[บทความผีแดง 2013-07-08] รายงานพิเศษ : ทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์ในครั้งนี้ได้อย่างไร

หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นครองบัลลังก์แชมป์สำเร็จ เราก็จะมามองย้อนไปถึงการต่อสู้ในฤดูกาลล่าสุดนี้ของศึกพรีเมียร์ ลีก ระหว่างลูกทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมที่มาแรงในตอนต้นอย่างเชลซี...

(ตำแหน่งตอนปลายเดือนของทั้ง 3 ทีมจะแสดงเอาไว้ในบรรทัดสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า)



สิงหาคม 2012

มีแค่ทีมเดียวจากทั้ง 3 ทีมดังกล่าวเท่านั้นที่มีตำแหน่งติดท็อป 3 ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลเดือนสิงหาคม ทีมนั้นก็คือเชลซี แชมป์ยุโรปทีมล่าสุดของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ไม่ปล่อยให้สักคะแนนหลุดมือไปเลย แต่ทั้ง 3 นัดแรกของพวกเขานั้นก็เจอแต่กับทีมที่อยู่ครึ่งล่างของตารางในตอนนี้ทั้งนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, เรดดิ้ง และวีแกน แอธเลติก ขณะเดียวกันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เปิดฤดูกาลไม่สวยนัก เมื่อพ่ายต่อหนึ่งในทีมที่ทำให้พวกเขาชอกช้ำเมื่อปีก่อนอย่างเอฟเวอร์ตัน แต่นัดต่อมาก็กลับมาได้ด้วยการชนะฟูแล่ม 3 - 2 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยได้ประตูแรกของฤดูกาลจากนักเตะหน้าใหม่อย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ต่อด้วย ชินจิ คากาวะ ทางด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เองก็มีโปรแกรมเตะในเดือนนี้ 2 นัด เอาชนะเซาแธมป์ตันไปได้ ก่อนจะไปเสมอกับลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์

เชลซี - อันดับ 1 (9 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 5 (4 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 7 (3 คะแนน)


กันยายน 2012

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเกมที่เหลืออีก 1 เกมเหนือเชลซี และทั้งคู่ก็เก็บชัยไปได้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ซัดแฮตทริคช่วยให้ทีมเอาชนะเซาแธมป์ตัน ส่วนทีมเรือใบสีฟ้าก็ตอกย้ำแมตช์สุดดราม่าเมื่อเดือนพฤษภาคมที่เอาชนะควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส จากประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บของดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ มาคราวนี้เป็น คาร์ลอส เตเบซ ที่ทำได้บ้าง คิวพีอาร์กลายเป็นทีมแรกที่แบ่งแต้มจากเชลซีได้ หลังจากผ่านช่วงเบรคทีมชาติมา แต่ทีมจ่าฝูงก็ยังกลับมาคว้าชัยชนะได้อีกในเกมพบกับสโต๊ค ซิตี้ จากนั้นก็บุกไปเอาชนะอาร์เซนอล ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองก็บุกไปเฉือนทีมคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูล ถึงถิ่นได้ 2 - 1 เช่นกัน โดยอีก 2 เกมที่เหลือในเดือนนี้พวกเขาชนะ 1 (วีแกน แอธเลติก 4 - 0) และแพ้ 1 (สเปอร์ส 2 - 3) ซึ่งเป็นเกมในบ้านทั้งหมด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สะดุดเสมอไป 2 เกม (สโต๊ค ซิตี้, อาร์เซน่อล) ก่อนจะมายิงแซงเอาชนะฟูแล่ม ไปได้

เชลซี - อันดับ 1 (16 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 3 (12 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 4 (12 คะแนน)



ตุลาคม 2012

ทีมปีศาจแดงมีสถิติยิงในลีกเฉลี่ยต่อเกมอยู่ที่ 3 ประตู และก็มาสลับข้างของผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ในฤดูกาลที่แล้วด้วยการบุกชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3 - 0 จากประตูของ ปาทริซ เอฟร่า, จอนนี่ อีแวนส์ และ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ต่อมา เวย์น รูนี่ย์ ก็เริ่มเปิดบัญชีด้วยการซัด 2 ลูกในชัยชนะ 4 - 2 เหนือสโต๊ค ซิตี้ จากนั้น ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ก็ขึ้นมาโดดเด่นบ้างจากประตูชัยที่เขาช่วยให้ทีมคว้าชัยในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ แต่แม้ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างนั้น เชลซีก็ยังคงนำเป็นจ่าฝูงอยู่ดีในเดือนตุลาคม เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเอาชนะมาได้ทั้งนอริช ซิตี้ และสเปอร์ส ทางด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้มีเดือนที่ดีขึ้นด้วยการคว้ามาได้ทุกคะแนน จากการเจอกับซันเดอร์แลนด์, เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน และสวอนซี ซิตี้

