยอยากปรึกษาว่าอย่างนี้ดิฉันควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ จะรับจำนวนนี้เลย หรือจะจ้างทนาย เพื่อขอรับในส่วนที่ควรจะได้ ปัจจุบันเหตุการณ์นี้ยืดเยื้อมากว่า 4 ปีแล้ว กลัวว่ามันจะยืดเยื่อไม่มีที่สิ้นสุดอ่ะคะ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ว่าแนวทางควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ขอบคุณค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เท่าที่อ่านดูคือคุณมีหุ้น 30% ของบริษัทต้องการถอนหุ้นออก
แต่ที่คุณให้ข้อมูลมามีแต่ฝั่งสินทรัพย์แต่ไม่มีฝั่งหนี้สินมาให้
พิจารณาด้วย จึงอาจจะมีหลายปัจจัยคลาดเคลื่อน

ถ้าคิดแค่ในส่วน สินทรัพย์ที่เป็นอสังหา และ เงินสดรวมกัน
ประมาณ 150 ล้าน ในส่วนสินค้าคงเหลือในคลังขอไม่คิด
เพราะไม่รู้ว่ามีเจ้าหนี้การค้าในส่วนนี้เท่าไหร่ หรือเป็นสินค้า
คงเหลือที่ขายไม่ได้หรือไม่

ถ้าคิดว่ามีหุ้น 30% ของสินทรัพย์ 150 ล้าน และบริษัทมี
อัตราการเจริญเติบโตเป็นลบ 40 ล้านที่เค้าเสนอมาถือว่า
เป็นเงินที่ไม่เลว และทางผู้ถือหุ้นที่เหลือเป็นคนดีไม่เอาเปรียบคุณนะครับ

แต่ถ้าบริษัทมีหนี้น้อย และสินค้าที่เหลืออยู่เป็นการสต็อกสินค้าปกติ
การที่เค้าจ่ายให้คุณได้ 40 ล้านก็ไม่แปลกเพราะ
บริษัทมีเงินสดแต่ 60 ล้าน และต้องมี cashflow
ไว้ทำธุรกิจต่อ ถ้าคุณคิดว่าน้อยเกินไปไม่เหมาะสม
ลองต่อรองเรื่อง สิทธิในอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่
เช่นไม่เอาเงินสด แต่ขอสิทธิอสังหาริมทรัพย์แทน

ทั้งนี้จะต่อรองอะไรคงต้องคิดถึงบริษัทด้วยว่าการที่คุณ
ถอนหุ้นออกไป และ อีกฝ่ายไม่ยอมเพิ่มทุน ต้องไม่ทำให้
บริษัทดำเนินกิจการต่อไปลำบาก ไม่อย่างนั้นคงคุยกันยาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่