เชลซี - อันดับ 1 (22 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 2 (21 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 3 (21 คะแนน)




พฤศจิกายน 2012

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ฉลองวันครบรอบ 26 ปีในการคุมทีมอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซีพากันสะดุดในการไปเยือนเวสต์ แฮม และสวอนซี ซิตี้ ตามลำดับ ส่วนทีมปีศาจแดงก็เอาชนะอาร์เซนอลไป 2 - 1 โดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มีชื่อเป็นผู้ยิงประตูทีมเก่าด้วย จ่าฝูงทีมใหม่นี้ยังมีแมตช์คัมแบ็คสุดคลาสสิคกับแอสตัน วิลล่า ด้วย (กลับมาชนะ 3 - 2 หลังจากตามอยู่ 0 - 2) แต่ก็มาพลาดท่าในอีก 7 วันถัดมาด้วยการบุกไปแพ้นอริช ซิตี้ ถึงอย่างไรทีมปีศาจแดงก็เริ่มต้นการคว้าชัย 5 นัดรวด ด้วยการเอาชนะคิวพีอาร์ และเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ต่อเนื่องกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเดือนนี้ ทางด้านเชลซีเก็บได้เพียง 3 คะแนนจากการลงเตะ 4 เกมในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงการเปิดบ้านเสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 0 - 0 ด้วย หลังจากนั้นผู้จัดการทีม โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 1 (33 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 2 (32 คะแนน) เชลซี - อันดับ 3 (26 คะแนน)




ธันวาคม 2012/

เดือนแห่งเทศกาลเริ่มต้นด้วยชัยชนะ 3 แมตช์อันสุดตื่นเต้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมเอาชนะเรดดิ้ง 4 - 3 นั้น ทุกประตูล้วนแต่เกิดขึ้นในครึ่งแรก ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ มายิงประตูชัยในนาที 90 ในเกมปราบนิวคาสเซิล ด้วยสกอร์เดียวกันในวันบ็อกซิ่งเดย์ ก่อนหน้านั้นมีแมตช์สำคัญอย่างแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ตามตีเสมอลูกยิงทั้ง 2 ประตูของ เวย์น รูนี่ย์ จากฝีเท้าของ ยาย่า ตูเร่ และ ปาโปล ซาบาเลต้า แต่หลังจากที่แฟนบอลเจ้าถิ่นดีใจจากประตูตีเสมอยังไม่ทันหาย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็มาซัดฟรีคิกเป็นประตูชัยเข้าไป ยังมีอีก 3 เกมที่เอาชนะซันเดอร์แลนด์กับเวสต์ บรอมวิช และบุกไปเสมอสวอนซี ซิตี้ ทั้งหมดนั้นเป็นเกมที่ไม่ได้น่าตื่นเต้นมากนัก แต่มันก็ช่วยขยายคะแนนทิ้งห่างในตำแหน่งจ่าฝูงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเป็น 7 แต้มได้สำเร็จในช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นวันเกิดครบรอบ 71 ปีของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 1 (49 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 2 (42 คะแนน) เชลซี - อันดับ 3 (38 คะแนน)




มกราคม 2013

คะแนนห่างระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็น 7 แต้มเมื่อจบเดือนมกราคม แต่กลายเป็นเชลซีที่ถูกทิ้งห่างมากขึ้นไปอีก หลังจากไปพ่ายคาบ้านต่อคิวพีอาร์ แถมยังไปเสมอเซาแธมป์ตันกับเรดดิ้ง อีก ส่วน 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์นั้นมีผลงานชนะ 3 เสมอ 1 เท่ากัน วันที่น่าจดจำก็คือวันอาทิตย์ที่ 13 เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะลิเวอร์พูล ส่วนทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็บุกไปคว้าชัยที่บ้านอาร์เซนอลได้เช่นกัน ทีมปีศาจแดงเริ่มต้นแมตช์แรกของปีด้วยการบุกถล่มวีแกน แอธเลติก 4 - 0 ก่อนปิดท้ายเดือนด้วยการเอาชนะเซาแธมป์ตัน ไป 2 - 1

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 1 (59 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 2 (52 คะแนน) เชลซี - อันดับ 3 (46 คะแนน)




กุมภาพันธ์ 2013

มีคะแนนให้ตามเก็บเพียง 9 แต้มเท่านั้นในเดือนนี้ แต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ทำหลุดมือไปถึง 5 ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะได้ทั้ง 3 เกมที่ลงเตะ แนวรับของฟูแล่มถูก เวย์น รูนี่ย์ พังทลายลงในช่วงท้ายเกมที่คราเวน ค็อตเทจ และเอฟเวอร์ตันเจอทีเด็ดจากประตูของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งรักษาสถิติยิงประตูได้ในพรีเมียร์ ลีก ทุกฤดูกาล (21 ปีแล้ว) และเหยื่อรายสุดท้ายคือคิวพีอาร์ที่สนามลอฟตัส โร้ด ต้องขอบคุณประตูจากกิ๊กส์อีกครั้ง รวมถึงลูกยิงจรวดของ ราฟาเอล ดา ซิลวา ด้วย ทางด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต้องช็อคกันถ้วนหน้าหลังบุกไปพ่ายต่อเซาแธมป์ตัน ต่อด้วยการเสมอในบ้านกับลิเวอร์พูล ชัยชนะนัดเดียวของลูกทีม โรแบร์โต้ มันชินี่ คือการเอาชนะเชลซี ทีมที่จบเดือนกุมภาพันธ์ด้วยการมีคะแนนตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 19 แต้ม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 1 (68 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อับดับ 2 (56 คะแนน) เชลซี - อันดับ 4 (49 คะแนน)




มีนาคม 2013

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไล่ล่าตำแหน่งแชมป์ด้วยการคว้าชัยชนะทุกนัดในเดือนมีนาคมแบบไม่เสียประตู โดยทาง ดาวิด เด เกีย มีความสุขไปกับการสร้างสถิติเก็บคลีนชีทติดต่อกันหลายนัดที่สุดในลีก ชินจิ คากาวะ ตกเป็นพาดหัวข่าวด้วยแฮตทริคที่เขาทำได้ในเกมเปิดบ้านอัดนอริช ซิตี้ ไป 4 - 0 ก่อนที่การยิงแค่ลูกเดียวก็เพียงพอต่อการคว้าชัยในอีก 2 แมตช์ที่เหลือกับทั้งเรดดิ้ง (รูนี่ย์) และซันเดอร์แลนด์ (ติตัส บรัมเบิ้ล ทำเข้าประตูตัวเอง) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปเอาชนะแอสตัน วิลล่า ได้ ก่อนจะมาเปิดบ้านถล่มนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่พวกเขาก็ทำให้คะแนนตามหลังทีมปีศาจแดงถูกทิ้งห่างออกไปอีกด้วยการบุกไปแพ้เอฟเวอร์ตัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อับดับ 1 (77 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 2 (62 คะแนน) เชลซี - อันดับ 4 (55 คะแนน)




เมษายน 2013[

ก่อนถึงเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ทางด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีคะแนนตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 15 แต้ม หรือพูดอีกอย่างคือต้องชนะให้ได้ 5 นัดถึงจะตามมาเท่ากัน และพวกเขาก็บุกมาคว้าชัยได้ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่นั่นก็ไม่ได้ถล่มทลายเหมือนกับที่พวกเขาทำได้ในฤดูกาลที่แล้ว มันทำให้ทีมปีศาจแดงเศร้าก็จริง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็กลับมาได้ในเกมถัดมาด้วยการบุกไปเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ เป็นวันเดียวกับที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีโปรแกรมเตะในเอฟเอ คัพ และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ต่อมาในกลางสัปดาห์ ทีมเรือใบสีฟ้าก็ทำคะแนนไล่จี้ขึ้นมาอีกด้วยการเอาชนะวีแกน แอธเลติก ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดไปโดนเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด แบ่งแต้ม แต่ถึงกระนั้น เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพ่ายต่อท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 1 - 3 นั่นหมายความว่าทีมปีศาจแดงต้องการเพียงแค่เอาชนะแอสตัน วิลล่า ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็จะเป็นการการันตีตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 แล้ว และชัยชนะนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ จากแฮตทริคที่ 2 ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ทำให้กับสโมสรแห่งนี้ เป็นการปิดฉากการไล่ล่าแชมป์ที่น่าตื่นเต้น โดยที่ยังเหลือโปรแกรมให้ลงเตะอีก 4 เกม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันดับ 1 (84 คะแนน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - อันดับ 2 (68 คะแนน) เชลซี - อันดับ 3 (61 คะแนน)



credit : www.redarmyfc.com   โดย Sir KeaNo
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่